ร่างบางพลิกตัวอย่างเกียจคร้าน งัวเงียค่อย ๆ ขยับกายที่ยังคงเมื่อยล้าจากศึกหนักเมื่อคืน ความรู้สึกปวดเมื่อยปะปนกับไออุ่นที่หลงเหลือบนผิว ทำให้เธอหลับตาแน่นอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน...ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรับแสงเช้า
เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้า เดินไปยังตู้เสื้อผ้าภายในนั้นมีชุดผู้หญิงเรียงอยู่เรียบร้อย ดูจากขนาดและสไตล์แล้ว...คงเป็นของเธอเอง
โมนาหยิบชุดสบาย ๆ ชุดหนึ่งออกมาแขวนไว้ที่หน้าตู้ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำสวมไว้หลวม ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปชะล้างร่างกาย ปล่อยให้น้ำอุ่นไหลผ่านผิวกาย พาเอาความเหนื่อยล้า ความเร่าร้อน และอารมณ์ที่ยังค้างคาให้หลุดลอยไปตามสายน้ำ
หลังอาบน้ำเสร็จ เธอใช้ไดร์เป่าผมไล่ความชื้นออกจากเส้นผมอย่างเงียบงัน ขณะสายตาเผลอมองไปยังโต๊ะเล็กริมผนัง
ที่นั่นเอง...
มีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งวางไว้อย่างเรียบง่าย ตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือแข็งแต่เรียบสะอาดบอกไว้เพียงสั้น ๆ
“ถ้าตื่นแล้ว...เดินไปที่โต๊ะอาหาร”
หลังจากจัดการธุระของตัวเองเสร็จเรียบร้อย โมนากำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายที่เธอเลือกไว้แล้ว จังหวะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากปลายเตียง
เธอชะงัก ก่อนจะรีบเดินไปหยิบมันขึ้นมา หน้าจอไม่แสดงชื่อ แต่เธอก็รู้สึกเหมือนคุ้นเสียงเรียกเข้าแปลก ๆ นั้น...คงเป็นโทรศัพท์ของเธอเอง
เธอกดรับสายอย่างลังเล
“สวัสดีค่ะ...”
เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นจากปลายสายแทบจะทันที
“ฮันฮัน... ตื่นแล้วใช่ไหม? อย่าลืมทานข้าวด้วยนะครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงผมให้คนไปรับ”
น้ำเสียงของเขาทั้งนุ่มนวลและมั่นใจ...ราวกับดูแลเธอมานาน ทั้งที่เธอไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า จริง ๆ แล้วเธอคือใคร
โมนานิ่งไปครู่หนึ่ง กำโทรศัพท์แน่น
หลังจากปลายสายวางไป โมนาก็เดินไปยังโต๊ะอาหาร อาหารเช้าถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย แต่ละจานดูสะอาด เรียบร้อย และ เต็มไปด้วยความตั้งใจจากใครบางคน
เธอนั่งลงทานเงียบ ๆ โดยที่ในใจยังคงเต็มไปด้วยคำถาม หลังจากทานเสร็จ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่ถือมาด้วยขึ้นมา ลองแนบปลายนิ้วลงบนหน้าจอ
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นทันทีเมื่อเครื่องปลดล็อก
“ของเจ้าของร่างนี้เองสินะ...” เธอพึมพำ ขณะนิ้วเรียวเลื่อนเช็คข้อความ รูปภาพ และบันทึกต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
“ยังคงอยู่ในนิยายสินะ...แล้วทำไมหลี่เซี่ยถึงกลายเป็นผู้หญิงในยุคนี้? แล้วทำไมถึงไม่ชดใช้แค่ตอนเป็นหลี่เซี่ย...แต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้ด้วย?”
เธอยังไม่ทันได้หาคำตอบ...
เต๊ด...เต๊ด...เต๊ด...
เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังขึ้นอีกครั้ง วินาทีนั้นเอง...ภาพรอบตัวพลันเปลี่ยน
ว๊าบ!!
ทุกอย่างหมุนวูบ ร่างของเธอพลันโผล่มาอยู่ในห้องทำงานที่คุ้นตา คราวนี้กลับอยู่ในท่า นอนคว่ำ บนโต๊ะทำงาน
“มะ...ไม่จริง…”
กระโปรงของเธอถูกถกขึ้นเหนือเอวบาง ขณะที่ร่างสูงด้านหลังกำลังกระแทกสะโพกเข้าหาจุดอ่อนไหวอย่างร้อนแรงถี่ๆรัวๆ ...ตรับ-ตรับ-ตรับ เสียงหอบหายใจถี่รัวประสานกันก้องอยู่ในห้อง
เธอสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก รีบพยายามผลักเขาออกสุดแรง
ทันใดนั้น - เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอรีบคว้ามือถือขึ้นมาดูหน้าจอ
...ชื่อที่ปรากฏ - พ่อ
มือเรียวรีบกดรับทันที
“สวัสดีค่ะ…”
“สิฮัน! กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้! ไปทำอะไรไว้อีก?!”
เสียงพ่อดังลั่นใส่หู
“คะ...? ทำอะไรเหรอคะ?”
“เติ้งหนิงเฉิงเพิ่งโทรมายกเลิกงานแต่ง!”
“คะ?! แล้วเติ้งหนิงเฉิง...”
ติ๊ด...
เสียงวางสายดังขึ้นพร้อมกับแสงขาววาบตัดภาพ
วูบ!
โมนาโผล่กลับมาอีกทีที่บ้านหลังใหญ่ เธอยืนอยู่กลางห้องโถงอย่างงงงัน
เบื้องหน้ามีชายหญิงวัยประมาณห้าสิบถึงหกสิบปี นั่งบนโซฟาตัวใหญ่ สีหน้าทั้งคู่ตึงเครียด สายตาทั้งสองจ้องมองเธอเขม็ง...ราวกับมีคำถามมากมายรอให้เธอตอบ
“ยืนงงอะไรอยู่ล่ะ... มานั่ง!!” เสียงทุ่มหนักของผู้เป็นพ่อดังลั่นทั่วบ้านจนโมนาสะดุ้งเฮือก
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะก้าวเท้าอย่างลังเลไปนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามกับชายหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด ราวกับลมหายใจก็ยังไม่กล้าขยับ
“พูดมา...” น้ำเสียงเข้มดังขึ้นอีกครั้ง “ไปทำอะไรไว้อีก?”
ดวงตาคมเข้มของผู้เป็นพ่อจ้องมาอย่างไม่กะพริบ ราวกับจะเจาะทะลุเข้าไปในความคิดของเธอ
โมนาใจเต้นแรง รู้สึกหนาววาบขึ้นมาตามสันหลัง ราวกับกำลังถูกลงโทษจากบางสิ่งที่เธอเองก็ไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ...
"เติ้งหนิงเฉิง...? ใครกันแน่ที่ยกเลิกงานแต่ง? แล้วคนที่นอนกับเราไม่ใช่สามีเหรอ? แล้วเขาคือใครอีก? แล้วที่ชายสูง
อายุคนนี้พูดว่าทำอะไรไว้...หมายถึงเรา? หรือหมายถึง ‘เจ้าของร่างนี้’?”
คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในหัวของเธอเหมือนคลื่นซัด เธอกำลังจมอยู่ในกระแสของความจริงที่บิดเบี้ยว…และเธอก็ยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองคือใครกันแน่ในโลกใบนี้
ในขณะที่เธอยังคงนั่งนิ่ง สับสน และคิดเรื่องราวเตลิดไปไกลเกินจะหยุด เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่มั่นคง
“คุณคะ... ใจเย็น ๆ สิคะ” แม่หันไปพูดกับพ่อ “คุณดุลูกขนาดนี้ ลูกก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกหรอกค่ะ”
คำพูดนั้นราวกับดึงเธอกลับมามีสติ โมนากะพริบตาถี่ ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะถามออกมาเสียงเบา แต่หนักแน่น
“แล้ว... ทำไมถึงยกเลิกงานแต่งคะ?” เธอเหลือบมองหน้าทั้งสองคน “พวกคุณได้ถามเขาไหมคะ...ว่าเพราะอะไร?”
คำถามนั้นทำเอาพ่อกับแม่ชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าทั้งคู่แสดงความงุนงงเจือความไม่เข้าใจ ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว แต่ยังคงเงียบด้วยความโกรธที่ยังไม่คลาย ผู้เป็นแม่จึงเป็นคนตอบแทน
“ลูก... จำไม่ได้เหรอว่า ลูกทำอะไรกับเติ้งหนิงเฉิงไว้?”
ประโยคนั้นทำให้หัวใจของโมนากระตุกวูบ เธอเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่...ร่างนี้ไปทำอะไรไว้กันอีกเนี่ย...”
“หรือว่าผู้ชายที่เธอเพิ่งนอนด้วย...เป็นชู้?!”
โมนากัดริมฝีปากแน่น ดวงตากระพริบถี่ ความคิดสับสนปะทะกันไปมาจนเวียนหัว
“ชาติที่แล้วก็ไม่สมหวัง เพราะรักต้องห้าม...ชายกับชาย”
“ชาตินี้ก็ดันไปมีชู้อีก...!”
เธอถอนหายใจหนัก ๆ ในใจ
“หลี่เซี่ยเอ๊ย...หลี่เซี่ย… ชีวิตนายนี่ไม่เคยราบรื่นเลย...” เธอก้มหน้าลงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ราวกับระบายกับอากาศที่อยู่ตรงหน้า