ตอนที่ 7 : ค่ำคืนอันหนาวแหนบ

1422 Words
ไม่นานนัก หญิงสาวผู้นั้นก็ถูกนำไปชำระล้างร่างกายจนสะอาดหมดจด สวมอาภรณ์ผืนบางสีชมพูอ่อน ก่อนถูกพามาคุกเข่าเบื้องหน้าชายทั้งสองภายในกระโจม บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหนาวลอดผ่านม่านผ้า กับเสียงจอกสุรากระทบโต๊ะเบา ๆ หยางจื่อหาวยกจอกขึ้นจิบหนึ่งคำ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าชื่ออะไร” หญิงสาวสะท้านเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เสียงสั่นไหว “ข้าน้อย...ชื่ออวิ๋นฮวาเจ้าค่ะ” “อวิ๋นฮวา...ดอกไม้ในม่านเมฆหรือนี่?” หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ดวงตายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หยางจื่อหาวยื่นมือขึ้นเชยคางนาง แล้วเพ่งพินิจใบหน้างดงามราวภาพวาด “ช่างเหมาะสมกับชื่อของเจ้าจริง ๆ...งามดุจเมฆา งามดุจบุปผา” อวิ๋นฮวาสะท้านทั้งร่าง ขณะหยางจื่อหาวโน้มใกล้ หลี่เซี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหว เผลอวางจอกสุราลงบนโต๊ะอย่างแรง กึก... เสียงนั้นทำให้สายตาคมกริบหันกลับมามอง หลี่เซี่ยยิ้มแห้งพลางเดินมาคุกเข่าต่อหน้าเขาอย่างนอบน้อม “ท่านอ๋อง...เอ่อ กระหม่อมว่า ปล่อยนางไปก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ดูแล้วนางคงหวาดกลัว” หยางจื่อหาวขมวดคิ้วทันที จ้องหล่อนราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง “เจ้าชอบมิใช่หรือ...หญิงที่สั่นเทา ร้องไห้ ยิ่งน่าหลงใหลมิใช่หรือ?” เขาก้มหน้าลงต่ำ น้ำเสียงทุ้มลึกกว่าเดิม “แต่บัดนี้...เจ้ากลับเปลี่ยนไป” หลี่เซี่ยอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น “ไม่แล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง หากเมื่อก่อนกระหม่อมเคยทำให้หญิงใดเจ็บช้ำน้ำใจ...บัดนี้ กระหม่อมไม่อยากกระทำเช่นนั้นอีกแล้ว” หล่อนก้มหน้าลงแนบพื้น หยางจื่อหาวนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนโบกมือไล่ “เจ้าออกไปก่อน” อวิ๋นฮวาเหลือบมองหลี่เซี่ยด้วยแววตาสำนึกบุญคุณ ก่อนจะถูกทหารหญิงพาออกจากกระโจม เหลือเพียงหยางจื่อหาวและหลี่เซี่ยอยู่เผชิญหน้ากันในความเงียบ หยางจื่อหาวยกจอกสุราขึ้นดื่มอีกคำ ก่อนวางลงช้า ๆ ดวงตาคมเข้มยังจ้องหล่อนไม่วาง “ตั้งแต่เจ้าฟื้นขึ้นมา...เจ้าดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก “คราแรกเราคิดว่าเจ้าแค่ความจำเสื่อม...แต่ตอนนี้...เราเริ่มคิดว่าเจ้าอาจโดนผีสาวเข้าสิงเสียแล้ว” “เจ้าช่างทำท่าทางอ้อนแอ้นอย่างกับหญิงสาว...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยแววเย้าหยอกปนคลางแคลง แววตาของเขาในยามนี้ไม่ใช่เพียงจับผิด หากแต่...จับจ้อง หยางจื่อหาวก้าวเข้ามาใกล้อย่างมั่นใจ ท่วงท่าที่ยิ่งใหญ่ดั่งเจ้าชีวิต แต่กลับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้หลี่เซี่ยไม่สามารถละสายตาได้ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าอีกฝ่าย นิ้วเรียวยกคางของหลี่เซี่ยที่ก้มหน้าอยู่ขึ้นอย่างแผ่วเบา หลี่เซี่ยสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างมองแผ่นอกที่ถูกคลายเสื้อให้เห็นกล้ามเนื้อ ก่อนจะรีบหลุบตาลงอีกครั้ง มือกำชายเสื้อแน่นเพื่อกลบความสั่นไหว ‘อย่ามองข้าแบบนั้นสิ...อย่าให้ฉันไขว้เขวไปมากกว่านี้เลย’ หยางจื่อหาวจ้องเข้าไปในนัยน์ตาคู่นั้นอย่างลึกล้ำ ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงยังอยากมอง อยากค้นให้ลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม ‘แปลกนัก... ทั้งที่ข้าเห็นหน้าเจ้ามาตลอด แต่สายตาของเจ้าตอนนี้ กลับน่าหลงใหลยิ่งนัก’ เขาพึมพำกับตัวเองในใจ ก่อนโน้มตัวเข้าใกล้ จนได้กลิ่นหอมบางเบาจากกายหลี่เซี่ย ทั้งที่เพิ่งจากคอกม้า แต่กลับมีกลิ่นสะอาดแฝงด้วยกลิ่นดอกสมุนไพรจาง ๆ จนแทบละสายตาไม่ได้ ‘ช่างประหลาดนัก...’ หยางจื่อหาวหลับตาลง สูดลมหายใจลึก หัวใจเต้นเร็วโดยไร้เหตุผล ปลายจมูกของเขาเฉียดผ่านแก้มของหลี่เซี่ย ริมฝีปากใกล้แนบจนแทบจะสัมผัส หลี่เซี่ยเบือนหน้าหนีทันควัน เสียงสั่นพร่าเอ่ยเบาๆ “พอเถิด...ท่านอ๋อง ข้าไม่ใช่...คนที่ท่านคิด” เพียงประโยคนั้น ดั่งสาดน้ำเย็นเข้าใส่ใบหน้าของหยางจื่อหาว เขาผงะถอย รีบสะบัดหน้าหลี่เซี่ยจนหันข้าง ก่อนลุกขึ้นยืน แววตาในตอนนี้แข็งกร้าว สับสน ผสมด้วยความแค้นเคืองที่ไม่อาจอธิบาย สายตาเย็นดั่งน้ำแข็ง เขาตวัดผ้าคลุมด้วยความหงุดหงิดก่อนตะโกนลั่น “ทหาร! พาตัวนักโทษหลี่เซี่ยไปแช่น้ำ โทษจนกว่าเขาจะยอมอ้อนวอนขอเราให้ปล่อย!” เสียงฝีเท้าทหารเร่งร้อนเข้ามารับคำสั่ง ขณะที่หลี่เซี่ยยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาที่เคยเฉียบคมกลับว่างเปล่าเหมือนไร้แววชีวิต ‘ก็ดีเหมือนกัน ถ้าตายแล้ว บางทีอาจทำให้เราได้กลับบ้านก็ได้’ เธอได้แต่ยิ้มในอก ก่อนยอมปล่อยตัวให้ทหารจับตัวโดยไร้คำอ้อนวอนใดๆ ไม่นาน เขาถูกมัดมือไพล่หลัง ก่อนถูกโยนลงสู่สายน้ำเย็นเฉียบของลำคลองใต้แสงจันทร์ ร่างกายที่ยังไม่ทันฟื้นจากบาดแผลเดิมช่างอ่อนแรงนัก ผิวน้ำกระเพื่อมไหวตามร่างที่ถูกกดจมอยู่เบื้องล่าง บนฝั่ง หยางจื่อหาวนั่งผิงไฟบนตั่งไม้ แววตาเงียบงันมองคนในน้ำโดยไม่เอ่ยคำ เขารอคอย...รอคำวิงวอนขอชีวิตจากปากของหลี่เซี่ย ทว่าเสียงที่เขาเฝ้ารอกลับไม่มีวันมา “หลี่เซี่ย... เจ้าช่างใจแข็งนัก ยอมตายดีกว่าขอให้เราปล่อยเจ้าเลยหรือ...” น้ำเสียงของเขาเบาราวกระซิบกับเงาไฟ มากกว่าจะพูดกับผู้ใด เปลวไฟไหวเอนข้างกายให้ความอบอุ่น แต่ภายในอกของอ๋องจื่อหาวกลับเย็นชืดราวหิมะแรกของปี “เราเป็นผู้ให้ชีวิตเจ้า... มีหรือที่เราจะทำให้เจ้าตายอีกครามิได้” เวลาค่อยๆ ไหลเนิบนานดั่งสายน้ำเย็น ใต้ผืนน้ำ ร่างบางแน่นิ่งไม่ไหวติง จนในที่สุด ฟืบ! เสียงน้ำแตกกระจายเมื่อร่างของหลี่เซี่ยเอนล้ม จมหายลงในผืนน้ำมืด “หลี่เซี่ย!” หยางจื่อหาวผุดลุก เผ่นตัวลงน้ำโดยไร้คำสั่ง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองผู้ใด ยามนั้น ฐานะอ๋องหรือผู้บัญชาการสูงสุดไม่อาจเหนี่ยวรั้งหัวใจของเขาไว้ได้ เสียงน้ำกระเซ็นสะท้อนแสงเพลิงบนฝั่ง ชุดคลุมเข้มเปียกชุ่มแนบลู่กับร่างสูง แต่เขาหาได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแม้แต่น้อย แขนแกร่งคว้าร่างไร้สติขึ้นมาแนบอก ราวจะส่งความอบอุ่นทั้งหมดที่ตนมีให้คนผู้นั้น ใบหน้าขาวซีดของหลี่เซี่ยคล้ายดอกเหมยต้องน้ำค้างในฤดูเหมันต์ ริมฝีปากซีดเผือดจนแทบกลืนไปกับผิว มือเรียวไร้แรงตกห้อยเคียงลำตัว “หลี่เซี่ย...” เสียงเรียกแผ่วเบาราวกลัวว่า หากพูดดังเกินไป คนในอ้อมแขนจะสลายหายไป “เราไม่อยากให้เจ้าจากเราไปอีกแล้ว...เราขอโทษ เจ้าฟื้นขึ้นมาสิ” เขาอุ้มร่างนั้นลุยฝ่าลมหนาวกลับมายังกองไฟ ใต้ต้นหลิวใหญ่ เสื่อผืนหนาถูกปูไว้ก่อนหน้าอย่างรู้งาน ผ้าคลุมเปียกชุ่มถูกถอดออกจากตัวเขาแล้วคลุมลงบนร่างหลี่เซี่ยแทน “เจ้าคนดื้อรั้น...ดื้อจนยอมแลกด้วยชีวิตเลยหรือ...” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า คล้ายกลืนกล้ำบางสิ่งไว้ในลำคอ หยดน้ำจากชายผมเปียกหยดลงบนแก้มเย็นเฉียบ มือหนาแตะแก้มนั้นเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงมา ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงลมหายใจ ดวงตาสีดำขลับไหวระริกมองใบหน้าที่ไร้สติของอีกฝ่าย ทันใดนั้น ฟู่ว... ลมหายใจแผ่วเบาเคลื่อนไหวผ่านริมฝีปากซีดของหลี่เซี่ย หยางจื่อหาวชะงักงัน ก่อนจะค่อย ๆ แนบหน้าผากของตนเข้ากับหน้าผากของเขาอย่างเงียบงัน “ยังมีชีวิตอยู่... ดีแล้ว...” เสียงแผ่วเบากว่าลมยามราตรี แต่ภายในอกกลับดังกึกก้องจนมิอาจระงับได้ ไม่นาน ร่างของหลี่เซี่ยก็ถูกเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นผ้าแห้งสะอาด นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องข้างเรือนของอ๋องจื่อหาว โคมไฟบนโต๊ะสาดแสงเรืองรองอ่อน ๆ ทาบทับลงบนใบหน้าขาวซีดที่ยังไร้สติ ท่ามกลางความเงียบที่คล้ายสงบ หากแต่ในใจของผู้ที่เฝ้ามองอยู่กลับปั่นป่วนราวพายุกลางหิมะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD