ตอนที่ 1 : แค้นนี้ให้ไปใช้ชีวิตแทน

1406 Words
ณ คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ตึก...ตึก...ตึก... เสียงนาฬิกาดังเตือนบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ภายในห้องของ “โมนา” หญิงสาววัยยี่สิบหก เรียนจบ นิติศาสตร์บัณฑิต แต่ได้ทำงานเป็นเพียงฝ่ายธุรการ ร่างอรชรผิวเนียน จมูกคมสันเข้ากับรูปหน้าไข่ ผมดำยาวสยายอยู่บนหมอน เธอยังคงนอนอ่านนิยายจากเว็บไซต์หนึ่งบนแพลตฟอร์มชื่อดัง แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ส่องให้เห็นใบหน้าเธอชัดเจน “ฮ่า ฮ่า ฮ่า... อย่างแกน่ะต้องตายสิอีตัวร้าย! มาฆ่านางเอกฉันได้ไง!” เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อเธออ่านถึงฉากสุดสะใจของนางเอก “เฮ้อ... ไม่มีตอนต่ออีกแล้วเหรอ? ไรท์ไม่อัพมาเป็นเดือน จะลงแดงตายอยู่แล้ววว...!” โมนาในชุดนอนลายหมีน่ารักละสายตาจากหน้าจอ เลื่อนสายตามองนาฬิกาบนผนัง แล้วจู่ๆ... “เห้ยยย...!” เธออุทานเสียงหลงเมื่อเห็นเงาร่างสูงผมยาวในชุดฮั่นฝูสีดำสนิท ยืนอยู่มุมห้อง ทั้งที่ประตูปิดสนิท แต่ลมกลับพัดผ่านหน้าต่างจนผ้าม่านปลิวไหว แสงนีออนจากนอกหน้าต่างสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมสันของชายหนุ่ม ร่างสูงโปร่งและดูสง่าเกินจริง มือเรียวขยี้ตาแรงราวกับจะลบภาพลวงตา ทว่าเมื่อเธอลืมตาอีกครั้ง... เขากลับยืนอยู่ตรงหน้า “อร้ายยย!” เธอสะดุ้งเฮือก ตื่นขึ้นมาหายใจหอบ ใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่แอร์ในห้องตั้งไว้ที่ 18 องศา “ที่แท้ก็แค่ฝัน...” เธอบ่นพึมพำ แล้วหันไปมองนอกหน้าต่างที่มีเสียงฟ้าผ่าดังลั่น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอยังค้างอยู่ที่หน้านิยายเดิม “เอ๊ะ... ก่อนนอนเราอ่านนิยาย หรือว่าแค่ฝันกันแน่? สงสัยอ่านเยอะเกินเลยเพ้อเจ้อ” โมนาเอนตัวลุกขึ้น มือเอื้อมไปเปิดไฟหัวเตียง แต่... “อร้ายยย!” เธอเห็นร่างนั้นอีกครั้ง คราวนี้ใบหน้าชัดเจนขึ้น หล่อเหลาราวเทพเซียนจนเธอเผลอหลุดคำชม “หล่อจัง... เห้ย!!” สติกลับมาในพริบตา เธอลุกพรวดจากเตียง “คุณเป็นใคร! เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?” ชายหนุ่มยืนนิ่ง ใบหน้าเศร้าหมอง “ข้า... ไม่ได้อยากเป็นเช่นนั้น...” น้ำเสียงเขานุ่มทว่าเจ็บลึก แม้จะสวมชุดโบราณแต่กลับพูดภาษาไทยได้ชัดเจน เธอรีบเปิดไฟในห้องให้สว่างทั่ว แต่เมื่อไฟสว่างวาบ ร่างเขาก็หายไป “บ้าเอ๊ย...!” เธอสบถ รีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ที่หล่นอยู่บนเตียง ทันใดนั้น ไฟในห้องก็กระพริบติดๆ ดับๆ วูบ... จู่ๆ เธอรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างดูดร่างเธอไป ทุกอย่างมืดสนิท ไม่รู้ว่านานเท่าใด ตูบบบ! “โอ๊ยยย...!!” ร่างกระแทกพื้นจนเจ็บไปทั้งตัว ลืมตาขึ้นช้าๆ แสงไฟนีออนไม่มีอีกแล้ว แต่กลับเห็นแสงดาวพราวเต็มท้องฟ้า จันทร์ส่องสว่างงดงามไร้ฝุ่นควัน โลกนี้ดู... ใสสะอาดจนน่าแปลกใจ กลิ่นคาวเลือด กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า... ตีขึ้นจมูก เสียงฝีเท้าหลายคนวิ่งเข้ามาใกล้ เธอพยายามจะขยับร่างแต่กลับขยับไม่ได้ “ช่วยด้วย...” เธอพยายามเปล่งเสียงออกมา ก่อนที่สติจะเลือนรางลง เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน... “แม่ทัพหลี่!!” ทหารนายหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาตามเสียง ก่อนจะเรียกชื่อใครบางคนที่นอนแน่นิ่งอยู่... เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่าง เข้ามากระทบเปลือกตาอย่างแผ่วเบา หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยายามลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ภาพเบื้องหน้าเลือนราง ราวกับถูกม่านหมอกบางๆ บดบัง เธอเห็นเงาร่างของชายผู้หนึ่งในชุดฮั่นฝูสีขาวสะอาด ลวดลายปักไหมทองสะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายเรืองรอง ดูสง่างามและน่าเกรงขาม เส้นผมยาวสีดำขลับสยายอยู่บนแผ่นหลังกว้าง เขากำลังเช็ดตัวให้เธออย่างแผ่วเบา ท่าทีอ่อนโยนผิดแผกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเยือกเย็น เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้หู “หากเจ้ายอมตื่น ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่ชายแดนใต้นะ เจ้าหลี่น้อยของข้า... เจ้านี่ช่างโง่เขลาเสียจริง” เธอยังไม่อาจขยับตัว แต่เสียงฝีเท้าเบาๆ ที่ใกล้เข้ามาจากประตู ทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายผู้นั้นชะงัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วโน้มตัวทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ท่านพี่” คำพูดนั้นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่สติจะเลือนหายไปอีกครั้ง เสียงบทสนทนาแว่วผ่านเข้ามาในหู เป็นภาษาไทย... ทว่ามิใช่สำเนียงแบบที่เธอคุ้นเคย หากแต่คล้ายกับถ้อยคำจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่เคยดูผ่านหน้าจอ “...นี่ฉันกำลังฝันอยู่เหรอ” ไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด แต่จู่ๆ กลิ่นยาสมุนไพรร้อนๆ ก็โชยตลบอบอวลไปทั่วห้อง หญิงสาวขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะพยายามฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาพร่ามัว แต่ภาพที่เห็นกลับชัดเจนพอให้จำได้ ชายคนเดิมในชุดขาว กำลังป้อนยาขมลงลำคอเธออย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกถึงความขมแสบไหลลงคอทีละหยด ข้างกายเขามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง สายตาที่มองมาทางเธอสะท้อนความกระวนกระวายใจอย่างชัดเจน ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าหลับใหลไปนานแค่ไหน รู้เพียงว่ามียาขมร้อนๆ ไหลผ่านริมฝีปากลงคออยู่เป็นพักๆ จนไม่อาจนับได้ว่ากี่ครั้งแล้ว ทุกครั้งที่รู้สึกตัว ก็มีเพียงรสชาติขื่นขมและกลิ่นสมุนไพรตลบอบอวลรอบกาย เธอพยายามจะขยับตัว ลุกขึ้น หรือแม้แต่จะเอื้อมมือปัดชามยานั่นออกไป ทว่าร่างกายกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย อยากจะตะโกน อยากจะต่อว่าเขา... ชายผู้ที่คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธอราวกับไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่ก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับริมฝีปาก เสียงที่อยากเปล่งกลับติดค้างอยู่ในลำคอ ราวกับว่าถูกพันธนาการด้วยความอ่อนแรงที่ไม่สิ้นสุด แม้แสงแดดยามเช้าจะอบอุ่นเพียงใด แต่บรรยากาศภายในห้องยังคงขึงตึง ชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบงัน มือขาวเรียวกำลังยกช้อนป้อนยาขมให้สหายสนิทที่ยังไร้สติ สายตาใต้คิ้วดกนั้นอ่อนโยนจนน่าแปลกใจ ขัดแย้งกับใบหน้าคมเข้มที่เยือกเย็นราวน้ำแข็ง ชายหนุ่มวัยยี่สิบสอง -อ๋องแดนใต้ หยางจื่อหาว- เส้นผมยาวสีดำถูกรวบอย่างเรียบร้อยเหนือชุดขุนนางสีเข้มปักลายหงส์มังกร แผ่นหลังกว้างบดบังแสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่าง ทว่าแววตากลับเปล่งประกายอบอุ่น ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้น พร้อมเสียงขันกังวาน “ราชโองการจากเบื้องบน…” เขาวางช้อนลงอย่างแผ่วเบา ลุกขึ้นอย่างมั่นคง แล้วหมุนกายหันไปยังประตูด้วยท่าทีสุขุม ทุกคนในห้องต่างคุกเข่าลงโดยมิได้นัดหมาย ดวงใจเต้นระส่ำราวกับกำลังรอฟังการพิพากษา ขันทีใหญ่ผู้นำขบวนก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม ข้าหลวงฝ่ายในเดินตามมาเป็นแถว เรียบร้อยไร้สุ้มเสียง “ฝ่าบาทมีพระราชโองการ โปรดให้อ๋องจื่อหาว ผู้ทรงเป็นพระโอรสแห่งฮ่องเต้องค์ก่อน นำตัวแม่ทัพหลี่ไปรับโทษที่ชายแดนใต้ ให้ถอดถอนตำแหน่งทั้งหมด และยึดทรัพย์สินเข้าคลังหลวง ห้ามใช้ชีวิตเยี่ยงผู้มีเกียรติอีกต่อไป จงอยู่อย่างต่ำต้อยชั่วชีวิต หากกระทำผิดซ้ำ จะต้องรับโทษสถานหนักถึงประหารชีวิต” เมื่อกล่าวจบ ขันทีใหญ่ก็ก้าวเข้ามาหยุดเบื้องหน้าอ๋องหนุ่มผู้เปี่ยมบารมี ก่อนยื่นแผ่นผ้าทองขึ้นเหนือศีรษะ “ราชโองการ พะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้อง ท่าทีของเขายังคงสงบ สง่างาม เยือกเย็น ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย ไม่มีคำคัดค้าน ไม่มีเสียงใดสะท้อนกลับไป มีเพียงความเงียบ และแววตาหนักแน่นที่ทำให้แม้แต่ขันทีก็เผลอลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว “กระหม่อม ขอรับราชโองการ” เขายื่นมือไปรับผืนผ้าทองอย่างสง่างาม ก่อนเอ่ยสั่งเสียงเรียบกับองครักษ์ประจำกายให้นำขบวนข้าหลวงกลับออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD