“แววตานาง… แปรเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ มิใช่อวี้เฟยคนเดิม นางมิได้เสแสร้ง ในดวงตาคู่นั้น ข้าเห็นว่านางมีเพียงข้าอยู่เต็มเปี่ยม… เฉินฮ่าว เจ้าคิดว่าจริงหรือไม่”เสียงทุ้มต่ำของหลิวเซียนแผ่วเบา ราวกับพูดกับความว่างเปล่า แต่แท้จริงกลับเป็นการถามหาความมั่นใจว่าตนมิได้คิดไปเองผู้เดียว “ข้าน้อยเห็นว่า ฮูหยินหาได้เหมือนเดิมไม่ นางเปลี่ยนไปนานแล้วขอรับ… ยามถูกท่านเมิน ข้าน้อยยังอดสงสารนางมิได้”เฉินฮ่าวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความสัตย์ซื่อที่มีต่อเจ้านาย ทว่าคำพูดธรรมดานั้นกลับสะเทือนลึกถึงดวงใจของผู้เป็นไท่จื้อ หลิวเซียนนิ่งไปชั่วครู่ สายตาทอดยาวราวกับกำลังทบทวนสิ่งใด ก่อนเอ่ยเสียงต่ำว่า“อืม… บางที อาจเป็นข้าที่มองนางผิดไป เรื่องที่ให้เจ้าจับตาดูเล่า… เป็นเช่นไรบ้าง” “ฮูหยินมิได้ติดต่อผู้ใดเลยขอรับ นอกจากญาติในตระกูลหลิน วัน ๆ นางเพียงจดจ่ออยู่กับตำรา บทละคร และนิยาย… สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่อยู่ในสาย

