สองวันหลังจากนั้น...
ร่างกายของหลี่เซี่ยซูบผอมลงไปถนัดตา หลังแทบไม่ได้กินอะไรเลยในช่วงเวลานั้น มีเพียงสัมผัสเลือนรางเหมือนฝันว่าใครบางคนคอยป้อนน้ำขมให้วันแล้ววันเล่า แต่น่าแปลก...เธอกลับไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน ทุกอย่างพร่าเลือนไปหมด ราวกับหลับฝันยาวนานไร้ที่สิ้นสุด
แสงแดดอ่อนสาดลอดบานหน้าต่างเข้ามาแตะผิวแก้ม ดวงตาคมค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า ห้องทั้งห้องเงียบงัน เรียบง่าย ไม่มีสิ่งตกแต่งใดนอกจากความสะอาดสะอ้านที่แผ่คลุมอยู่
“นี่...เรายังไม่ตื่นจากฝันอีกเหรอเนี่ย…” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบาๆ
“โอ๊ย…เจ็บแฮะ...” ดวงตาเบิกโพลงเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บจริงๆ
“หา…อะไรวะเนี่ย…โมนา...แฮ่มๆ…เสียงเรามัน…” เธอพูดไม่ทันจบก็ชะงัก ตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของตัวเอง -เสียงที่ต่ำและแหบห้าวเกินจะเป็นเสียงผู้หญิง
เธอรีบลุกพรวดจากเตียงด้วยความตกใจ แต่ทันทีที่เท้าแตะพื้น ร่างกลับโซซัดโซเซ ไร้เรี่ยวแรง
ฟืบบบ!!
อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดเธอไว้แน่นทันเวลา กลิ่นอายของร่างชายตรงหน้าคุ้นอย่างประหลาด เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ และพบกับดวงหน้าของชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง -ดวงตาดุดันเย็นเยียบที่กำลังจ้องมองมาอย่างเฉยเมย
หยางหมิง…
“ว้าว...หล่อจัง...เทพบุตรชัดๆ...” เธอหลุดพึมพำ ดวงตาเบิกโพลงจ้องเขาอย่างลืมตัว
“เดินได้…ก็แสดงว่าหายดีแล้วสินะ” เขากล่าวเสียงเรียบ แววตานิ่งงันไร้ความรู้สึก
แม้เขาจะรับร่างเธอไว้แน่น แต่ในแววตานั้นกลับไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความห่วงใย มีเพียงความเย็นชา และ...ระแวดระวัง
‘ถ้าไม่ใช่เพราะมิตรภาพในอดีต...เจ้าคงตายไปแล้ว’
ใช่…หากไม่ใช่เพราะครั้งหนึ่ง หลี่เซี่ยเคยช่วยชีวิตเขาไว้กลางสมรภูมิ -เขาคงไม่มีเหตุผลจะไว้ชีวิตคนที่ทั้งราชสำนักและชาวบ้านต่างเรียกร้องให้ประหาร ทว่าเขากลับตอบแทนบุญคุณครั้งสุดท้ายด้วยการยื้อชีวิตนี้ไว้และสั่งดูแลจนหายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนถึงจุดจบของบุญคุณระหว่างเขากับหลี่เซี่ย
“ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! คุณหนูสวีไอเป็นเลือดอีกแล้วเพคะ!!” เสียงร้องด้วยความแตกตื่นดังขึ้นจากหน้าห้อง
หยางหมิงปล่อยร่างเธอแทบจะในทันที ก่อนรีบวิ่งออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง เธอยืนนิ่งงันกลางห้อง หัวใจเต้นแรงด้วยความสับสน
“...คุณหนูสวี?...” ชื่อเหล่านั้น...ทำไมถึงคุ้นจัง
ความรู้สึกอึดอัดเริ่มตีรวนขึ้นในอก ยิ่งได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก เธอก็ยิ่งแน่ใจ
เสียงจากในฝัน...เสียงที่เอ่ยชื่อ “หลี่เซี่ย” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ผมดำยาวสยายไปข้างลำตัว พอเงยหน้าขึ้น เธอก็พบกับกระจกบานเล็กบนโต๊ะไม้ในมุมห้อง
เธอเอื้อมมือไปหยิบกระจกขึ้นมา และในเสี้ยววินาทีที่เห็นภาพสะท้อน
เธอผงะ
ร่างในกระจกสูงกว่าเดิม ใบหน้าคมเข้ม คิ้วเข้ม ตาเรียวยาวเหมือนคนเอเชีย ดวงตานั้นลึกจนดูเหมือนไม่เคยยิ้มเลย ผิวคล้ำแดดเล็กน้อย ใต้ตาและข้างกรามมีรอยแผลจางๆ บางจุดดูเหมือนเพิ่งตกสะเก็ด แต่ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเหล่าแบบงดงาม... มือของเธอยกขึ้นแตะเบาๆ ที่ใบหน้า ความรู้สึกเย็นเฉียบจากปลายนิ้วที่กระทบผิวหยาบกร้าน
“…เขา...คนที่ฉันเห็นในห้องนี่...” เสียงพึมพำของเธอแผ่วเบาเกือบไร้เสียง ดวงตาไม่อาจละจากภาพในกระจก
“ถ้าคนนั่นคือหยางหมิง…งั้นเราคือ…หลี่เซี่ย?” ตัวร้ายในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบเมื่อคืนนี้ และเพิ่งกล่าวหาว่า “สมควรตาย”
"ทำไมถึงมาอยู่ในร่างตัวร้ายชายล่ะ...ไม่ใช่นางเอก ไม่ใช่สาวใช้ ไม่ใช่แม่เล้า...แต่เป็น...ตัวร้ายชายเนี่ยนะ" เธอส่ายหน้า พยายามปฏิเสธ ทว่าใบหน้าของหลี่เซี่ยยังคงมองตอบเธอในกระจกนั้นอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้น...รู้สึกบางอย่างบีบรัดแน่นในอก
เสียงกระซิบแผ่วราวสายลมผ่าวผ่านข้างหู
“ข้า...ไม่อยากตาย” เธอสะดุ้งเฮือก ใบหน้าในกระจกเหมือนจะเปลี่ยนไปชั่วพริบตา เหมือนจะยิ้มเศร้า...หรือเธอแค่จินตนาการไป?
“โลกนิยาย…?” เธอพึมพำเสียงแผ่ว
“นี่ฉัน...เข้ามาอยู่ในโลกนิยาย? อยู่ในร่างของตัวร้ายที่ฉันเพิ่งด่าทอว่า ‘สมควรตาย’ นั่นจริงๆ เหรอ?”
ภาพในความทรงจำของตัวร้ายไหลย้อนกลับมาเป็นระลอก -หลี่เซี่ย ผู้ที่เติบโตท่ามกลางสงครามและการทรยศ คนที่เหลือเพียง "หยางหมิง" เป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายในชีวิต เขาหวง เขาคลั่ง เขาอาภัพ และ...เขาก็ถูกทุกคนสาปแช่งแม้แต่ผู้อ่านอย่างเธอเอง
“เรื่องแบบนี้…มันมีจริงด้วยเหรอ...โลกนิยายงั้นเหรอ...” เสียงของเธอแหบพร่า ร่างกายสั่นคลอนด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อ จิตใจว่างเปล่า พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมสติ
เพียงไม่นาน หลี่เจียงที่ถือถาดยาเดินเข้ามาในห้องก็สะดุ้งเฮือก ใบหน้าที่ซีดเซียวเปลี่ยนเป็นเปล่งปลั่งด้วยความดีใจทันที ก่อนจะตะโกนสุดเสียง
“คุณชายฟื้นแล้ว!”
เสียงของหล่อนดังกังวาน แทบสะเทือนไปทั่วเรือน แล้วร่างบางก็วิ่งพรวดเข้ามา ก่อนจะโผเข้ากอดชายหนุ่มบนเตียงแน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีกครั้ง
เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นแทบจะทันที หลี่กุ้ย หลี่กัง และหลี่เกอ ผลัดกันวิ่งเข้ามาในห้อง พวกเขาทิ้งของที่อยู่ในมืออย่างไม่สนใจสิ่งใด ดวงตาทั้งสามคนเปล่งประกายด้วยความยินดี
“คุณชาย! ฟื้นจริง ๆ ด้วย!”
ชายหนุ่มขยับเปลือกตา ดวงตาคมค่อย ๆ เปิดขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความสับสน แต่พยายามกวาดมองไปรอบตัว
“พวกเจ้า...หลี่เจียง, หลี่เกอ, หลี่กัง, หลี่กุ้ย...?” เสียงเรียกของหล่อนชะงักเล็กน้อยคล้ายกำลังเรียบเรียงความจำที่ไม่ใช่ของตน
เธอเดาจากบุคลิกและท่าทางของแต่ละคน เพราะจำได้จากนิยายผสมกับเศษเสี้ยวความทรงจำของร่างเดิม...พวกเขาคือเด็กกำพร้าที่หลี่เซี่ยเก็บมาจากสนามรบ แล้วตั้งสกุล "หลี่" ให้เพื่อรวมเป็นครอบครัวเดียวกัน
“ข้าคือหลี่กุ้ย! ข้าคือหลี่กัง!” ทั้งสองตอบพร้อมเสียงร่าเริง แล้วรีบเข้ามาประชิดตัว
หลี่เจียงยิ้มทั้งน้ำตา พยักหน้ารัว “คุณชายจำพวกข้าได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
“คุณชายจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?” หลี่กุ้ยถามต่อด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ดวงตาหม่นลงในทันที
ป๊าด!...
เสียงตบหัวเบา ๆ ดังขึ้น หลี่เกอที่ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียงยกมือตีหัวหลี่กุ้ยทันที
“คุณชายตกเขาสูง หัวแตก ยังจะหวังให้จำชื่อพวกเจ้าได้อีกหรือ?” เขาพูดเสียงเรียบ แต่เปี่ยมด้วยอารมณ์ปกป้อง
หลี่กุ้ยกับหลี่กังหัวเราะพรืด ก่อนจะโถมตัวเข้ากอดชายหนุ่มบนเตียงอีกครั้ง
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝันใช่ไหม...
กลิ่นหอมบางอย่างแตะปลายจมูก
“เอ๊ะ...กลิ่นอะไรน่ะ?” เธอเอ่ยเบา ๆ
หลี่กังรีบวิ่งไปยกกระทะผัดผักที่วางไว้ในครัวเล็ก ๆ มาตั้งใกล้ ๆ พร้อมรอยยิ้มภูมิใจ
“ข้าผัดเอง! คุณชายอยากทานหรือไม่?”
แต่ยังไม่ทันได้ตอบ
โคร้ง!
ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดผาง แรงลมจากภายนอกพัดกลิ่นฝุ่นและกลิ่นโลหะเข้ามา ทหารหลายคนกรูกันเข้ามาในห้อง พวกเขาแบกโซ่ล่ามและหีบเหล็ก หน้าตาตึงเครียด
“ได้เวลาเดินทางแล้ว” เสียงทุ้มต่ำของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันขวับไปตามเสียง
อ๋องจื่อหาวปรากฏตัวท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่สาดเข้าประตู ร่างสูงในชุดทหารเต็มยศ ท่วงท่าสง่างามและทรงอำนาจ ดวงตานิ่งเย็นที่จ้องมายังเตียง ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ
“หลี่เซี่ย รับราชโองการ” ด้วยสัญชาตญาณจากความทรงจำของร่างเดิม ทุกคนต่างลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงพร้อมกัน
เสียงราชโองการดังขึ้นอย่างเย็นเยียบ
“ฝ่าบาทมีบัญชา ถอดถอนตำแหน่งแม่ทัพหลี่ ให้เป็นทาสใช้แรงงานแดนใต้ พร้อมยึดทรัพย์สินทั้งหมดเข้าคลังหลวง ห้ามใช้ชีวิตสุขสบายอีกตลอดชีวิต หากฝ่าฝืน จะต้องโทษประหาร”
เมื่อคำราชโองการสิ้นสุด อ๋องจื่อหาวเดินเข้ามาพร้อมแผ่นผ้าในมือ ยื่นให้สหายที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
หลี่เซี่ยรับมันไว้ เงยหน้ากวาดตามองไปรอบห้อง...เหลือเพียงความว่างเปล่า เฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ล้วนหายไปหมดแล้ว
'ถูกยึดไปหมด...จริงสินะ'
หยางจื่อหาวสบตากับเขา ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ
ทหารทั้งหลายกรูกันเข้ามา พร้อมโซ่ล่ามในมือ