บทที่ 6 สูญเสีย

1201 Words
บทที่ 6 สูญเสีย สามวันต่อมา ในที่สุดวันที่พระพายไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง ตลอดสามวันที่ผ่านมาเธอกับยายแทบจะตัวติดกัน พระพายหวังจะใช้เวลาที่เหลือให้ยายของเธอมีความสุขมากที่สุดก่อนที่จะจากไป “ธารา…ไม่กินข้าวหน่อยเหรอ นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ” ความผูกพันที่มีให้แก่ยายจันทราที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่สิบขวบ ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเมื่อผู้มีพระคุณได้ตายจากไป พ่อแม่ของเขาแยกทางกันและเลือกจะทิ้งเขาให้เผชิญอยู่กับความยากลำบากเพียงลำพัง โชคดีที่ยายจันทราช่วยเขาไว้ น้ำตาจึงไหลพรั่งพรูออกมาอาบสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ “พี่พายกินแล้วเหรอครับ” ถึงแม้พระพายจะได้อยู่กับยายเพียงแค่สามวัน เธอก็สัมผัสได้ถึงความใจดีมีเมตตาของคนแก่คนนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เด็กหนุ่มอย่างธาราจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะการจากไปครั้งนี้ “ยังไม่กินเหมือนกัน ไปกินด้วยกันสิ พี่ไม่ชอบกินข้าวคนเดียว” “ครับ” ทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกัน มองดูแขกที่เขามาเคารพศพในงาน ถึงแม้ไม่มากมาย แต่ก็รับรู้ได้ว่ายายจันทราคงเป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้าน “แล้วนี่จะเอาไงต่อ จะอยู่ที่นี่หรือจะไปอยู่กรุงเทพกับพี่” “พี่พายจะรับเลี้ยงผมต่อเหรอครับ” “แค่ลูกหมาตัวเดียวพี่เลี้ยงได้อยู่ ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนใครจะทิ้งให้อยู่คนเดียวกัน” “ขอบคุณนะครับ” “แล้วรู้มั้ยว่าพวกเอกสารที่ดินของยายอยู่ไหน” “ไม่มีหรอกครับ ยายเอาที่ไปจำนองเพื่อมาส่งผมเรียน ผมพยายามห้ามแล้ว แต่ยาย…” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปเอาคืนมาเอง ว่าแต่ยายเอาไปจำนองไว้กับใครเหรอ” “พ่อเลี้ยงครามเจ้าของไร่ที่อยู่ติดกับที่ของยายนะครับ” “หมอนั้นคงรวยมากสิท่าดูจากคำเรียกนำหน้า” “พ่อเลี้ยงรวยมากครับ ใจดีกับคนยากไร้แต่ก็แอบร้ายกับคนไม่ดีนะครับ ผมยังได้ทุนจากพ่อเลี้ยงเลย” “แล้ววันนี้เขามารึเปล่าล่ะ พี่จะได้คุยเลย” “มาแล้วกลับไปแล้วครับ เหมือนลูกจะป่วย” “โอเค งั้นเดี๋ยวหลังงานยายเสร็จพี่ค่อยไปไถ่ที่คืนแล้วกัน” เจ็ดวันหลังจากนั้นงานศพจบลง พระพายจัดการทุกอย่างตามที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านแนะนำเพราะเธอไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าที่ควร “หนูพายจะกลับกรุงเทพเลยรึเปล่าลูก”ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามขึ้น “พายจะจัดการเรื่องที่ของยายก่อนนะคะ” “ดีแล้วลูก สมบัติเพียงชิ้นเดียวของยายจันไปไถ่คืนมาก็ไม่เสียหาย” “ผู้ใหญ่รู้จักพ่อเลี้ยงครามอะไรนั่นดีรึเปล่าคะ พายมีโอกาสจะได้ที่คืนมั้ย หรือเป็นพวกเขี้ยวลากดินอะไรพวกนั้น” “พ่อเลี้ยงไม่ใช่คนใจร้ายหรอก หนูพาย ได้คืนอยู่แล้ว” “ขอบคุณนะคะที่ช่วยพายกับยายมาตลอด” “คนกันเองลูก…ยังไงก็ดูแลไอ้ธาราด้วยนะลูก ถึงมันจะกวนตีนแต่ก็เก่งพอตัวมีไว้ข้างตัวไม่เสียแรงแน่” “เข้าใจแล้วค่ะ” ***** เช้าวันรุ่งขึ้น “ธารา” พระพายตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งด้วยความรีบร้อนลงจากบันไดของบ้าน “มีอะไรครับพี่พาย” “พี่จะไปบ้านพ่อเลี้ยงได้ยังไงเหรอ” “พี่เดินลัดไร่หลังบ้านไปก็ได้ครับ มันใกล้กว่าขับรถไป ผมรีบไปโรงเรียนก่อนนะครับจะสายแล้ว” ไม่รอให้พระพายได้เอ่ยถามต่อ เด็กหนุ่มถ่อจักรยานปั่นออกจากบ้านไปทันที “ดะ…เดี๋ยวก่อนสิ เดินดุ่มๆ เข้าไปในที่คนอื่นมันไม่ถือเป็นการบุกรุกรึไง” พระพายบ่นอุบ ชะเง้อคอมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ หายลับตาไป เธอใช้เวลาแต่ตัวนานนับชั่วโมง เลือกชุดสีมงคลที่สุดในวันนี้ตามแอพดูดวงรายวัน ถึงแม้จะพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมแต่ใครจะรู้ว่าหมู่บ้านนี้อาจจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนก็เป็นได้ โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงอะไรนั่นที่ตั้งแต่เธอเหยียบมาที่นี้ก็ไม่เคยได้พบเห็นเลยสักครั้ง สองเท้าเดินลัดสวนหลังบ้านรกทึบด้วยความทุลักทุเล ใจก็กลัวว่าตัวอะไรจะออกมาทักทายระหว่างทางรึเปล่า แต่พอออกมาจากตรงนั้นได้พระพายก็ได้พบกับทุ่งหญ้าและท้องนาอันกว้างใหญ่ ซึ่งต่างลิบลับกับทางที่เธอเดินผ่านมาเมื่อครู่ “เหอะ! ที่คนรวยกับที่คนจนมันต่างกันอย่างนี้สินะ” เดินลัดเลาะตามทางเล็กๆ มานับสิบนาที พระพายยังไม่เห็นแม้แต่หลังคาบ้านสักหลัง ใช่ว่าเธอจะโดนธาราหลอกต้มให้เดินมาไกลทั้งที่ขับรถมาอาจจะใกล้กว่าหรอกนะ “หลอกกันรึไงธารา” “แล้วไอ้ทุ่งนี้มันจะกว้างอะไรขนาดนี้” เธอหันมองรอบๆ ตัวที่เบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ริมฝีปากบางก็ยังคงเอ่ยบ่นไม่หยุด เพราะรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่มาไม่อำนวยกับพื้นที่ไต่ระดับเอาซะเลย “คอยดูนะแม่จะด่าให้ธารา รู้งี้ขับรถมาดีกว่า” มอ~~มอ~~ เสียงวัวดังเข้าโสตประสาท ทำให้ภาพเหตุการณ์วันนั้นเข้ามาในหัวอีกครั้ง แค่คิดก็ขนลุกหวังว่าชุดสวยๆ สีนำโชควันนี้คงไม่นำความโชคร้ายมาให้เธอแทนหรอกนะ สองเท้าเดินไปตามเสียง หวังว่าคงจะมีคนอยู่กับฝูงวัวให้เธอพอได้ถามไถ่ทางเพื่อไปต่อได้บ้าง “นั่นคนหรือวัวกันนะ” หลังไวๆ ที่เดินแทรกผ่านฝูงวัวท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า ทำให้พระพายมองไม่ชัดว่านั่นคนหรือวัว “เดินเข้าไปก่อนแล้วกัน มีกระท่อมอยู่ด้วยคงมีคนแหละ” ว่าจบสองเท้ารีบเดินสับเข้าไปหาอย่างไว แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจเมื่อส้นสูงสามนิ้วที่ใส่มาดันติดในหลุมดินแน่นจนดึงไม่ออก “โอ๊ย!! จะบ้าตาย ทำไมต้องตอนนี้เนี่ย” พระพายย่อตัวลงจับรองเท้าดึงขึ้น แต่ไม่ว่าเธอจะดึงเท่าไรมันก็ไม่ยอมออกมาสักที จึงตัดสินใจถอดออกรองเท้าออก ยืนเท้าเปล่าบนดินโคลนก่อนจะดึงรองเท้าคู่สวยออกมา แต่การกระทำนั้นทำให้เธอหงายหลังล้มลงในปลักโคลน “อีกแล้วเหรอ แม่อุตส่าห์เลือกสีมงคลแล้วทำไมยังซวยอีก” ชุดเดรสสีชมพูหวานที่เธอเลือกมาเป็นอย่างดี สุดท้ายมันก็เปื้อนโคลนอีกจนได้ “คงไม่มีอะไรซวยไปมากกว่านี้แล้วใช่มั้ย” ใบหน้าสวยบูดบึ้ง แดดก็ร้อน ชุดก็เปื้อน รองเท้าคู่สวยก็ไม่เหลือ แบบนี้เธอจะใช้ความสวยที่มีไถ่ที่คืนได้ยังไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD