ตอนที่ 7

668 Words
หลินฟางซีมองอาหารที่ถูกนำมาวางตรงหน้าตาวาว แต่ละอย่างมีแต่น่ากินทั้งนั้น แต่พอตักเข้าปาก นางกลับกลืนไม่ลง เมื่อนึกถึงแม่ที่ต้องนั่งทานข้าวคนเดียว ถึงอาหารตรงหน้าจะอร่อยเหาะเพียงใด แต่ก็ไม่สู้อาหารฝีมือแม่ มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลหยดลงมา กลั้นใจเคี้ยวข้าวเพื่อประทังร่างที่ยืมอาศัย “ฮึกๆๆ” ชินอ๋องนั่งมองหญิงสาวที่ก้มหน้าทานข้าวปนเสียงสะอื้นอย่างไม่รู้ว่าจะรับมือกับนางอย่างไรดี ก่อนหน้านี้ยังโวยวายทำตัวเหมือนม้าดีดกะโหลกอยู่เลย มาตอนนี้กลับมานั่งร้องไห้ตัวสั่นเหมือนลูกนกหลงรัง “รีบกิน เราต้องรีบออกเดินทาง” นางนิ่งเงียบไม่ตอบ มีเพียงน้ำตาที่หยดแหมะลงบนโต๊ะ มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองเหนื่อยใจที่ต้องมานั่งพูดกับคนเสียสติ “เหวินฉีให้คนไปเอาชุดเกราะของนางมาที่นี่” ขืนรอให้นางกินเสร็จคงมืดค่ำพอดี “พ่ะย่ะค่ะ” เหวินฉีรีบทำตาม และเพียงไม่นานเขาก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับชุดของนาง “ไปเปลี่ยนชุดในห้องนั้น” มือหนาหยิบชุดจากเหวินฉีแล้วโยนให้นาง “โอ๊ะ!” ร่างบางรับชุดตัวเซ หนักอึ้งจนเกือบล้มแบบนี้ จะให้นางใส่ได้อย่างไร “ไปเตรียมม้าให้พร้อม อีกหนึ่งก้านธูป เราจะออกเดินทาง” เขาสั่งองครักษ์ก่อนจะเดินไปหยิบชุดเกราะมาสวม ดวงตาคมกริบหันไปมองหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาหรืออุตส่าห์เสียสละห้องแต่งตัวให้นาง แต่นางกลับเอาแต่ยืนนิ่ง “เจ้ายืนทำอะไร ข้าสั่งให้เจ้าไปเปลี่ยนชุด!” ดวงตาคู่สวยตวัดไปมองคนหน้าเหี้ยมอย่างนึกเคือง “ข้าใส่ไม่เป็น” ขนาดชุดที่ใส่อยู่นี่ดูเรียบง่าย นางยังต้องให้ชิงชิงช่วยเลย แล้วจะให้นางใส่ชุดเกราะที่ดูซับซ้อนแบบนี้ได้อย่างไร โชคดีที่หลินฟางซีมีแต่ชุดธรรมดา ขนาดกระจกหญิงสาวก็ยังไม่มี เพราะชิงชิงบอกว่านางไม่ชอบมองหน้าตัวเอง ทุกอย่างนางจะทำเองหมด ชิงชิงจึงมีหน้าที่เพียงหาน้ำหาข้าวมาวางไว้ให้เท่านั้น ตอนนี้นางจึงไม่รู้ว่าหญิงสาวมีหน้าตาอย่างไร แต่ก็พอจะดูออกว่านางนั้นคงงดงามไม่น้อย ผิวกายถึงจะไม่ขาวใสเพราะกรำแดด แต่ทรวดทรงองค์เอวนั้นกลับสมบูรณ์แบบ “ฟู่” เขาพ่นลมหายใจยาวเหยียด วางชุดเกราะของตัวเองลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปดึงชุดเกราะออกจากมือนาง “ตามข้ามานี่” ใบหน้าสวยงอง้ำ เดินตามเขาเข้าไปด้านใน พอมายืนหน้ากระจกนางจึงได้รู้ว่าหลินฟางซีนั้นมีใบหน้าเหมือนนางทุกกระเบียดนิ้ว จะต่างก็ตรง สีตาเท่านั้น เพราะนางมีตาสีดำสนิท ส่วนหลินฟางซีนั้นมีตาสีม่วงเข้ม นางก็เพิ่งนึกได้ว่าทุกคนที่นี่มีสีตาแตกต่างจากคนจีนหรือชาวเอเชียโดยสิ้นเชิง...ที่นี่ไม่ใช่จีนโบราณอย่างนั้นรึ? แต่ทำไมนอกจากสีตาแล้วทุกอย่างถึงได้เหมือนสมัยจีนโบราณที่นางเคยดูในหนังนัก “เจ้ามองหน้าตัวเองพอหรือยัง หันมาทางข้า” มือหนาจับตัวนางหันก่อนจะสวมเสื้อเกราะให้ด้วยอารมณ์หงุดหงิด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องมายอมใครเช่นนี้มาก่อน หากไม่รีบหรือนึกถึงราษฎรเขาไม่มีวันทำให้นางแน่ “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางพูดเสียงหงอย ไม่สดชื่นเช่นเคย ใจแกร่งหวิวไหวแปลกๆ ที่เห็นนางทำหน้าเศร้า จนต้องรีบเดินหนี เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เกิดมาไม่เคยพูดปลอบใครสักคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD