การสู้รบจบลงด้วยชัยชนะ ทหารกับเหล่าแม่ทัพของแคว้นหวงถูกต้อนให้เป็นเชลย กลางสนามรบเต็มไปด้วยเลือดและร่างไร้วิญญาณของเหล่าทหารกล้า
ร่างบางเดินตัวเซเข้าไปในกระโจม บนร่างกายนั้นเต็มไปเลือด ธนูก็ยังปักคาไหล่ ดวงตาแดงซ้ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นางในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากซอมบี้ ชัยชนะที่ได้มาไม่ได้ทำให้นางดีใจสักนิด ภาพคนตายยังคงติดตา ไม่รู้ว่าคืนนี้จะหลับตาลงหรือไม่
“ฮึกๆๆ” นางทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้บนพื้น กลิ่นคาวเลือดที่ติดบนตัวทำให้นางแทบอยากจะอาเจียนออกมา มองมือที่ใช้ฆ่าผู้คนแล้วยิ่งนึกขยะแขยงตัวเอง รับไม่ได้กับความโหดร้ายที่เพิ่งพานพบ
ตอนช่วยเขาวางแผนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะทุกอย่างที่พูดไปนางดูมาจากหนังทั้งนั้น พอมาเห็นคนล้มตายกับตาจริงๆ จึงทำให้รู้ว่าความจริงกับในหนังนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ไปอาบน้ำจะได้ทำแผล” มือหนาจับหิ้วปีกนางขึ้นพาเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ
หลายวันที่คลุกคลีอยู่กับนาง ทำให้เขาชินกับการที่นางทำตัว แก่นแก้ว หัวเราะร่าเริงตามประสาคนบ้า พอเห็นนางเป็นเช่นนี้แล้วเลยอดที่จะรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
“อาบน้ำเสร็จแล้วออกไปหาข้า” พูดจบเขาก็เดินออกไปนั่งรอนาง แต่ผ่านไปนานนางก็ยังไม่ยอมเดินออกมาหา จนเขาต้องเดินกลับเข้าไปดู แต่แล้วเขาก็ต้องตาโตตกใจเมื่อเห็นนางจมอยู่ในน้ำ
“หลินฟางซี!” มือหนารีบดึงตัวนางขึ้นจากน้ำ
“ฮือๆๆๆ ปล่อยข้า...ข้าไม่อยากจะอยู่บนโลกที่โหดร้ายเช่นนี้อีกแล้ว” นางผลักเขาออกด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออันน้อยนิด
มือหนาดึงคนร้องไห้ตัวสั่นมากอดไว้ หน้าอกนุ่มหยุนที่กระทบเข้ากับอกทำเอาใจแกร่งเต้นแรงแทบกระเด็นกระดอน ร้อนวูบวาบบนใบหน้าจนต้องรีบคว้าเอาผ้ามาคลุมร่างให้นาง…
“ข้าขอสั่งให้เจ้าหยุดร้อง” ร่างแกร่งถอนหายใจหนักหน่วงเมื่อนางร้องไห้หนักกว่าเดิม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพูดปลอบใคร แล้วเขาต้องพูดต้องทำอย่างไรกับนางดี
“ที่ต้าเหลียงมีตลาด”
“ข้าไม่สน” เธอสะบัดหน้าใส่เขา คนบ้าอะไร อยู่ดีๆ ก็พูดถึงตลาด
“หากเจ้าหยุดร้อง ข้าจะพาไปเที่ยวตลาด”
“ตบหัวแล้วลูบหลัง หากท่านไม่ส่งข้าออกไปที่สนามรบนั่น ข้าก็คงไม่ต้องร้องแบบนี้... ฮึกๆๆ”
“ข้าบอกแล้วว่ามีเพียงเจ้าที่สามารถสั่งการทหารในสังกัดของบิดาเจ้าได้” ให้ตายเถอะ เขาจะมายืนปลอบ ยืนอธิบายให้นางฟังทำไมกัน
“ไปทำแผล” มือหนาอุ้มนางขึ้นไปวางบนเตียง เอาผ้าห่มมาพันคลุมตัวนางไว้
“เหวินฉี” เพียงแค่เรียกชื่อ องครักษ์คนสนิทก็เดินนำหมอเข้ามา
“คารวะชินอ๋อง”
“ไม่ต้องมากพิธี” เขาขยับตัวออกให้หมอหลวงเข้าไปดูนาง แต่มือบางกลับจับชายแขนเสื้อเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ข้าจะยืนดูอยู่ตรงนี้” เขาบอกแล้วถอยออกห่าง
“ลูกธนูปากหยัก คงต้องกรีดเอาออกพ่ะย่ะค่ะ”
เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ แต่คนเจ็บกลับนั่งทำหน้าซีดเหมือนไก่ต้ม หวังว่าในยุคโบราณเช่นนี้จะมียาชาให้นาง
“ท่านรองแม่ทัพกัดผ้าไว้นะขอรับ” หมอจับผ้าใส่ปากให้นางก่อนจะยกมีดขึ้นมา ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อรู้ว่าตัวเองต้องเจอกับอะไร
“อื้อ! .” นางกัดผ้าแน่นจนฟันแทบหัก เมื่อปลายมีดแหลมคมกดลงบนเนื้อ
ชินอ๋องขบกรามแน่น มองร่างบางที่น้ำตาไหลลงอาบแก้มพร้อมกับกำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วใจแทบขาดแทน เพราะรู้ดีถึงความเจ็บปวดที่นางได้รับ
“หลินฟางซี..” เขาเรียกนางเสียงเบาหวิว เดินขึ้นไปนั่งจับมือนางไว้
“อื้ออออ!” ใบหน้าสวยขึ้นไปด้วยเหงื่อ ผวาเข้ากอดเขาแน่นเมื่อหมอดึงลูกธนูออก
“เหล็กร้อนได้แล้วขอรับ”
เหวินฉียื่นถาดใส่เหล็กที่ถูกลนไฟจนร้อนจัดให้หมอหลวง เห็นนางเจ็บแล้วอยากจะเจ็บแทน ยิ่งได้รู้จักเขายิ่งเอ็นดูในความใสชื่อของนาง ถึงหลายคนจะบอกว่านางเสียสติ แต่เขากลับคิดว่านางนั้นเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและฉลาดหลักแหลมมากทีเดียว
“ซ่า!” เสียงเหล็กร้อนประทับบนเนื้อนุ่มทำเอาใจแกร่งถึงกับกระตุกเจ็บเมื่อร่างบางสะดุ้งกอดเขาเต็มกำลัง
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดหายไปพร้อมกับร่างบางที่ตัวอ่อนยวบหมดสติ
“หลินฟางซี...หลินเอ๋อร์ “มือหนาตบแก้มนางเบาๆ เรียกสติ
“เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อจากนี้คงต้องเฝ้าระวังไข้ เดี๋ยวกระหม่อมจะไปต้มยาแก้ปวดและลดไข้มาให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา” หมอหลวงโค้งตัวทำความเคารพก่อนจะเดินออกจากห้อง
“เจ้าไปหาผ้าชุบน้ำมาวางไว้”
“ให้กระหม่อมเรียกสาวใช้มาด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ก็ดี” มือหนาวางนางลงนอน
ให้สาวใช้มาดูแลคงจะดีกว่าพวกเขา เพราะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้
“เอ่อ...ชินอ๋องเพค่ะ คือ..” สาวใช้อึกอัก ทำตัวไม่ถูกเมื่อชินอ๋องยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ยอมไปไหน
“เอายาที่วางบนโต๊ะนั้นให้นางดื่ม” เขาชี้บอกก่อนจะเดินออกจากห้อง
เคยได้ยินแต่เสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญ พอนางเงียบเขากลับรู้สึกไม่คุ้นชิน และศึกในครั้งนี้จะไม่มีชัยชนะเลยหากไม่มีนางร่วมวางแผน
“เหวินฉี เพราะเหตุใดคนที่ลมปราณแตกซ่านเช่นนางถึงได้กลับมีวิทยายุทธที่แข็งแกร่งขึ้นมา”
ภาพของสตรีร่างเล็กที่ฆ่าชายร่างโตนับสิบภายในดาบเดียวอย่างเลือดเย็นยังคงจำติดตานางในตอนนั้นคงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงก่อนเสียสติกระมัง
“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ทราบเพียงแค่ว่าหากลมปราณแตกซ่าน ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตพ่ะย่ะค่ะ แต่นางในความรู้สึกของกระหม่อม..”
“เจ้ารู้สึกเช่นไรรึ”
“กระหม่อมไม่คิดว่านางเสียสติพ่ะย่ะค่ะ นางพูดจารู้เรื่องทุกอย่าง มีเพียงบุคลิกเท่านั้นที่เปลี่ยน”
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น” คนเสียสติที่ไหนจะมีความคิดล้ำลึก คิดแผนการที่ซับซ้อนจนคนอย่างเขาถึงกับตามไม่ทันกัน
“แค่กๆๆๆ” ชินอ๋องรีบเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงไอของนาง
“เกิดอะไร”
“ทูลชินอ๋อง ท่านรองแม่ทัพสำลักยาเพค่ะ” สาวใช้รีบขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น
เขาพยักหน้าน้อยๆ เข้าใจ ขยับเข้าไปนั่งบนเตียงแล้วประคองนางลุกขึ้นนั่ง
“เอายามาให้ข้า” สาวใช้ยื่นถ้วยยาให้ แล้วถอยกลับมานั่งที่เดิม
ส่วนองครักษ์หนุ่มก็ได้แต่ยืนมองชินอ๋องที่กำลังป้อนยาหญิงสาวตาไม่กะพริบ เพราะไม่เคยเห็นพระองค์จะทำเช่นนี้ให้ใครมาก่อน
“เจ้าจะมาตายด้วยมือของคนอื่นไม่ได้ คนเดียวที่จะฆ่าเจ้าได้คือข้า”
มือหนาจับคางนางเงยขึ้นแล้วกดสองนิ้วลงบนลำคอเบาๆ เพื่อส่งยาให้ไหลลงสู่ท้อง ก่อนจะวางนางลงนอนตามเดิม
“ฮึกๆๆ ...แม่...หนูอยากกลับบ้าน” นางสะอื้นไห้ พูดเสียงเบาขาดห้วงแต่เขาก็เข้าใจ
“หนู ...คิดถึงแม่...พาหนูกลับบ้าน”
เขาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงข้างแก้มให้นางอย่างเบามือ
ดวงตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นมองเขา หัวใจข้างซ้ายหวิวไหวเมื่อพบเจอแต่แววตาเศร้าว่างเปล่าในแววตานั้น
“แม่...หนูดีใจเหลือเกินที่ได้เจอแม่อีกครั้ง...ฮืกๆๆ” นางคว้าจับมือของเขาไปจูบแล้วกอดไว้ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง
“สตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า แม้แต่หลับก็ยังไม่เว้น”
เขาว่าแก้เขินดึงมือออกแล้วเดินออกจากห้อง สัมผัสนุ่มชื้นจากปากนางยังคงฝากรอยไว้บนหลังมือและริมฝีปากของเขาไม่เลือนหาย