ฟู่ววว
ควันฟุ้งลอยตลบอบอวลเป็นมวลก้อนทะยานขึ้นสู่ท้องนภาสีดำในยามวิกาล หนุ่มหน้าหวานคายพอดออกจากปากแล้วพ่นลมปราณซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ช่วงนี้เขาใช้ปอดและสมองเยอะเกินไปแล้ว
เมื่อบุหรี่ไฟฟ้าไม่อาจบรรเทาความเครียดที่มี ซิมก็ยิ่งหน้ามุ้ย
คางเรียวมนที่เคยเกลี้ยงเกลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม
ถุงใต้ตาดำทะมึนจากการอดนอนสะสม ร่างกายผ่ายผอมรวดเร็วในเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากขิมย้ายออกจากคอนโดไปแล้ว
“ฮัลโหลขิม...” คนเดียวที่นึกออกและน้ำเสียงจากแฟนสาวอาจช่วยให้คลายสิ่งต่างๆ ที่กำลังประเดประดังเข้ามาตอนนี้
“ว่างหรือเปล่า”
...
“เปล่า! แค่ไม่ได้คุยกันเลยช่วงนี้” วันก่อนที่ขิมไปหาที่คณะก็ไม่ได้เจอกัน เขตรั้วมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ ที่ซิมไม่ได้เข้าไปเหยียบนานมาก
“ไม่มีไรจริงๆ”
...
น้ำเสียงของซิมคงมีอะไรที่คนช่างสังเกตจับผิดได้ เธอเอาแต่ถามเขาย้ำๆ ว่าสบายดีหรือเปล่า ไม่เป็นอะไรใช่ไหม
“อยากกินข้าวหมูกระเทียม”
...
“จริงนะ!!”
เมื่อคนปลายสายตอบรับและรีบบอกให้เขาเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่เคยผุดขึ้นบนใบหน้าก็ปรากฏชัดจนเกิดร่องแก้ม
ซิมกระโดดขึ้นรถตัวเองแล้วแน่นอนว่าร้านโปรคลับในเวลาเที่ยงคืนก็เหมือนอยู่แค่ปากซอย
01.30 น.
“อ้าว...”
“ไงมึง”
“ทำไมมาดึกๆ ดื่นๆ วะ”
“นี้ร้านกู...”
เพราะชะนีมีนมรบเร้าจนเลือดหนุ่มสูบฉีดวิ่งพล่านจึงต้องหาที่ระบาย
จบจากห้องน้ำในร้านเหล้าก็ยังหิ้วมะนาวไปต่อที่คอนโดจนจุกคอหอย แต่พอโซ่เปิดกล้องวงจรปิดเช็กความเรียบร้อยในร้าน นางมะนาวฝาดก็ถูกไล่ตะเพิดแบบงงๆ ขาแข้งสั่นพั่บๆ จากการขย่มโยกวิ่งออกจากห้องนอนชายหน้านิ่ง
เจ้าตัวรีบใส่เสื้อผ้าแล้วขับรถมายังธุรกิจตู้เกมที่ให้ขิมดูแล (แทน)
แหม! วันนี้พาแฟนมานั่งทำงานด้วย
“ทำไรกัน”
“กูแวะมาหาขิม คิดถึงข้าวหมูกระเทียม คิดถึงคนทำด้วย”
“ดึกแล้วทำไมมึงยังไม่กลับ”
“ก็ว่าจะกลับแล้ว...” โซ่ปล่อยรังสีกดดันแพร่ซ่านสร้างความอึดอัดจนคับห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
สายตาจับจดอยู่แต่กับแคชเชียร์สาวราวจับผิดเธอ
“งั้นเรากลับแล้วนะขิม”
“อืม..! ขับรถดีๆ นะ อย่าขาดเรียนอีกล่ะ มีอะไรก็โทรหาเรา อ้อ! รับสาย ตอบไลน์เราบ้าง”
“รู้แล้วๆ ...//กูไปแหละมึง”
“เออ” หมั่นไส้กับคำสั่งเสียที่เหมือนจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกยังไงยังงั้นแต่นั่นมันแค่สิวๆ
“ฝากดูแลแฟนกูด้วยนะเว้ย อีกไม่นานกูจะมารับขิม”
“เออ..!!!” ประโยคนี้ต่างหากที่พาคนฟังกำหมัดแน่น ทำไมต้องมาฝากให้ดูแลแฟน ทำไมต้องพูดว่าจะมารับขิมคืนไปด้วยวะ
“ซ โซ่...กินอะไรมายัง”
“มีไร”
“ขิมมีข้าว ว...”
“ของเหลือจากมันน่ะเหรอ!” โซ่เผลอหงุดหงิดใส่ขิมทั้งๆ ที่เธอไม่ผิดอะไรแถมยังมีน้ำใจไถ่ถาม
ดวงตากลมใสปิ๊งกระพือปริบๆ เหมือนเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่ดุอย่างไร้เหตุผล
“จะไปไหน!” มือหนาคว้าแขนขิมเพราะเธอกำลังจะเดินหนีแล้วกระชากมากระแทกกายแกร่งดั่งกำแพงเมือง ความสุนทรีย์ที่ได้รับจากมะนาวมลายสิ้น
“โซ่...”
“อะไร!”
“ป ปล่อยเรา ถ เถอะ นะ”
“มันเป็นอะไรฮะ”
“อ อะไร...”
“จะติดอ่างอะไรนักวะ ทีกับมันเนี้ยพูดคล่องเลยนะ” อันธพาลขี้โมโหอาละวาดไปเรื่อย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบรรยากาศมันถึงได้อึดอัดทุกครั้งที่คุยกัน และขิมก็จะเป็นแค่กับโซ่เท่านั้น
“ป ปล่อยเรา ก่อนเถอะ นะ...”
...
“จ เจ็บนะ...”
...
“โอ๊ย..!!”
มือหนาคลายแรงบีบลงเมื่อผลจากความงี่เง่าไร้เหตุผลนั้น ทำให้นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอน้ำใสๆ มันคงจะปริ่มออกมาถ้าโซ่ยังไม่ปล่อย เมื่อหญิงสาวหลุดออกจากการจับกุมก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนกึ่งออฟฟิศ สถานที่ทำงานและที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน สถานที่ที่คิดว่าตัวเองจะปลอดภัยในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ
“เดี๋ยว...ขิม!” เมื่อร่างเล็กหายเข้าไปแล้วพร้อมความตื่นกลัวนั้น ก็กลายเป็นโซ่ที่มีอาการอึกอักจนติดอ่างขึ้นมาเสียเอง
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำตอบให้เขาและเธอได้เข้าใจกับมัน