“กรี๊ดดดด!”
“บัดซบ!” ชินอ๋องรีบดีดตัวออกจากหลังม้า กระโดดเข้ารับตัวนาง ก่อนจะตกลงกระแทกพื้น แล้วกลิ้งไปตามพื้นหญ้า
“ชินอ๋อง!” เหวินฉีรีบหยุดม้าแล้วกระโดดลงไปดู
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อชินอ๋องนั้นนอนกอดหญิงสาวไว้แน่น ถึงไม่ตายจากตกหน้าผา แต่นางคงไม่รอดจากพิษที่อยู่ในตัวของชินอ๋องเป็นแน่….
“ฮึกๆๆ” หลินฟางซีนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนอกแกร่ง ตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ออกไป!” เขาสั่งเสียงเข้ม พร้อมกับจับตัวนางเหวี่ยงออก ก่อนจะเข้าบีบคอนางด้วยความโกรธ
“โอ๊ย!” นางร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด
“เจ้ามันคนไร้ค่า แค่ขี่ม้าก็ยังทำไม่ได้ คนอย่างเจ้าอยู่ไปก็ไร้ความหมาย!”
ใบหน้าสวยเหยเก เจ็บปวดรวดร้าวไปตามลำคอ ได้แต่นอนน้ำตาไหลรินเพราะรู้ดีว่าสู้แรงเขาไม่ได้
ใจแกร่งกระตุกเมื่อนางเอาแต่นอนนิ่งมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า แววตาที่มองมานั้นมีแต่ความหมองเศร้า ก่อนจะหลับตาลงเหมือนยอมรับโชคชะตาของตัวเอง มือหนารีบปลดออกจากรอบคอแล้วจับตัวนางขึ้น พากระโดดขึ้นม้าของตัวเองให้นางนั่งซ้อนหลัง
ไม่รู้ทำไมมองแววตาใสซื่อไร้พิษภัยของนางแล้ว เขาถึงทำร้ายนาง ไม่ลง ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยลังเลที่จะฆ่าใครมาก่อน
“ฮึกๆ” นางสะอื้นเสียงเบา
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นข้านี่แหละที่จะจับเจ้าโยนลงเหวเอง!”
นางรีบกลั้นเสียงสะอื้น ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่เขากลับไม่บอกกล่าวอะไร ก็ออกม้าทันทีจนนางต้องรีบกอดเอวเขาไว้…
ชินอ๋องหนุ่มค่อยๆ ชะลอความเร็วม้าเมื่อรับรู้ได้ถึงมือเล็กที่ค่อยๆ หลุดออกจากเอวกับร่างบางที่อ่อนยวบซบบนแผ่นหลัง
“ชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เหวินฉีเอ่ยขึ้น
“ข้ารู้แล้ว” มือหนาบังคับม้าให้หยุด ก่อนจะจับตัวนางให้มานั่งข้างหน้า
“นางจะไม่เป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” เหวินฉีมองสำรวจไปตามใบหน้าของรองแม่ทัพหญิงอย่างนึกทึ่ง
“ไม่” มือหนาหยิบยาออกจากถุงข้างเอว แล้วจับยัดเข้าปากนางเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวที่ร้อนดั่งไฟ
“น่าแปลกมากที่นางไม่เป็นอะไร”
“อืม” เขาตอบรับแค่นั้น กอดนางไว้แนบอกแล้วบังคับให้ม้าวิ่งทันที
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องสตรีอย่างแนบชิดเช่นนี้ ครั้งสุดท้ายคงจะเป็นอ้อมกอดของพระมารดากระมัง นางมีอะไรที่แตกต่างจากสตรีอื่นอย่างนั้นหรือ เขาถึงแตะต้องตัวนางได้
...........
“อือ...ไอ้ด่างไปเล่นที่อื่นไป”
มือบางปัดไปในอากาศเมื่อสัมผัสได้กับความเปียกชื้นบนใบหน้า และคงจะไม่ใช่อะไรนอกจากไอ้ด่างหมาที่เลี้ยงไว้ที่ชอบมาเลียหน้าเวลานอน
“เจ้า!” ชินอ๋องมองนางอย่างนึกเคือง
เขาหรืออุตส่าห์หยุดพักเพื่อเช็ดหน้าให้นาง แต่นางกลับปัดมือเขาทิ้งอย่างไร้มารยาท
“ฮือ…” คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
“ท่านนี่เอง ข้าก็นึกว่า..” นางรีบกัดลิ้นตัวเองไว้ไม่ให้เผลอพูดอะไรไปสะกิดชายเจ้าอารมณ์
“เจ้านึกว่าข้าเป็นใคร แล้วไอ้ด่างเป็นใคร”
นางรีบส่ายหน้ารัวเร็วตอบ ก่อนจะหลุบตาต่ำ
“ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!” เขาถามเสียงเรียบเย็น เห็นท่าทางของนางเขาก็รู้แล้วว่านางมีเรื่องปิดบัง
“สุ...สุนัข” นางตอบเสียงเบา
“สุนัข?” นางพยักหน้าหงึกหงักตอบ
“นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นสุนัขอย่างนั้นรึ!” นางรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ไม่ใช่ๆ ...ข้าไม่ได้ว่าท่านเป็นสุนัข ข้าแค่นึกว่าสุนัขที่บ้านกำลังเลียหน้าเพราะรู้สึกเปียกๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับพี่ชินอ๋องเลยเจ้าค่ะ” .
“ไม่ได้เกี่ยวได้อย่างไร ในเมื่อข้าเป็นคนเช็ดหน้าให้เจ้า ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเจ้าคิดว่าข้าเป็นสุนัข!”
นางกลอกตามองบนให้คนที่ไม่เข้าใจอะไรสักที
“จะให้ข้ายอมรับให้ได้ว่างั้น? ..โอเคๆ up to you..เฮ้อ! ...ข้าล่ะเหนื่อยที่จะคุยกับคนพูดไม่รู้เรื่องเสียจริง”
มือหนากำผ้าเปียกในมือแน่น เป็นเขาไม่ใช่รึที่ต้องเหนื่อยจะคุยกับนาง!
“ลุกขึ้น” เขาจับหิ้วปีกนางขึ้น ดึงลากพาไปหาเหวินฉี
“เจ้านั่งไปกับเหวินฉี”
หลินฟางซีมององครักษ์หนุ่มหล่อตาวาววับ
กอดเพ่ยซานกับอีตาชินอ๋องแล้ว เหลือแต่เหวินฉีนี่แหละที่นางยังไม่ได้ลิ้มลอง ความหล่อก็ไม่เป็นสองรองใครเสียด้วย
“เย้ๆ ดีใจจัง ข้าขอฝากตัวกับพี่เหวินฉีด้วยนะเจ้าค่ะ” นางเข้าไปกอดแขนเหวินฉีไว้อย่างออดอ้อน ส่วนองครักษ์หนุ่มก็ได้แต่ยืนแก้มแดง
“หญิงไร้ยางอายอย่างเจ้าที่กอดชายหนุ่มได้อย่างไม่ขัดเขิน น่าจับลงโทษนัก!”
มือหนาดึงตัวนางกลับ แล้วพาดีดตัวขึ้นม้า ปล่อยให้นั่งกับเหวินฉี ไม่รู้คนบ้าจะทำอะไรอีก
“ท่านอยากจะพูดอะไรก็พูด แต่ข้าอยากจะไปนั่งกับพี่เหวินฉี!”
“เจ้านี่มัน!” เขาล่ะหมดจะหาคำพูดมาว่านางเสียจริง ไม่เคยเห็นสตรีใดทำตัวน่ารังเกียจเช่นนางมาก่อน
“จะหาว่าข้าด้าน ร่าน แรดก็พูดมาเถอะ เพราะถึงอย่างไรข้าก็แรดอยู่บ้าน ร่านอยู่เรือน เป็นเกลื้อนก็คันเองเกาเอง หึ!”
ใบหน้าสวยงอง้ำ เชิดหน้าขึ้นแล้วสะบัดหน้าหนีจนคอแทบหัก
ส่วนเขาก็ได้แต่นั่งนิ่งเพราะไม่เข้าใจที่นางพูด
เสร็จภารกิจนี้เมื่อไหร่ เขาจะเขี่ยนางทิ้งทันที!