ท่ามกลางท้องทุ่งกว้างใหญ่บนพื้นที่กว่าสามร้อยไร่ แสงอาทิตย์อ่อนๆ กำลังสาดส่องกระทบกับเรือนร่างกำยำ ผิวสีแทนหน้าคม คิ้วเข้มรับกับกรอบหน้าคมชัดได้รูป ในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า
เขาเดินออกมาจากตัวบ้านหลังใหญ่แต่เช้าตรู่ พร้อมไม้อันเรียวยาวในมือที่ถือไว้แน่น เบื้องหน้าคือฝูงวัวนับห้าสิบตัวที่เดินเรียงแถวกันเพื่อหาอาหารตามข้างทาง
“ปะป๊าครับ” เด็กน้อยตาปรือเพิ่งลุกขึ้นจากเตียงตรงมาหน้าบ้านเรียกผู้เป็นพ่อที่อยู่ระหว่างเดินไปทุ่ง
“ตื่นแล้วเหรอน้องแบร์ ปะป๊าเอาวัวไปทุ่งจะไปด้วยมั้ยครับ”
“เดี๋ยวน้องแบร์ตามไปครับปะป๊า”
เสียงผิวปากดังขึ้นด้วยความอารมณ์ดีของอาชา เจ้าของที่ดินกว่าสามร้อยไร่ ผู้เป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่ในจังหวัด ด้วยฐานะที่ร่ำรวย แถมเป็นคนไม่ถือตัว พ่วงด้วยมีลูกชายที่หน้าตาน่ารักน่าชังอย่างน้องแบร์ที่ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก นับได้ว่าเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ครบเครื่องที่สุด หากใครไม่รู้จักคงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนมีฐานะ แต่คงคิดว่าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่เลี้ยงวัว เลี้ยงม้า ทำการเกษตร
“เดินไป สมชาย สมหญิง สมปอง มึงด้วยสมสู่” ฝูงวัวนับสิบตัวที่ถูกตั้งชื่อโดยลูกชายของเขา ถามว่าเขาจำได้ทั้งหมดเหรอ
ไม่เลย! เขาก็เรียกพวกมันไปแบบนั้นแหละ
ระหว่างทางเดินอาชาคิดไว้ว่าจะเอาเบ็ดเกี่ยวไว้ในคูน้ำข้างทุ่งหญ้า หลังจากเอาวัวไปปล่อยไว้ในทุ่งหญ้าเสร็จจะได้กลับมาดู
ขณะที่อาชากำลังแขวนเบ็ดสลับก้มลงหยิบเหยื่ออยู่นั้น เขาก็ปล่อยให้ฝูงวัวเดินเล่นแถวนั้นไปก่อน เพราะไม่คิดว่าใครจะผ่านมาในพื้นที่ของเขาอยู่แล้ว
และในตอนนั้นเองเหตุการณ์ที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงหวานแหลมบาดหูของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น
หญิงสาวในชุดสูทสีขาวยืนอยู่ข้างรถเบนซ์คันหรูตะโกนแหกปากโวยวายด่าฝูงวัวของเขาที่ขึ้นไปยืนอยู่บนถนน
อาชาชะเง้อคอมองขึ้นก็พบกับใบหน้าสวยสะดุดตาที่เขายังคงจดจำได้ขึ้นใจ มุมปากหนาเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวทันที โชคชะตาหรือพรหมลิขิตกันหนอที่ทำให้เขาได้เจอกับใบหน้าสวยของคนที่เขาเผลอตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจออีกครั้ง
*****
รถเบนซ์สุดหรูแล่นไปตามถนนลาดยางสีดำ นานนับหลายชั่วโมงก่อนเข้าสู่ทางคดเคี้ยวของถนนดินแดงผ่านท้องทุ่งนา มุ่งหน้าสู่บ้านยายของเธอที่กำลังป่วยหนัก
เพียงเพราะคำขอสุดท้ายผ่านทางโทรศัพท์ที่ได้รับสายเมื่อวาน ทำให้พระพายต้องรีบเคลียร์งานและมอบหมายงานให้หุ้นส่วนอย่างภวิศดูแลระหว่างเธอไม่อยู่
เมื่อมาถึงพระพายได้แต่ยืนมองสภาพบ้านที่เก่าทรุดโทรมตามกาลเวลา ด้วยความที่พ่อแม่ของเธอย้ายไปอยู่เมืองหลวงตั้งแต่เธอยังไม่เกิดจึงทำให้พระพายเป็นคนกรุงเทพโดยสมบูรณ์
เธอจำได้ว่าเมื่อครั้งยังเด็กพ่อแม่เคยพาเธอกับน้องสาวกลับมาเยี่ยมยายไม่กี่ครั้ง ด้วยความที่พ่อของเธอไม่ถูกกับยายเพราะเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองจึงทำให้มีปากเสียงกันทุกครั้งที่พบเจอ แม่ของเธอก็เลยตัดปัญหาทั้งหมดด้วยการกลับมาเยี่ยมบ้านเพียงคนเดียวหรือบางครั้งก็มีน้องสาวของเธอติดสอยห้อยตามมาด้วย
ด้วยความที่เธอเป็นเด็กค่อนข้างเกเร ติดเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็เรียนเก่งพอตัว แต่ก็คงไม่ได้เป็นลูกรักของพ่อแม่เฉกเช่นน้องสาว เธอจึงมักถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะไปเที่ยวหรือไปไหนก็ตาม มักจะไม่มีเธอไปด้วย
ต่อมาเมื่อเธออายุครบสิบห้า พ่อแม่รวมถึงน้องสาวก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นพระพายก็ไปอาศัยอยู่กับอาซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อ
เธอใช้ชีวิตอย่างดีมาตลอด หลังเรียนจบก็เปิดกิจการหลายอย่างเป็นของตัวเองลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยเช่นกัน
จนกระทั่งเมื่อวาน สายสำคัญได้ต่อสายตรงหาเธอ บอกว่ายายของเธอกำลังล้มป่วยหนักและอยากเจอหน้าหลานสักครั้งก่อนตาย ถึงแม้จะจำไม่ได้ว่ายายของเธอเป็นคนยังไงแต่พระพายก็พาตัวเองมาจนถึงบ้านยายจนได้
*****
ก่อนหน้าที่เธอจะมาถึงบ้านยายนั้น ก็มีเหตุการณ์ชวนโมโหอยู่ไม่น้อย ดีนะที่รถคันเก่งลูกรักของเธอไม่ไถลตกลงคูน้ำ เพราะฝูงวัวที่เดินกันให้ว่อนทั่วถนน ไม่รู้ว่าคนแถวนี้เขาเลี้ยงกันยังไงถึงปล่อยให้เดินเพ่นพ่านไม่กลัวโดนรถชนตายรึไง
ปรี๊น!! ปรี๊น!!
เสียงแตรรถดังลั่นทุ่งจนฝูงวัวที่กีดขวางการจราจรเกิดอาการตกใจจนส่งเสียงร้องออกมาแข่งกับแตรรถที่ดังกระหึ่ม
พระพายที่อยู่หลังพวงมาลัยรู้สึกรำคาญจนหงุดหงิดหลังขับรถมาหลายชั่วโมง ยิ่งถนนลูกรังที่เธอทนขับเข้ามาตามจีพีเอสจนทำให้เกือบขับรถลงคลองเก็บน้ำมาแล้วเมื่อครู่ โชคยังดีที่เธอยังพอมีสติพอจะเหยียบเบรกได้ทันไม่เช่นนั้นได้ลงไปนอนแช่ในน้ำก็อาจเป็นได้
แล้วนี่…เธอต้องมาเจอฝูงวัวนับสิบตัวเดินขวางทางเป็นฝูงขนาดนี้ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“วันซวยอะไรของแกวะพระพาย” มือยกขึ้นกำหมัดแน่นทั้งสองข้างบ่นอุบหลังพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิดราวห้านาที ฝูงวัวก็ไม่มีทีท่าจะเดินออกไปจากถนนสักที
“หลบไปได้มั้ย” พระพายลดกระจกลงชะเง้อคอออกไปนอกรถ ก่อนจะตะโกนออกไปเสียงดัง จนฝูงวัวหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“มองบ้าอะไรหลบไป ทุ่งหญ้าข้างทางไม่มีให้กินรึไงถึงได้มายืนบนถนน เจ้าของพวกแกอยู่ไหน ตายแล้วรึไง ถึงไม่แหกตามองว่าวัวตัวเองมันขวางทางคนอื่น”
ระหว่างที่พระพายกำลังชะเง้อคอทะเลาะกับวัวยกใหญ่ เจ้าของวัวอย่างอาชาที่กำลังก้มๆ เงยๆ จับปลาอยู่ยืนขึ้นเต็มความสูงชะเง้อคอมองผ่านฝูงวัวไปยังเจ้าของเสียง
“ใครวะ!”