บทที่ 1.3 - คำทำนายจากป้าปริศนา (ตามหาชายคนนั้น) (จบตอน)

1635 Words
“แล้วหนูจะไปหาจากไหนคะ คนเราดวงจะสมพงษ์กันได้มันต้องเกิดมาคู่กัน เป็นรักแท้ของกันและกัน แต่หนูไม่เคยมีแฟนมาก่อนนะคะป้า” อย่าว่าแต่มีแฟนเลย แค่ความรู้สึกชอบหรือรักใครสักคนเธอยังไม่เคยได้สัมผัส ที่ผ่านมาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือและตั้งใจทำงานพิเศษเพื่อหาเงินจ่ายค่าเทอมทุกบาททุกสตางค์ ด้วยไม่ต้องการเป็นภาระของมารดา “อันนี้ป้าก็ไม่รู้” “อ้าว…” มินตราที่ฟังอยู่นานทนไม่ไหว “ป้าจะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อป้าเป็นคนทักเพื่อนของหนูว่ามันกำลังจะมีเคราะห์” “ป้าเห็นเงาดำตามตัวแม่หนู ป้าเห็นลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ป้าเลยแนะนำแนวทางแก้ให้ ส่วนเรื่องผู้ชายคนนั้นมันคือหน้าที่ที่เพื่อนหนูต้องหาเอาเอง อะไรที่นอกเหนือความสามารถของป้า ป้าช่วยไม่ได้จริงๆ” “ถ้าป้าช่วยไม่ได้ก็แสดงว่าป้าโกหก กุเรื่องมาหลอกลวง หนูรู้นะว่าป้าจะเรียกเก็บเงินค่าครูทีหลัง” มินตราว่าอย่างจับผิด ตอนนี้ไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น รู้หน้าไม่รู้ใจ สังคมทุกวันนี้มีแต่พวกหากินกับความเชื่อถมเถไป “ป้าไม่เรียกเก็บค่าอะไรทั้งนั้น” หญิงกลางคนมองมินตราด้วยหางตา เริ่มตงิดกับวาจาปากคอเราะร้าย “แม่หนู” ยื่นมือแตะแขนวราลี “อย่าเพิ่งคิดมากเลย ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตปกติไปก่อน ส่วนเรื่องผู้ชายคนนั้นป้าเชื่อว่าพรหมลิขิตจะนำพาให้พบกันในที่สุด” วราลียกมือไหว้คนตรงหน้า “หนูขอบคุณป้ามากนะคะที่เตือน” รอยยิ้มหวานจริงใจ ผิดกับอีกคน มินตรายังคงกอดอกแสร้งมองไปทางอื่น “งั้นป้าไปก่อนนะ โชคดีแม่หนู” หญิงกลางคนไม่ถือสากิริยาก้าวร้าวของมินตรา หันหลังเดินกลับเข้าห้างตามปกติ ทิ้งให้นิสิตสาวยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะวราลี… เธอแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีเคราะห์ มินตราเห็นเพื่อนกัดปากล่างตลอดเวลา ดูก็รู้ว่าเครียดหนัก “ลี… แกอย่าเพิ่งไปเชื่อเต็มร้อยนะ อาจจะมั่วก็ได้” “แต่มันก็น่าคิดนะเว้ย เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันและแก รู้จักชื่อฉัน รู้ว่าฉันชอบดูดวงมาก แล้วยังรู้นิสัยของแม่แกอีก” ทุกอย่างชวนให้น่าคิดไปหมด “แกฟังฉันนะ สมัยนี้พวกมิจฉาชีพเก่งจะตายไป แอบสืบเสาะข้อมูลก่อนเข้าหาเหยื่อเพื่อให้เหยื่อตายใจ” มินตราว่าไปตามข่าวสารที่ดูมา “แต่แกก็เห็นว่าป้าเขาไม่คิดเงินเราสักบาทเดียว” “หึ! เพราะฉันพูดดักคอไว้น่ะสิ ลองถ้าเราเงียบเผลอๆ เรียกเก็บเป็นหมื่น” มินตราเบ้ปาก วราลีส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ฉันว่าแกมองโลกในแง่ร้ายเกินไปนะมิน” “ก็ฉัน…” “พอๆ” วราลีรีบยกมือห้าม “ยังไงฉันก็จะขอเชื่อไว้ก่อนละกัน” “เชื่อแล้วจะทำยังไง หาแฟนมากันเคราะห์ร้ายงั้นเหรอ?” มินตราหัวเราะหยัน วราลีก็ช่างแปลก เรื่องอื่นคิดได้อย่างมีหลักการทุกอย่าง ทว่าเป็นเรื่องดวงเรื่องเหนือธรรมชาติเข้าหน่อย พร้อมไขว้เขวได้ทุกเมื่อ “อืม… ก็มันเป็นวิธีเดียวที่จะรอดนี่” “แต่แกอย่าลืมนะว่าต้องเป็นผู้ชายที่ดวงสมพงษ์กับแกเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะเอาใครมาอุปโลกน์ให้เป็นแฟนก็ได้” มินตราเตือนสติ “อันนั้นก็รู้ ถึงได้คิดอยู่นี่ไงว่าจะไปหาคนที่ดวงสมพงษ์กับฉันจากที่ไหน” วราลียกมือลูบปลายคาง ครุ่นคิดถึงอนาคตข้างหน้า “เอาล่ะๆ ถ้าแกอยากเชื่อฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด เอาเป็นว่าตอนนี้เรากลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน” “อืม” วราลีเห็นด้วย ร่างบางเดินตามมินตราไปยังรถปอร์เช่คันหรู หัวสมองยังคงว้าวุ่นกับเรื่องที่ถูกเตือน คิดไม่ตกว่าหลังจากนี้จะใช้ชีวิตให้เป็นปกติยังไงในเมื่อรู้ล่วงหน้าแล้วว่าตัวเองกำลังจะมีเคราะห์ คนที่ดวงสมพงษ์กับเธอน่ะหรือ ผู้ชายคนนั้นจะมีจริงหรือเปล่านะ? หลังจากรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีเคราะห์… วราลีก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น เวลาจะก้าวเท้าออกจากบ้านแต่ละทีมองซ้ายมองขวาจนคอแทบหัก มาทำงานก็หวาดระแวงราวกับคนมีชนักติดหลัง “ลี ช่วงนี้พี่ว่าลีดูแปลกๆ ไปนะ” กุ๊กไก่รุ่นพี่ที่ร่วมงานพูดขึ้น “อาทิตย์ก่อนมีหมอดูคนหนึ่งมาทักลีค่ะ เขาบอกว่าดวงของลีกำลังจะมีเคราะห์” วราลีกระซิบกระซาบเพราะกลัวใครจะได้ยิน เธอและกุ๊กไก่กำลังอยู่ในช่วงสลับเวรพักทานข้าว วราลียังคงทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านอาหารชื่อดังย่านใจกลางเมือง แม้สถานภาพจะเรียนจบแล้ว แต่ยังมีบางวันที่ต้องไปจัดการเรื่องเอกสารจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัย ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน… เธอและมินตราต้องไปติดต่อขอรับเอกสารสำคัญที่ต้องใช้สำหรับสมัครงาน คราแรกตั้งใจว่าเสร็จธุระแล้วจะกลับบ้านพักผ่อน แต่ผู้จัดการร้านโทร. ไปตามให้มาทำหน้าที่ เนื่องจากวันนี้เด็กเสิร์ฟไม่เพียงพอ เห็นว่ามีนักธุรกิจจองห้องวีไอพีเอาไว้ ร่างบางเลยต้องมาทำงานทั้งๆ ที่สวมชุดนิสิตอีกครั้ง “จริงดิ แล้วหมอดูเขาว่าไงต่อ?” กุ๊กไก่ตื่นเต้น เธอเองก็ชอบเรื่องดวงเรื่องคาถาไม่น้อยไปกว่าวราลี “เขาบอกว่าดวงของลีต้องแก้กรรมด้วยการมีแฟนค่ะ” “เห้ย! มั่วป่ะเนี่ย ไม่เคยได้ยินนะ” “ไม่น่าจะมั่วนะพี่ เพราะว่าหมอดูเขาดูแม่นมาก รู้จักชื่อลีทั้งๆ ที่ลียังไม่ได้บอก แถมยังรู้อีกว่าลีชอบดูดวง” วราลีเล่าเป็นตุเป็นตะ “โดนหลอกหรือเปล่าลี คนชอบดูดวงกับคนไม่ชอบดูมันก็เดาง่ายอยู่น่า” กุ๊กไก่ยังไม่ปักใจเชื่อ “อันนั้นลีก็พอเข้าใจได้ค่ะ แต่หมอดูเขาพูดถึงบุคลิกนิสัยแม่ของเพื่อนลีถูก ยิ่งทำให้ลีมั่นใจว่าเขาดูแม่น” วราลีฟันธง สีหน้าคนฟังเริ่มคล้อยตาม “ถ้างั้นลีก็ต้องรีบมีแฟนใช่ไหม นี่ไง ไม่ต้องไปหาไหนไกลเลย พี่เจตผู้จัดการร้านเราไง เห็นชอบแอ๊วลีอยู่บ่อยๆ” กุ๊กไก่แซว วราลีทำหน้ามุ่ย “พี่กุ๊กไก่อ่า ก็รู้อยู่ว่าลีไม่ได้ชอบพี่เขาแบบนั้น” เจตรินชอบทำกะลิ้มกะเหลี่ยใส่เธออยู่บ่อยๆ หยอกเย้าเกินงามจนบางครั้งวราลีก็แอบรำคาญ แต่พูดอะไรมากไม่ได้เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงผู้จัดการร้าน ถ้าแสดงกิริยาไม่พอใจออกไปอาจถูกหมายหัวโดนเด้งออกจากงานได้ วราลียังอยากทำงานตรงนี้อยู่ ได้เงินดีและบางวันก็มีอาหารฟรีกลับบ้านไปฝากแม่ ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่ากับข้าวได้เป็นกอง “หมอดูบอกลีว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องมีดวงสมพงษ์กับลี เขาถึงจะมีบารมีมากพอที่จะยับยั้งดวงที่กำลังอ่อนของลีค่ะ” วราลีเล่ารายละเอียด กุ๊กไก่พยักหน้า “แล้วจะไปหาจากไหนล่ะ มองเผินๆ ผู้ชายก็เหมือนกันหมด จะรู้ได้ยังไงว่าใครมีดวงสมพงษ์กับเรา” “นั่นน่ะสิ” วราลีกัดปากล่างพลางครุ่นคิด “ลีควรทำยังไงดีคะ?” ร่างบางขอความเห็น “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เกิดมาก็ยังไม่เคยเจอหมอดูที่ไหนทักแบบนี้มาก่อน” กุ๊กไก่เองก็จนปัญญา “โอ๊ย! ลีเครียดจนแทบบ้าอยู่แล้วเนี่ย” เสียงหวานตะโกนลั่นอย่างลืมตัว “ลี… อย่าเสียดังสิ” “ก็ลีเครียดนี่คะ จะไปหาจากไหนผู้ชายที่ดวงสมพงษ์กัน บ้าบอที่สุดเลย” วราลีกอดอก อาหารในจานเหลือเกินครึ่งแต่ตอนนี้กลับกลืนไม่ลงเสียแล้ว แก้วหูได้ยินแต่เสียงสะท้อนของป้าหมอดูคนนั้น “เอางี้ ระหว่างนี้ลีก็ลองคบหาใครสักคนไปพลางๆ ก่อน ดูใจกันไป ถ้าคบแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวลีก็แสดงว่าดวงสมพงษ์กัน แต่ถ้าคบแล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับลี ลีก็บอกเลิกไปเลย” “ทำแบบนั้นลีว่าไม่เวิร์คค่ะ” วราลีแย้ง “ไม่เวิร์คยังไง?” กุ๊กไก่ย้อนถาม “ก็ถ้าเกิดอีกฝ่ายเขาจริงจังกับลีขึ้นมา จู่ๆ จะให้ไปบอกเลิกเขาเพราะหมอดู เพราะดวงไม่สมพงษ์กัน ลีว่ามันจะเป็นการสร้างบาปเพิ่มนะคะ” วราลีไม่นิยมหักอกใครพร่ำเพื่อ ชอบคือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่คบ จะได้ไม่มีใครเสียใจในภายหลัง “จริงด้วยสิ พี่ลืมคิดไปเลย แล้วลีจะเอายังไงต่อ?” “ไม่รู้ค่ะ บอกตรงๆ นะพี่ ตอนนี้ลีงงไปหมดแล้ว คงต้องระวังตัวไปก่อนค่ะช่วงนี้” วราลีอับจนหนทาง ครั้นจะเล่าให้มารดาฟังก็กลัวท่านจะเครียด เดี๋ยวจะกลายเป็นนั่งห่วงเธอจนไม่เป็นอันกินอันนอน “กินๆ ใกล้เข้างานแล้วเนี่ย เห็นว่าช่วงบ่ายจะมีกลุ่มนักธุรกิจมาทานข้าวที่ร้านด้วย” กุ๊กไก่ได้ยินเจตรินเปรยให้รู้ตั้งแต่เช้า “พวกเขาจองห้องวีไอพีไว้เรียบร้อยแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD