หลี่เซี่ยทอดสายตามองทิวทัศน์ตรงหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ ทว่าเพียงครู่เดียว ความเงียบงันนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยมือใหญ่ของหยางจื่อหาวที่ยื่นมาดึงคางเธอขึ้น ก่อนจะยัดบางอย่างเข้าปากเธออย่างไม่ทันตั้งตัว
“อึบ...!” เธอพยายามจะพูด แต่รสขมจัดจนแทบกลืนไม่ลงทำให้เสียงขาดหาย
“ยาแก้ช้ำใน เจ้าต้องกินทุกวัน” เสียงทุ้มกล่าวเรียบๆ แต่แฝงความตำหนิ
“แต่เจ้ากลับทำให้ข้าต้องลำบากตามหาตัว”
“ท่าน...คือคนที่มาป้อนยาทุกคืนหรือ?” หล่อนเอ่ยถามอย่างลังเล
หยางจื่อหาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกคิ้วขึ้นนิด
“หากไม่ใช่ข้า เจ้าคิดว่าท่านพี่จะยอมมาป้อนยาขมปี๋ให้เจ้าหรือ? โง่นัก” ถ้อยคำนั้นฟังดูเหน็บแนมแต่กลับไม่รู้สึกน่าขุ่นเคือง หลี่เซี่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองตามแผ่นหลังกว้างที่เริ่มเดินจากไป แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“เขาก็ดูเป็นมิตรมากกว่าที่คิดนะ...” หล่อนพึมพำเบาๆ พลางมองมือตัวเองที่ยังคงมีรสขมติดอยู่
“แสดงว่าที่ร่างกายหลี่เซี่ยดีขึ้นขนาดนี้ ก็เพราะเขา...” น้ำเสียงของเธอนุ่มลง ก่อนจะยิ้มบางเบาแล้วก้าวตามแผ่นหลังของเขาไป
‘อย่างน้อย...ในโลกนี้ นายก็ยังมีเพื่อนสนิทที่ไม่เคยทอดทิ้ง และมีผู้ติดตามที่ภักดีอยู่เคียงข้างนะ หลี่เซี่ย’ เสียงในใจดังก้องคล้ายเป็นแรงใจให้เธอเดินหน้าต่อในโลกที่เต็มไปด้วยบททดสอบ
เมื่อถึงคอกม้า เธอก็ทำงานจนกระทั่งตะวันลับขอบฟ้า ในที่สุดก็ถึงเวลาพักผ่อน บรรดาทหารต่างพากันเตรียมตัวไปอาบน้ำที่คลองใกล้ๆ
“นายท่านหลี่...ทุกอย่างพร้อมแล้ว เราไปอาบน้ำกันเถอะ” หลี่เกอเอ่ยขึ้น
หลี่เซี่ยขมวดคิ้วก่อนจะยกแขนขึ้นดมตัวเองแล้วเบ้หน้า กลิ่นเหงื่อและฝุ่นที่สะสมมาหลายวันเล่นเอาแทบจะเป็นลม
‘อาบน้ำ...’ เธอคิดในใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ดูเหมือนเธอจะยังไม่เคยได้ล้างเนื้อล้างตัวจริงๆ เลย ความสกปรกทำให้รู้สึกขยะแขยงตัวเองจนทนไม่ไหว
เธอถอนหายใจยาว ยอมพยักหน้าแล้วเดินตามทุกคนไป
...คลองน้ำ...
“เฮือก...กล้ามเนื้อ...” เสียงหล่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากถูกกัดแน่น ขณะมองเหล่าทหารที่กำลังเปลือยท่อนบนอาบน้ำอยู่เต็มตลิ่ง
“ลงมาเถอะขอรับ นายท่านหลี่” หลี่เกอกระซิบเบาๆ เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งไม่ขยับ
“ดะ...ได้ ข้าลงเดี๋ยวนี้แหละ!” เธอเร่งฝีเท้าลงน้ำ แต่ดวงตากลับกวาดมองร่างกำยำรอบตัวอย่างไม่รู้จะหันไปทางไหนดี
"โห...กล้ามแน่นจริงนะเรา" เธออดแซวไม่ได้พลางแตะเบาๆ ที่ต้นแขนทหารคนหนึ่ง
“ขอรับ ท่านแม่...เอ่อ คุณชายหลี่” ทหารคนนั้นหน้าแดงจัด
เท่านั้นยังไม่พอ เธอเดินแวะไปแซวทหารคนอื่นอีกหลายคน จนเสียงหัวเราะและความเขินอายลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ
แต่ที่มุมหนึ่งของคลอง...สายตาคมกริบของหยางจื่อหาวกำลังจับจ้องมาอย่างเงียบงัน
“เจ้าทำอะไรน่ะ...หลี่น้อย...” เขาพึมพำ สีหน้าเรียบนิ่งชวนงง แต่มุมปากกลับยกยิ้ม
เสียงน้ำกระทบผิวดังกระเซ็นอยู่รอบตัว กลิ่นสบู่สมุนไพรจางๆ ลอยมากับสายลม หลี่เซี่ยพยายามทำตัวให้กลมกลืน แต่ลมหายใจก็ยังสะดุดเป็นพัก ๆ
‘อย่าทำตัวแปลกประหลาด อย่าทำตัวแปลกประหลาด...’ เธอพึมพำในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางตักน้ำสาดตัวอย่างเงอะงะ
กล้ามท้องแน่นๆ รอบตัวไม่ทำให้ใจสงบเลยสักนิด แม้จะพยายามคิดว่าเป็นแค่คนร่วมทีม แต่ภาพกล้ามไหล่หนา ๆ แผ่นหลังที่เปลือยเปล่า และเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของทหารบางคน ก็ทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วผิดปกติ
‘เฮ้อ...แกมาอยู่ในร่างนี้ก็จริง แต่ร่างนี้ก็ไม่ใช่ของแก จะใช้ก็ใช้ไม่เป็น’ เธอแอบตำหนิตัวเอง พร้อมหันหลังให้ฝูงชน ทำน้ำสาดเข้าหน้าแรง ๆ เพื่อเรียกสติ
"ร่างผู้ชายจะอาบยังไงล่ะเนี่ย...หลายวันมานี้จะฉี่ก็ยังไม่คุ้นชินสักที!" หล่อนพึมพำเบาๆ มองช่วงล่างด้วยความเวทนาตัวเอง รู้สึกเหมือนเป็นของแปลกปลอมในร่างที่ไม่รู้จะจัดการยังไงให้สะอาดดี
หยางจื่อหาวยืนพิงต้นไม้ริมตลิ่ง ดวงตาคมเฉียบมองไปยังกลุ่มทหารที่กำลังอาบน้ำอย่างสนุกสนาน สายตาเขาจับจ้องอยู่เพียงคนเดียว นั่นคือหลี่เซี่ย
เด็กหนุ่มที่เคยนิ่งขรึม เยียบเย็น กลับกลายเป็นใครบางคนที่ทำให้ทหารหน้าแดงได้เพียงคำแซวเดียว รอยยิ้มซน ๆ และท่าทีเงอะงะคล้ายจะไม่รู้จักร่างตัวเองดีนัก ทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘ตั้งแต่ตื่นจากอาการบาดเจ็บ...เจ้านี่ก็เปลี่ยนไปทุกวัน’
เขาหยิบผ้าเช็ดตัวในมือขึ้น บีบมันเบา ๆ อย่างครุ่นคิด รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว
‘แต่ก็...เปลี่ยนไปในทางที่ดี’
เมื่อเห็นเธอลื่นล้มหน้าคะมำแล้วรีบลุกขึ้นทำหน้าตั้ง เขาก็หลุดหัวเราะเบาๆ ออกมา
ก่อนจะลอบมองหลี่เซี่ยเดินขึ้นจากน้ำตามเหล่าทหารไป ท่าทางเงอะงะปนเก้ๆ กังๆ พลางสะบัดก้นเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว จนเขาเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
‘ถ้าข้าไม่รู้จักเจ้า...ข้าคงคิดว่าเจ้าโดนผีสาวเข้าสิงไปแล้วจริงๆ’
เมื่อทุกคนกลับถึงที่พักได้ไม่นาน ก็มีขบวนคาราวานพ่อค้ากลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง เป็นผู้คนคุ้นเคยในอดีตซึ่งเคยมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหยางจื่อหาวและหลี่เซี่ย
เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ค่าย ทหารเวรจึงเปิดทางให้ พวกเขาจูงอาชาเข้าแถวเป็นระเบียบ ท่ามกลางเสียงกีบเท้าสะท้อนก้องบนผืนดินแห้งผาก นำขบวนคือพ่อค้าร่างอ้วนกลม หน้าท้องใหญ่คล้ายถังหมักสุรา ตามหลังคือเหลาสตรีนับสิบ รูปโฉมล่มเมือง หากดวงตากลับหม่นหมองไร้ประกาย บางนางหน้าซีดเซียว บางนางย่ำเท้าอย่างอ่อนแรง ข้อมือเรียวบางของพวกนางถูกพันธนาการด้วยเชือกผ้าซีดเก่า บ้างก็เป็นโซ่เหล็กขึ้นสนิม มีรอยช้ำและรอยถลอกให้เห็นอยู่ทั่ว
เสียงโซ่กระทบกันเบา ๆ คลอไปกับเสียงฝีเท้าบนดิน บรรยากาศรอบด้านคล้ายถูกปกคลุมด้วยเงาหมอกแห่งโชคชะตาอันโหดร้าย
หลี่เซี่ยยืนอยู่ห่างออกไป สีหน้าเคร่งเครียด หัวใจเต้นกระหน่ำราวกลองศึก
“เป็นทาสหญิง...ตามคาดจริง ๆ” หล่อนก้มหน้าหลบสายตาผู้คน ลอบเดินตามขบวนอย่างเงียบงัน ดวงตากวาดมองหาช่องทางช่วยเหลือโดยมิให้เป็นที่ผิดสังเกต
ทันใดนั้น หญิงสาวผู้หนึ่งท้ายแถวพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตสั่นไหวสบเข้ากับนัยน์ตาของหลี่เซี่ยโดยไม่ตั้งใจ แววตานั้นทั้งเว้าวอนและสิ้นหวัง ราวลูกนกที่หลงฝูง หวาดกลัวแต่ยังไม่ยอมแพ้
หลี่เซี่ยขบกรามแน่น ก่อนเดินตรงไปยังหัวหน้าขบวนพ่อค้า กระซิบด้วยเสียงต่ำ
“ข้าต้องการนางผู้นั้น”
พ่อค้าร่างอ้วนหันมามองหล่อนอย่างรู้จักดี ก่อนจะหัวเราะในลำคอ ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์
“นายท่านหลี่...นางผู้นี้ ข้าคงต้องขอราคาสูงสักหน่อยแล้ว”
ยังไม่ทันที่หลี่เซี่ยจะเอื้อนเอ่ย เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เจ้าปรารถนานางผู้นี้หรือ...หลี่น้อย” หลี่เซี่ยสะดุ้งเล็กน้อย หันไปเห็นหยางจื่อหาวยืนอยู่ พลางทอดสายตามองหญิงสาวในแถว
“เอ่อ...” หล่อนอ้ำอึ้ง คำพูดติดค้างในลำคอ ภาพในอดีตผุดขึ้นในใจเมื่อครั้งหลี่เซี่ยเคยถูกลากไปร่วมวงสุรานารีโดยไร้สิทธิ์ปฏิเสธ
“หากเจ้าปรารถนา เช่นนั้น...ข้าจะซื้อนางเอง” หยางจื่อหาวกล่าวอย่างไร้อารมณ์ ควักเงินส่งให้พ่อค้าอย่างไม่รีรอ
‘ซื้อไว้ก่อน แล้วค่อยหาวิธีช่วยก็ยังทัน’ หลี่เซี่ยได้แต่พึมพำในใจ