ตอนที่ 5 : ชดใช้จนกว่าจะพ้นโทษ

1443 Words
กลับมาที่ปัจจุบัน... เมื่อมาถึงค่ายทหาร หยางจื่อหาวก็ไม่เอ่ยคำใดให้ยืดยาว เพียงปรายตาสั่งการอย่างเด็ดขาด “พาพวกเขาไปที่คอกม้า” เสียงคำสั่งหนักแน่นดังก้อง ทหารที่อยู่ใกล้รีบรับคำและลงมือทันที ร่างของหลี่เซี่ยและเหล่าคนติดตามถูกล่ามโซ่เหล็กจูงไปท่ามกลางสายลมหนาว ราตรีปกคลุมทุกอย่างมีเพียงแสงจันทร์ส่องสว่างให้มองเห็นเพียงเงาลางๆ ของหลังคาไม้และคอกม้าเก่าที่ตั้งอยู่ด้านข้างค่าย บริเวณนั้นห่างจากที่พักของทหารทั่วไป พื้นดินเต็มไปด้วยฟางชื้นและกลิ่นมูลสัตว์ อากาศเย็นยะเยือกจนแทบแทรกเข้ากระดูก เมื่อทุกอย่างสงบลง หลี่เซี่ยได้แต่นั่งนิ่งอยู่ที่มุมคอกไม้เก่า มือเรียวค่อยๆ ยกขึ้นประนม พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาในใจ “หากว่านี่เป็นแค่ฝัน...ขอให้พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาบนที่นอนของตัวเองอีกครั้งด้วยเถิดนะ” ในห้วงขณะนั้น ลมเย็นพัดวูบผ่านไปพร้อมเสียงบางเบาแว่วในหัว “เจ้าจะต้องอยู่ชดใช้…จนกว่าข้าจะพ้นโทษ เจ้าจึงจะกลับบ้านได้” เสียงนั้นทำให้หล่อนสะดุ้งเฮือก ใจเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม เธอพนมมืออีกครั้ง คราวนี้เป็นการสวดมนต์จริงจัง เสียงสวดพร่ำขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตานำทางให้กลับบ้าน ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ในที่สุด ความเหนื่อยล้าก็พาเธอเข้าสู่นิทรา แม้ร่างจะนอนอยู่บนเสื่อบางๆ ไม่มีผ้าห่มสักผืน แต่เธอก็ไม่อาจต่อต้านความง่วงงุนที่ถาโถมได้ เช้าวันใหม่ แสงแดดยามเช้าส่องผ่านรอยแตกของไม้กระโจม เผยให้เห็นร่างของหลี่เซี่ยที่ขดตัวอยู่บนเสื่อ ฟางแห้งบางๆ ไม่อาจต้านทานความเย็นจากพื้นดินได้ ร่างบางยังคงสั่นสะท้านเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า สูดลมหายใจเข้าลึก “ยังไม่ได้กลับอีกสินะ...” เสียงพึมพำเบาๆ หลุดจากริมฝีปาก ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงตะโกนกังวาน “ตื่นได้แล้ว! พวกเจ้ามีงานต้องทำ!” เสียงนั้นปลุกให้หลี่เซี่ยตื่นเต็มตา เธอค่อยๆ ลุกขึ้น ความเจ็บปวดจากกล้ามเนื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง “นายท่าน ข้าจะช่วยพยุง” หลี่เกอรีบเข้ามาช่วย แต่หล่อนส่ายหน้าช้าๆ “ข้าเดินเองได้” หลังเก็บของเรียบร้อย หลี่เซี่ยและคนติดตามก็เดินไปยังคอกม้าตามคำสั่ง ทหารที่รออยู่หน้าคอกส่งเสียงสั่งงานทันที “งานของพวกเจ้าคือทำความสะอาดคอกม้า และเตรียมม้าให้พร้อมสำหรับการฝึกวันนี้ เข้าใจไหม? และท่านนี้คือลุงเฉิน ท่านจะคอยสอนงานพวกเจ้า” ชายชราในชุดผ้าหยาบพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นผิดกับบรรยากาศ “ม้าไม่ต่างจากคน ต้องใช้ความอดทนและเวลา หากพวกเจ้ารู้จักเข้าใจมัน งานนี้ก็ไม่ยากนัก” หลี่เซี่ยพยักหน้ารับคำอย่างเงียบๆ มือบางเริ่มลงมือทำความสะอาดทันที แม้กลิ่นเหม็นจะทำให้เวียนหัว และร่างกายจะอ่อนแรงไม่หายสนิท แต่เธอก็ยังคงกัดฟันทำงานต่อไป ในใจเธอมีเพียงคำถามเดียวที่ดังก้อง “จะทำยังไงให้ได้กลับบ้านนะ...” เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งเสียงแตรดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกเวลาอาหารเช้า หล่อนถอนหายใจยาว ความหิวโหยที่กัดกินมาตลอดเช้าฉายชัดอยู่ในดวงตา ถ้วยข้าวต้มธรรมดาพร้อมเนื้อเพียงเล็กน้อยถูกยื่นมาให้ หล่อนนั่งลงบนพื้นดินใกล้คอกม้า ตรงจุดพักเล็กๆ ที่มีเพียงเงาของเช้าเป็นเพื่อน หล่อนจ้องถ้วยข้าวในมือตนเอง ‘ชีวิตจากนี้... จะเกิดอะไรขึ้นก็คงแล้วแต่กรรมของฉันแล้วล่ะ ยัยโมนา เพราะคงไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องที่เคยอ่านอีกต่อไป’ เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วก้มหน้าลงกินข้าวอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจมารยาทใดๆ เสียงซดน้ำข้าวดังเป็นจังหวะ สะท้อนถึงความหิวโหยในท่าทางของเธอ จนผู้ติดตามทั้งสี่ -หลี่เกอ หลี่เจียง หลี่กุ้ย และหลี่กัง -ต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ “นายท่านหลี่... ท่านเปลี่ยนไปมาก” หลี่กุ้ยกับหลี่กังพูดพร้อมกัน หล่อนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ยิ้มแห้งๆ ปรากฏบนใบหน้า “ข้าหิวน่ะ...” คำพูดนั้นเรียบง่าย ทว่าภายในเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและการยอมรับในชะตากรรม แม้จะไม่คุ้นชินกับสายตาของผู้ติดตามที่เต็มไปด้วยคำถามและความกังวล แต่หล่อนก็เลือกที่จะนิ่งเฉย ซดน้ำข้าวคำสุดท้ายแล้ววางถ้วยลง ก่อนจะลุกขึ้น “ไปกันเถอะ... งานของเรายังไม่จบ” ถ้อยคำนั้น ไม่ได้เป็นเพียงคำเตือนแก่ผู้ติดตาม แต่คล้ายเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่า การชดใช้กรรมเพิ่งเริ่มต้น “คุณชายหลี่!” ทหารนายหนึ่งก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านอ๋องมีคำสั่งให้พาตัวหญิงรับใช้ของท่านไปช่วยงานในครัว นางเป็นหญิง งานในคอกม้าไม่เหมาะกับนาง” คำสั่งนั้นทำให้หลี่เจียงรีบขยับตัว “ข้าไม่ไป! ข้าจะอยู่กับนายท่าน!” เสียงของนางหนักแน่นไม่แพ้ใจ หลี่เซี่ยหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาทางทหาร “ข้าไม่อนุญาตให้พวกเขาแยกกัน หากพวกเขาอยู่กับข้า ข้าย่อมสบายใจกว่า” ไม่ทันที่ทหารจะโต้ตอบ เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เจ้าอยากให้บ่าวของเจ้าลำบากหรือ หลี่เซี่ย?” หยางจื่อหาวก้าวเข้ามาอย่างองอาจ ทุกสายตาในบริเวณหันมาจับจ้องเขา แววตาเย็นชาที่เขาส่งออกมา ทำให้ไม่มีใครกล้าสบตา “ข้าไม่ได้อยากให้พวกเขาลำบาก” หล่อนตอบเรียบเฉย “แต่ข้าก็ไม่อยากแยกพวกเขาออกจากกัน...” หยางจื่อหาวยิ้มบางอย่างเย็นชา “ในค่ายนี้ ข้าคือคนตัดสิน ไม่ใช่เจ้า งานในครัวเหมาะสมกับนาง และข้าไม่ได้ส่งนางไปตาย เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องขัดคำสั่ง” หล่อนนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะหันไปพูดกับหลี่เจียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงความหนักแน่น “ถ้าเช่นนั้น... เจ้าไปเถิด” “ดี” หยางจื่อหาวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วหันไปสั่งทหาร “พานางไปที่ครัว ดูให้แน่ใจว่านางทำงานได้ดี” หลี่เจียงยังยืนนิ่ง นางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดแผ่วเบา “แต่ว่า... นายท่านหลี่...” หลี่เซี่ยยิ้มบาง “ไปเถอะ อาเจียง ข้าดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง” นางยังคงลังเล ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลสั่นไหว “พวกเจ้าต้องดูแลนายท่านให้ดี... อย่าให้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าละเลยล่ะ” พูดจบ หลี่เจียงก็จำใจยอมก้มหน้า ก่อนจะหันหลังเดินตามทหารไป หลี่เซี่ยยืนมองแผ่นหลังของหญิงสาวจนลับสายตา รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้า ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยล้า ‘การแยกครั้งนี้... อาจจะดีที่สุดสำหรับเด็กสาวอย่างหลี่เจียง’ หล่อนคิด พลางหันกลับไปเผชิญหน้ากับงานที่รออยู่ แต่ในใจลึกๆ หล่อนรู้ดีว่า บททดสอบที่แท้จริง เพิ่งจะเริ่มต้น... “เจ้า... ตามข้ามา” เสียงเรียบของหยางจื่อหาวดังขึ้น ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาดึงข้อมือของหล่อน โดยไม่รอคำตอบ “ท่านจะพาข้าไปไหนหรือ?” หล่อนถาม พลางพยายามดึงมือกลับ แต่เขาไม่ตอบ เพียงเดินนำไปข้างหน้าด้วยจังหวะหนักแน่นและมั่นคง หลี่เซี่ยมองแผ่นหลังของเขา ความสง่างามและแข็งแกร่งที่แผ่ชัดออกมาทำให้เธอเผลอใจวูบหนึ่ง หล่อนสลัดหน้าแรงๆ เพื่อสะกดตัวเองไม่ให้หลุดไปกับความคิด “ดึงสติไว้สิ อีโมนา...” หล่อนพึมพำเบาๆ เมื่อเดินมาถึงบริเวณหนึ่ง หยางจื่อหาวก็หยุดก้าว หลี่เซี่ยเงยหน้าขึ้น และภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอแทบลืมหายใจ ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวสุดสายตา ล้อมรอบด้วยภูเขายิ่งใหญ่ที่ต้นไม้ไหวพลิ้วไปตามลม สายธารเล็กๆ ไหลผ่านกลางทุ่ง สะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายระยิบ “นี่มัน...” หล่อนพูดไม่ออก ราวกับอยู่ในความฝัน “เจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อชมความงามหรือ?” เสียงทุ้มเย็นของเขาดังขึ้นข้างตัว หล่อนหันไปมองเขาด้วยความสงสัย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD