“ท่านรองแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ ก็เลย…” เพ่ยซานชี้นิ้วเข้าขมับแล้วหมุนไปมา บอกใบ้ว่านางเสียสติ
ชิงชิงเบิกตากว้าง หันกลับไปมองคุณหนูของนาง พอเห็นรอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางก็ได้แต่นั่งหยิกขาตัวเอง ตั้งแต่รับใช้คุณหนูมา นางก็เพิ่งเห็นคุณหนูยิ้มเป็นครั้งแรก
“ข้าอยากอาบน้ำ ข้าหิว” หลินฟางซีพูดเสียงอ้อน ทำปากยื่นลูบท้องตัวเองเหมือนเด็กๆ ขี้อ้อน
“เอ่อ..เจ้า..เจ้าค่ะ ทางนี้เจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวเตรียมน้ำ เตรียมสำรับให้เจ้าค่ะ” ชิงชิงรีบพาไปที่ห้องอาบน้ำที่อยู่หลังม่านกั้น
ส่วนองครักษ์หนุ่มก็เดินออกจากกระโจม กลับไปรายงานชินอ๋อง
“ทูลชินอ๋อง นางเสียสติจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ตอน...ตอนที่นางถูกตัวกระหม่อม กระหม่อมสัมผัสพลังปราณในตัวนางไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ชินอ๋องเฉิงหยางเล่อยกยิ้มมุมปาก หันไปมององครักษ์คนสนิทอีกคน
“เหวินฉี เจ้าส่งสารไปแจ้งแม่ทัพใหญ่ แล้วหาคนที่เหมาะสมมารับตำแหน่งรองแม่ทัพแทนนาง”
“พ่ะย่ะค่ะ” เหวินฉีรับคำสั่ง พอจะเดินออกจากกระโจม ทหารนายหนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“ทูลชินอ๋อง ตอนนี้กองทัพแคว้นหวงได้ตีผ่านหน้าด่านของแม่ทัพใหญ่และกำลังเดินทางเข้าประชิดประตูเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนแม่ทัพใหญ่ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังถูกนำตัวไปรักษาตัวที่ค่ายพ่ะย่ะค่ะ”
ปั้ง! มือหนาตบลงบนโต๊ะเสียงดังด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด….
“เรียกรองแม่ทัพมาพบข้า!” ชินอ๋องสั่งเสียงเหี้ยม
เพ่ยซานเลิกคิ้วสูงมองชินอ๋องอย่างไม่เข้าใจ รองแม่ทัพที่เสียสติ ฟั่นเฟือนจะเรียกมาทำไม
“ไปเรียกมา!” เขาสั่งเสียงเหี้ยมอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ” เพ่ยซานรีบโค้งตัวรับคำสั่งและรีบไปที่กระโจมของนาง
...........
หลินฟางซีคิ้วเรียวขมวด มองเพ่ยซานที่อยู่ดีๆ ก็มาบอกให้นางไปพบชินอ๋องของเขา เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ข้าวก็ยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด จนตอนนี้นางหิวจนท้องกิ่วหมดแล้ว
“รีบไปเถอะขอรับ ไปช้ากว่านี้ ชินอ๋องจะทรงกริ้วได้”
“โอเคๆ” นางตอบหน้าบึ้งตึง ก่อนเดินกระทืบเท้าออกไป
แต่คนฟังกลับทำหน้าเอ๋อ เพราะไม่เข้าใจที่นางพูด เป็นแบบนี้แล้วนางจะไปสู้รบกับใครได้!
“พี่ชินอ๋อง” นางเรียกเขาเสียงหวาน แกล้งวิ่งจะเข้าไปกอดเขา
ถึงบทของหลินฟางซีจะยากสำหรับเธอ แต่บทคนบ้าเธอถนัดเลยล่ะ
“หยุด!” มือหนาสะบัดเพียงนิด นางก็ยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ ไม่ได้สัมผัสตัวเขาแม้แต่ปลายเล็บ
“ที่ข้าเรียกเจ้ามา เพราะเจ้าต้องนำทัพแทนบิดาของเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บ” ชินอ๋องเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ฮ่ะ! ข้าน่ะรึที่จะไปนำทัพ?! ไม่เอา ข้าไม่ไป ฮือๆๆๆ ข้ากลัวเลือด ข้ากลัวคนตาย”
หากตัวไม่แข็งทื่อเป็นไม้ นางได้ลงไปนั่งร้องไห้ชักดิ้นชักงอบนพื้นแล้ว! ขนาดเป็นบ้าเขาก็ยังจะจับนางไปรบ นี่เขายังเป็นคนอยู่หรือไม่ นางตายไม่เท่าไหร่เพราะอย่างไรเสียก็ยืมร่างคนอื่นอาศัย แต่พวกเหล่าทหารที่ต้องไปตายกับนางนี่สิ ที่นางคิดหนัก
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้!” ชินอ๋องปวดขมับขึ้นมากับเสียงร้องไห้ของนาง
“ตอนนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้น ที่จะสั่งการทหารในสังกัดของบิดาเจ้าได้เพ่ยซานเจ้าเข้านำทัพแทนข้า นำกองทัพเตรียมพร้อมที่กำแพงเมือง ส่วนข้ากับเหวินฉีจะไปกับนาง เพื่อเข้าสั่งการกองทหารของแม่ทัพใหญ่ ไปได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เพ่ยซานรับคำสั่งเสียงแข็งขัน แต่นางกลับอยากจะแหกปากร้องไห้
“ส่วนเจ้า ทำตามที่ข้าสั่งเป็นพอ” พูดจบมือหนาก็กางแผนที่ออก ก่อนจะยืนหน้าเครียดพูดคุยกับเหวินฉี
ส่วนนางก็ได้แต่ยืนหน้าหงิกงอเพราะขยับไปไหนไม่ได้ กวาดสายตาไปมองรอบๆ กระโจม เพิ่งสังเกตเห็นว่ากระโจมหลังนี้ทั้งใหญ่และหรูหรากว่ากระโจมหลังอื่น ชุดเกราะสีทองที่ตั้งอยู่ก็แตกต่างจากชุดเกราะของคนอื่น แม้แต่การแต่งกายของเขาก็ดูสูงส่ง เสื้อผ้าที่ใส่ถึงจะดูเรียบ แต่เนื้อผ้าและการเย็บกลับดูประณีตบรรจงถักทอ แล้วไหนจะน้ำเสียงทรงพลังมีอำนาจนั่นอีก
...อีตาชินอ๋องนี่เป็นใครกันนะ
“อีกสองวันกองทัพแคว้นหวงคงเดินเข้าช่องแคบอิ่งโตว และอีก สิบวันคงเข้าถึงประตูเมือง” ดวงตาคู่สวยเหลือบไปมองตามที่มือเขาชี้
“ภูมิประเทศก็กินขาดแล้ว ยังจะคิดหนักอะไรอีก”
นางบ่นเสียงเบากับตัวเอง แต่มีหรือคนที่มีวิทยายุทธอย่างเขาจะไม่ได้ยิน แต่ก็ทำเป็นเงียบพูดคุยกับเหวินฉีต่อ
“ทหารของท่านแม่ทัพใหญ่เหลือไม่ถึงครึ่งแสน แต่ทหารของแคว้นหวงนั้นมีเป็นแสน คงไม่ง่ายที่จะต่อกรด้วย”
“น้อยใช่ว่าจะแพ้ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ส่งคนไปลอบทำลายเสบียงอาหารเสียก็ชนะแล้ว” นางบ่นอุบอิบเสียงเบาตามเคย
ชินอ๋องช้อนตาขึ้นมององครักษ์คู่ใจ ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่านางเสียสติจริงๆ หรือไม่
“เจ้าคิดว่าทำอย่างไร เราถึงจะชนะครั้งนี้” ถามเหวินฉีแต่กลับรอฟังคำตอบจากนาง
จ็อกกก.
“โอ๊ย! เมื่อไหร่จะเสร็จ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว ส่งคนไปลอบทำลายเสบียงอาหาร ไม่ให้พวกเขามีแรงเดินต่อก็สิ้นเรื่อง หรือไม่ก็เทน้ำมันราดจุดไฟเผาให้ตายหมู่ตรงช่องแคบ หรือหากน้ำมันไม่พอ ก็เอาราดก้อนหิน แล้วให้คนเข็นมันไปทับพวกเขา ก่อนจะยิงธนูไฟใส่ก็ได้! ตะเกียงก็มีใช้ แต่ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้นะ เร็วๆ หิวจะตายอยู่แล้ว!”
นางตวาดเสียงดังด้วยความโมโหหิว ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่ความคิดนางหรอกนะ ดูมาจากในละครล้วน ๆ
“จ็อกกกก” ใบหน้าสวยแดงก่ำ อายที่ท้องร้องประท้วงไม่หยุด ตั้งแต่มาถึงนี่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องสักอย่าง แถมยังปวดไปตามตัวจนจะตายอยู่แล้ว
“แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าวิธีนี้จะได้ผล” ชินอ๋องหันไปถามนาง
“ท่านก็ดูข้าเป็นตัวอย่างสิ ตอนนี้ข้าจะตายเพราะความหิวอยู่แล้ว พวกเขาก็เหมือนกันนั่นแหละ!”
“พวกเขาเป็นทหารที่ฝึกหนัก อดอาหารเป็นอาทิตย์ก็คงไม่สะดุ้งสะเทือน”
“ขาดโปรตีน ขาดคาร์โบไฮเดรต ขาดสารอาหาร เรี่ยวแรงของพวกเขาก็ไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ ยิ่งขาดน้ำยิ่งตายได้เร็ว หรือจะให้ตายเร็วกว่านั้นก็ให้คนไปลอบวางยาพิษบนอาหารของพวกเขาเลยสิ!”
คิ้วหนากระตุกเมื่อที่นางพูดมาทั้งหมดนั้น เขาจับใจความได้แค่ไม่กี่ประโยค แต่สิ่งที่นางพูดมานั้นไม่เลวเลยจริงๆ
ถึงจะเสียสติ แต่สมองบางส่วนของนางก็ยังใช้การได้ดีทีเดียว
“เหวินฉี ให้คนหาสำรับมาให้นาง” มือหนาสะบัดเพียงนิด ร่างบางก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น
“ห่าขั่วมึงเอ้ย! สิเอ็ดค่อยๆ กะบ่อได้! Gentleman น่ะ Gentleman รู้จักไหม!”
ชินอ๋องส่ายหน้าน้อยๆ ให้คนบ้า ก่อนจะเดินหนี อยู่ใกล้นางนานกว่านี้ เขาเองนี่แหละที่จะเป็นบ้าแทน