“ไม่ต้องมาหลอกแต๊ะอั๋งพี่เลย” เธอเอ่ยบอกอย่างรู้ทัน ธารายังเป็นเด็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับพวกผู้ชายจอมกะล่อนทั้งหลายที่เธอเจอในคลับทุกๆ วัน
“ผมทำเหรอครับ ตอนไหน ผมแค่ปลอบพี่ก็เท่านั้น”
“แล้วนี่ได้เรียนหนังสือรึเปล่า”
“ได้เรียนครับ ผมไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะ แต่สมองก็ดีไม่แพ้กัน ที่หนึ่งของโรงเรียนแถมได้ทุนเรียนจนจบมหาวิทยาลัยแล้วด้วย” ได้ทีเด็กหนุ่มอวดอ้างสรรพคุณตัวเองยกใหญ่ นั่นพลอยสร้างรอยยิ้มให้คนฟังได้ไม่น้อย
“เก่งจังเลย”
“ว่าแต่พี่พายเถอะจะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันมั้ยครับ พอผมเรียนจบเราก็แต่งงานกัน สร้างครอบครัวมีลูกสักสองคนเป็นไง”
“พอเลย หยุดความคิดนั้น พี่ไม่ชอบการผูกมัดตัวเองไว้กับใคร แล้วก็ไม่ชอบเด็กด้วย”
“จริงเหรอครับ”
“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที พี่เจอมาเยอะผู้ชายแบบนายนะ พอน้ำแตกก็แยกทางเท่านั้นแหละ”
“แรงมากครับ แต่ผมไม่เหมือนผู้ชายที่พี่เจอแน่นอนครับ”
“พี่ไม่อยากลองกินเด็กบ้างเหรอ กินเด็กแล้วเป็นอมตะนะครับ พี่พายไม่เคยได้ยินเหรอ”
“พี่อยากตายไม่ได้อยากเป็นอมตะ”
“คนสวยใจร้าย…ผมไปทำกับข้าวดีกว่า”
“ทำเป็นเหรอ” พระพายสาวเท้าตามคนขี้งอนไปอย่างไว
“จะกินอะไรครับวันนี้ ที่บ้านไม่ค่อยมีอะไรด้วยสิ”
สายตาสอดส่องดูข้าวของภายในครัว ทำไมยายดูขัดสนถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งเตาแก๊สก็ยังไม่มีใช้ มีเพียงเตาถ่านเก่าๆ เห็นจากสภาพแล้วคงอยู่ใช้งานมานับสิบปี
“ไปซื้อของกันมั้ย แถวนี้มีห้างรึเปล่า”
“แถวนี้จะมีห้างได้ไงครับ มีแต่ร้านขายของชำร้านป้าดา”
“งั้นไปร้านนั้นกันก็ได้ จะได้ซื้อของดีๆ กินสักหน่อย”
“ก็ได้ครับ จะได้ซื้อข้าวสารด้วย เหมือนจะหมดพอดี”
สองคนเดินออกมาจากหลังบ้าน ธาราขึ้นควบจักรยานคู่ใจคันเก่าที่จอดอยู่ใต้ถุน มองดูสาวรุ่นพี่เดินไปที่รถด้วยความมึนงง
“จะไปไหนครับ”
“ก็ขับรถไปร้านขายของไง”
“ตรงนี้เองครับพี่พาย มาซ้อนท้ายผมเร็ว ผมจะได้อวดคนในหมู่บ้านสักหน่อย”
“มันยังใช้ได้จริงเหรอ เก่าจนขายเป็นเศษเหล็กได้แล้วมั้ง”
“อย่าดูถูกมันสิครับ ผมยังปั่นไปเรียนทุกวันเลย ขึ้นมาครับ”
พระพายกระโดดขึ้นคร่อมจักรยาน สองมือยกขึ้นจับชายเสื้อธาราอัตโนมัติ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลากมือของเธอเข้าไปกอดรอบเอวของเขาแทน
“กอดแน่นๆ นะครับ รถผมมันแรง”
พระพายส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของธารา ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความน่ารักของเด็กหนุ่มที่แสดงออกมา
ร้านขายของชำ
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นร้านขายของชำ
“ยืนทำอะไรอยู่ครับ เข้ามาสิ”
“ป้าดาเอาข้าวสารโลนึงครับ” ธาราเอ่ยสั่งตามปกติ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยด้วยซ้ำ ได้แต่ชะเง้อคอมองดูสาวรุ่นพี่กำลังเลือกของในร้าน
“แล้วนั่นใครล่ะไอ้ธารา หน้าตาสะสวยเหมือนคนในเมืองใหญ่”
“แฟนผมเองครับป้า”
“ป๊าด! ใครมันจะไปเชื่อมึงไอ้ธารา”
“โธ่! ป้าดา ผมได้แฟนสวยก็ไม่เชื่อ”
“บุญหัวมึงแหละไอ้ธาราถ้าเมียมึงจะสวยปานนี้” หญิงสาวรุ่นป้าเบ้ปากมองอย่างไม่เชื่อ
“นี่แม่หนู”
“คะ? ฉันเหรอ”
“ใช่! หนูนั่นแหละเป็นแฟนไอ้ธาราเหรอ สวยแบบนี้ไม่น่าไปคว้าไอ้ธาราเลยนะลูก”
“เป็นหลานยายจันค่ะ”
“ข้าว่าแล้วว่าคนอย่างไอ้ธาราจะไปคว้านางฟ้าลงมาจากสวรรค์ได้ยังไง งานมโนนี่เองนะมึง”
“ป้าอย่าพูดเสียงดังสิ ถึงผมจะมโนตอนนี้ แต่วันข้างหน้าอาจจะเป็นจริงก็ได้นะป้า”
“ข้าจะรอดูเลยว่าหมาวัดอย่างเอ็งจะเด็ดดอกฟ้าได้รึเปล่า เอาข้าวสารโลนึงนะ”
“ทำไมซื้อแค่นี้ล่ะ จะไปพอกินได้ยังไง”
“ผมมีเงินแค่นี้ครับ”
“เอามาสักกระสอบยังได้เลย ซื้อทำไมแค่นี้”
“อย่าเลยครับค่อยมาซื้อก็ได้”
“ป้าค่ะ เอาข้าวกระสอบนึง รูดบัตรได้เลย” บัตรแพลทินัมวงเงินไม่จำกัดถูกส่งให้เจ้าของร้านขายของชำที่ยืนมึนงงอยู่
“หนู! ร้านป้าใช้ได้แต่เงินสด บัตรอะไรก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”
“ว่าไงนะคะป้า นี่บัตรแพลทินัมวงเงินไม่จำกัดเลยนะคะ หนูจะรูดซื้อร้านป้ายังได้เลย”
“หนูอยู่ในเมืองมาจนเคยตัวสิท่า คนที่นี่เขาใช้เงินสดกันทั้งนั้น ไม่มีก็ออกไปซื้อที่อื่น”
“ป้า! พูดแบบนี้ได้ไงฉันก็เป็นลูกค้านะ”
“พี่พายใจเย็นก่อน” ธาราพยายามห้ามพระพายที่กำลังอารมณ์ขึ้น
ก็อย่างที่ป้าดาบอกที่นี่มันชนบทจะให้มีเครื่องรูดบัตรเหมือนเมืองใหญ่ได้ยังไงกัน แค่มีร้านขายของชำร้านเดียวก็บุญหัวของคนที่นี่ไม่ต้องขับรถออกไปซื้อของในเมืองตั้งหลายกิโลแล้ว
“พี่สาวครับ” เมื่อชายเสื้อยืดถูกดึง พระพายรีบหันไปมอง ใครกันที่กล้ามาห้ามตอนคนกำลังหัวร้อน
“อยู่นี่ครับ”
“ปล่อยฉันเจ้าเด็กน้อย” เธอดึงชายเสื้อออกจากมือของเด็กน้อย ก่อนจะหันมาทำท่าจะทะเลาะกับป้าร้านขายของชำต่อ
“หม่ามี้เหรอครับ”
เสียงเรียกคำนั้นดังเข้าโสตประสาทหู จนทำให้เธอต้องหันกลับไปมองเด็กน้อยอีกครั้ง มีคนเดียวที่เรียกเธอแบบนี้ และเธอดันจำได้ดีซะด้วย