ความซวยของใคร?

1683 Words
“นี่!! หล่อน” ก่อนที่เจ้าสาวแปลกหน้าจะเสียหลักถลาเข้ามาปะทะกับอกแน่น...ชนกับอกนุ่ม? ‘บ้าจริง!’ ฉันนิ่วหน้า “เจ็บนะคะคุณ” เจ็บแขนค่ะ อย่าลืมว่าเขาตัวใหญ่กว่าฉันและสูงกว่าฉันมาก กระชากกันแบบนี้ใครไม่รู้สึกเจ็บก็บ้าแล้ว ที่สำคัญคือเขาควรจะนุ่มนวลกับคนไม่เคยรู้จักกันซักหน่อยใช่มั้ยล่ะ ‘ดูสิคะ ข้าวของฉันหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด’ “โอ๊ะ ขอโทษๆ” เขารีบปล่อยมือราวกับตัวเจ้าสาวคนสวยคือของร้อน ก่อนจะเกาหัวแก้เก้อ ตาไม่ยอมสบกับเจ้าสาวที่เงยหน้ามองเหมือนรอฟังคำพูดของเขาอย่างตั้งใจ “คืองี้นะ ช่วงนี้มันใกล้จะเข้าหน้าหนาว เส้นทางลงเขาน่ะมันลื่น แล้วตอนเช้ามืดที่ผ่านมาน่ะเกิดอุบัติเหตุด้วย เส้นทางสัญจรหลักมันขาดยาวเกือบครึ่งกิโลเมตร กว่ากรมทางจะซ่อมเสร็จฉันว่ามันคงใช้เวลาสักห้าหกวัน ไม่ใช่ไม่อยากไปส่งแต่มันไปไม่ได้ด้วย เข้าใจรึเปล่า” เหนือตะวันบอกเหตุผลหลักอันแสนสำคัญพลางเหลือบมองหน้าผากเนียนของคนตัวเตี้ยกว่าและพยายามไม่มองต่ำลงไปกว่าคอ “ว่าแต่เธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ฉันเหนือตะวัน อายุยี่สิบเก้า” เลื่อนสายตามองไปทางอื่น ‘สงสารเจ้าสาวก็สงสาร ตัวเขาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก็ต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ไม่ใช่จะปล่อยทิ้งอีกฝ่ายเอาไว้แบบนี้’ คนหล่อตรงหน้าทำท่าคล้ายจะอายฉันนะคะ ‘เดี๋ยวนะ ตอนนี้เราควรโฟกัสกับเรื่องถนนขาดก่อนดีกว่ามั้ย’ “ชื่อเปรมิกา คุณจะเรียกฉันว่าปริมก็ได้ ส่วนอายุ” ยกยิ้ม ^^ “ยี่สิบสี่ค่ะ” ถอยออกห่างจากคนตัวใหญ่เล็กน้อยก่อนจะดึงยางรัดออกจากผมยาวสีน้ำตาล ปล่อยให้มันสยายไปจนเต็มแผ่นหลัง ไม่ใช่อะไรนะคะเจ็บหนังศีรษะค่ะ เหนือตะวันแอบกลืนน้ำลายลงคอกับความมีเสน่ห์เหลือล้นของสาวชาวกรุงดัง อึ่ก! ก่อนจะส่ายหน้าให้กับตัวเอง ‘ก็เพราะสาวชาวกรุงนี่ล่ะ ทำเอาเขาเข็ดขยาดกับความรักมาจนถึงป่านนี้ หนำซ้ำเปรมิกานี่ ยังแต่งงานแล้วอีกด้วย’ “สรุปว่า เธอจะพักที่ไร่นี่ก่อนหรือไปหาเช่าโรงแรมอยู่ฉันก็ไม่ว่า วันไหนเขาซ่อมถนนได้แล้ว ฉันสัญญาว่าจะไปส่งเธอขึ้นเครื่อง” ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมรับในผลของมัน ‘ทางสัญจรขาดเมื่อตอนเช้ามืด ก็ยังดีที่มันไม่ขาดตอนฉันอยู่ตรงนั้น’ แต่การมาติดอยู่ที่นี่นานๆ มันคงไม่โอเคถ้าฉันจะไปเช่าโรงแรมอยู่คนเดียวในห้องอย่างเงียบเหงา หรือฉันควรพักที่บ้านเขาก่อนสักระยะแล้วค่อยคิดอีกที อย่างน้อยที่นี่ก็มีครอบครัวคุณเหนือตะวันเขา มีอากาศดีๆ ตอนนี้ฉันเหนื่อยจังเลยค่ะ “ฉันไม่ได้พกเงินสดมาเยอะเท่าไหร่ บัตรอะไรก็ไม่มีสักอย่าง” นอกจากแอพในมือถือ แหะๆ ความจริงคือฉันอยากรู้ด้วยว่าอีกห้าวันหลังจากนี้ คนให้สัญญากับฉันตรงหน้าจะอาสาไปส่งฉันจริงๆ รึเปล่าต่างหาก ^^ “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ฉันขอพักที่นี่ก่อนก็ค่ะ” และมันคงจะดีกว่าไปหาที่พักทั้งๆ ที่ใส่ชุดเจ้าสาวนี่ล่ะนะคะ บวกกับฉันเองก็เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ ไม่ใช่คนเรื่องมากด้วย เรื่องงานรึก็หายห่วงเพราะฉันกับเพื่อนสนิทอีกสี่คนร่วมหุ้นกันเปิดร้านชาบู ลูกค้าเยอะมากค่ะเรื่องขาดเงิน เรื่องขาดงานนั้นตัดไปได้เลย ‘ว่าแต่สายจนป่านนี้แล้วทำไมไม่มีใครโทรหาฉันเลยนะคะ’ ฉันหอบข้าวของเดินตามคนตัวสูงกลับไปที่บ้านของเขาเหมือนเดิม สภาพตัวบ้านเป็นหลังสีเทารูปทรงคล้ายบ้านจัดสรรทั่วไปแต่ปลูกอยู่กลางไร่ มีต้นไม้ใหญ่และบ้านเล็กๆ หลายหลังล้อมรอบ ให้ความสงบร่มรื่นไปอีกแบบ “เชิญ” ผายมือ “ช่วงนี้ฉันนอนที่โรงแรมนะ ในบ้านไม่มีคนอยู่หรอก ตามสบาย” ที่จริงแล้วเขานอนที่บ้านทุกวันนั่นล่ะ แต่ที่ต้องโกหกก็เพราะต้องการให้เจ้าสาวคนนี้ได้สบายใจ เผื่อว่าเธอนอนอยู่ที่นี่แล้วจะกลัวเจ้าของบ้านแบบเขาไปทำมิดีมิร้ายเธอ ‘แน่นอนว่าเขาจะไม่ยุ่งกับเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานมาหมาดๆ แน่’ เชื่อได้เลย ‘ห้ะ?’ ฉันหูฝาดหรือเขาประสาทคะ ครอบครัวเขาล่ะไปไหน ทำไมไม่มีคนอยู่บ้านแล้วจะให้ฉันซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามานอนนี่นะ ไม่กลัวฉันยกเค้า? แต่เดี๋ยวสิ…ที่นี่มันคือไร่เพาะปลูกอะไรสักอย่าง นั่นแสดงว่ามีคนงานมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนงานผู้ชาย ‘เอิ่ม’ “งั้นฉันเปลี่ยนใจไปพักโรงแรมดีกว่าค่ะ” เจ้าของบ้านไม่อยู่สักคน ฉันต้องคิดถึงอันตรายก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ว่าอยู่กับเขาฉันจะไม่กลัวแต่คือคุณเหนือตะวันเขาก็ต้องมีครอบครัวอยู่ด้วยใช่มั้ยคะ ไม่ใช่ว่าเชิญฉันมาอยู่แต่พวกเขาไม่อยู่มันไม่ถูกต้อง เกิดคนงานกลัดมันหน้ามืดแล้วบุกมาทำอะไรฉันมันจะไม่แย่เหรอ “ไหนว่าไม่พกเงิน” หรี่ตามอง ฉันหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองให้เค้าดู ‘ก็เพิ่งรู้ว่าแบตเตอรี่หมด บ้าจริง!’ “สมัยนี้เขาโอนผ่านโทรศัพท์ ไหนๆ คุณก็จะไปโรงแรมอยู่แล้วถ้าไม่รบกวนกันเกินไปฉันขอยืมเสื้อผ้าสักชุดได้มั้ยคะ อ่อ แล้วขอยืมสายชาร์จแบตเตอรี่สักยี่สิบนาทีด้วย” ถ้าให้ฉันเดาเขาน่าจะมีน้ำใจไม่มากก็น้อย เอาจริงๆ พอมาสำรวจหน้าตาเขาดีๆ ก็เพิ่งเห็นว่าเขาหล่อมากค่ะ ติดอย่างเดียวคือนิสัยออกจะห่ามๆ ไปสักหน่อยคงเพราะเขาเป็นผู้ชายบ้านนอกล่ะมั้ง “เชิญ” ส่งสายชาร์จโทรศัพท์ให้เจ้าสาวพร้อมกับก้าวขาขึ้นบันไดไปชั้นสอง เพื่อหาเสื้อผ้าตัวเล็กๆ ให้ผู้หญิงแปลกหน้าตามที่เธอขอ จะว่าไป ที่เปรมิกาเปลี่ยนใจไปนอนโรงแรมคงเป็นเพราะเจ้าของบ้านอย่างเขาบอกว่าจะไม่อยู่บ้าน ‘ไม่รู้สิ ให้โอกาสนอนที่นี่แล้วไม่นอน อยากเสียเงินมันก็เรื่องของเธอ’ ค้นเสื้อผ้าจากตู้ได้ไม่ถึงห้านาที กางเกงกีฬาตัวเล็กสมัยเรียนมัธยมต้นก็ถูกดึงออกมาวางคู่กับเสื้อฟุตบอลสีดำเบอร์แปด…ตอนสมัยมัธยมต้นอีกนั่นล่ะ ตาคมสำรวจห้องนอนของตัวเองก่อนจะปิดล็อคแน่นหนา วันนี้เป็นวันที่สามที่เขาจะไม่อยู่บ้านเพราะมัวแต่วุ่นวายช่วยเหลือน้องสาวกับน้องเขยที่จัดการงานเลี้ยงในโรงแรมใหญ่ยังไม่เสร็จ ยิ่งเช้านี้เขาดันเจอไอ้วนพาเจ้าสาวมาอีก ‘ก็ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่น’ สองขายาวเดินลงไปถึงชั้นล่างพร้อมกับส่งชุดกีฬาให้สาวสวย “เอาไปใส่แล้วไม่ต้องคืนนะ” “ค่ะ” ฉันยื่นมือออกไปรับเสื้อผ้ามาถือไว้ “ขอบคุณนะคะ” ก่อนจะเดินไปตามทางที่เขาบอกว่าเป็นห้องน้ำ ได้ยินเขาพูดมาตามหลังว่าไม่ต้องรีบเพราะเขาจะไปโรงแรมอีกทีในตอนเที่ยง นั่นก็คืออีกสองชั่วโมงหลังจากนี้…ฉันขอหลับสักงีบดีมั้ยนะ &&&& ภาพผู้หญิงสวยจัดตัวเล็ก ในชุดนักกีฬาฟุตบอลดูเข้ากันในสายตาของเหนือตะวันอย่างบอกไม่ถูก…แต่มันไม่สำคัญเท่ากับว่าเธอมีผัวแล้ว นั่นคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ “จะว่าไป เจ้าบ่าวของเธอจะไม่แอบคิดบ้างเหรอว่าเธอหนีงานแต่ง” ฉันไม่ตอบคำถามเพราะตัวฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าอินทัชมันจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อ บทสรุปของเรื่องคงอยู่ในโทรศัพท์ที่ฉันเพิ่งชาร์จมันเอาไว้และ ติ้ด! ฉันกดเปิดเครื่องพร้อมกับรอมันด้วยหัวใจที่เต้นตึ่กๆ จน…ติ้งๆ ติ้งๆ ติ้งๆ มากกว่าห้าสิบข้อความและสายโทรเข้า ‘กูตายแน่’ คือคำอธิบายจุดจบสายชิลล์ของฉัน ตรู๊ดดดๆๆๆ ---อินทัช-- “เอ้ย!!” ตกใจหมดค่ะ เปิดเครื่องปุ๊บก็โทรมาปั๊บ อะไรไม่เท่าคือต้องกดรับสินะคะ ติ่ด! “ไฮ ที่รัก” “ไฮ เหี้ยอะไร อยู่ไหนอิปริม!!” ‘มาแล้วค่ะคำหยาบ’ ฉันนวดหัวคิ้วของตัวเองพร้อมกับคิดเรียบเรียงถ้อยคำสวยหรูให้มันโกรธน้อยที่สุดแม้มันจะยากมาก แต่ตามหลักการแล้วก็คือเรื่องของฉันมันมาไกลและยังแก้ไขไม่ได้ “ขึ้นรถผิดคันมาโผล่เชียงใหม่” ดังนั้น อินต้องใจเย็นๆ “...” (ตัวเอียงคือคุยโทรศัพท์) “...” ‘นี่ความจริงนะคะ มันจะเชื่อป่ะเนี่ย’ “ขึ้นรถผิด?” อินย้อน “อืม” “...” อิน “...” ฉันตื่นเต้น “ควาย” เจ้าบ่าวจำเป็นยืนเท้าสะเอวมองวิวบนคอนโดสุดหรู “แล้วแบตเสือกหมด” “อืม” “ฉันตามหาแกไปทั่วกรุงเทพ นึกว่าไปตายห่าที่ไหนแล้ว แต่พอรู้ว่าแกไม่เป็นไรก็ดี” ในความบ่นนั้นมีความห่วงเพื่อนสนิทอย่างปิดไม่มิด ‘ไม่โวยวายอย่างที่คิดแฮะ’ “แล้วงานแต่งล่ะ?” “รีทัชเอาสิยะ แปะหน้าหล่อนแม่งมันทุกรูป พ่อก็ถามมากแต่ฉันรับมือได้อยู่ เดือนหน้าแกจะกลับไทยแล้ว รบกวนหล่อนกลับกรุงเทพฯ ไวๆ นะยะ อย่ามัวแต่หลงหนุ่มเหนือล่ะ” ฉันแอบเหลือบมองไปทางเจ้าของบ้าน ซึ่งก็หล่อเหลาเอาเรื่อง เห็นเขามองสู้กลับก็เลยหันหลังให้ซะเลย “ไม่หลงหรอก แล้วอยู่ไหนน่ะ” “กกผัวอยู่คอนโด ขาไม่ถ่างไม่เลิก แค่นี้ล่ะ บาย” ติ่ด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD