เมื่อรุ่นพี่คนนั้นพาสวีสิฮันกลับมาถึงซุ้มแอลกอฮอล์ เขาค่อย ๆ ประคองเธอลงนั่งบนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าเธอจะเจ็บ หรือแย่ไปมากกว่านี้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
สายตาเว้าวอนแบบนั้น...โม่โฉวมองเห็นทั้งหมดจากระยะไกล
เขายืนอยู่เงียบ ๆ ใต้ต้นไม้ ห่างจากซุ้มไม่มากนัก...ดวงตาเย็นชา ไร้แวว ริมฝีปากแน่นสนิท เหมือนกำลังพยายามข่มอารมณ์บางอย่าง
สวีสิฮันสัมผัสได้ถึงสายตานั้นทันทีที่เธอเงยหน้า เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงช้า ๆ ...เหมือนคนรู้สึกผิด
หลังจากวันนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับสู่ความปกติ...แต่โม่โฉวรู้ดีว่า “ความปกติ” นั้น ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว
เวลาผ่านไป...เข้าสู่ปีสาม
โม่โฉวแทบไม่ได้พูดคุยหรือไปมาหาสู่กับสวีสิฮันอีกเลย เขาเลือกที่จะถอยห่าง ไม่ใช่เพราะเกลียด...แต่เพราะเจ็บ
เขายังคงแอบมองเธอเงียบ ๆ จากที่ไกล ๆ เหมือนเคย ยังคงมองเห็นรอยยิ้มของเธอ เสียงหัวเราะของเธอ และการเติบโตของเธอที่เปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ
หลายครั้ง...มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตเขา สาว ๆ มากหน้าหลายตาแวะเวียนมาขอเป็นแฟน แต่โม่โฉวปฏิเสธทั้งหมด
เพื่อนในกลุ่มเริ่มจับสังเกต บางคนแซว บางคนถามตรง ๆ ว่าเขาแอบชอบใครอยู่หรือเปล่า แต่คำตอบของเขากลับเหมือนเดิมเสมอ
“ขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อน เรื่องแฟน...ค่อยว่ากันทีหลัง”
...ไม่มีใครรู้เลยว่า เขาเคย “โฟกัสที่เธอ” มาทั้งชีวิตแล้วต่างหาก
คืนหนึ่ง ก่อนขึ้นปีสี่ ณ หอพักชาย
เสียงเกมจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ดังแข่งกับเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนในห้อง โม่โฉวกำลังนั่งพิงผนัง เล่นเกมเงียบ ๆ โดยมีเติ้งหนิงเฉิงนั่งอยู่ไม่ไกล
“เฮ้ย ๆ ได้ข่าวยัง?” เพื่อนคนหนึ่งโพล่งขึ้น ท่ามกลางความคึกคักของเกม
“ข่าวอะไร?” เสียงตอบกลับอย่างขอไปที
“สวีสิฮันน่ะ เลิกกับรุ่นพี่คนนั้นแล้วว่ะ จริงปะ หนิงเฉิง?” ทุกสายตาหันไปมองเติ้งหนิงเฉิงพร้อมกัน...เหมือนรอฟังคำยืนยัน
เขาหัวเราะหึในลำคอ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าจากจอเกม
“กูจะไปรู้ได้ไงวะ กูไม่ได้เสือกเรื่องคนอื่น”
“เออเว้ย แต่เขาเล่าว่า พอรุ่นพี่เริ่มทำงาน ก็ดันมีสาว ๆ เข้ามาพัวพันเต็มไปหมด สุดท้ายก็ไปไม่รอด เลิกกันซะงั้น”
อีกคนเสริม
“แถมสวีสิฮันน่ะ เป็นตัวท็อปนะเว้ย เกรด A+ ทุกเทอม แถมมีหนุ่ม ๆ ตามจีบเยอะด้วยเว้ย มึงไม่สนใจบ้างเหรอ?”
เติ้งหนิงเฉิงวางเมาส์ลงทันที พลางถอนหายใจ “มันก็เรื่องของเขาป่ะวะ เกี่ยวไรกับกู พวกมึงจะเล่นไหม ไม่เล่นก็ไปกินข้าว”
โม่โฉวไม่พูดอะไร...เขายิ้มบาง ๆ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง
“กูมีธุระ เดี๋ยวกูออกไปก่อนนะ”
“ไปไหนวะ?” เพื่อนถาม
“แถวนี้แหละ กินอะไรนิดหน่อย กลับมาคงดึกนิดหน่อย ไม่ต้องรอกูหรอก” เขาหันกลับมายิ้มให้บาง ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป พร้อมหัวใจที่เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง...
ณ ผับแห่งหนึ่ง ในย่านมหาวิทยาลัย
เสียงเพลงครึกครื้นดังสนั่น แสงไฟหลากสีกระจายไปทั่วห้อง โม่โฉวเดินฝ่าฝูงชนอย่างร้อนรน ดวงตากวาดมองหาใครบางคนด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จนกระทั่งสายตาเขาไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มอย่างต่อเนื่อง...สวีสิฮัน
เสียงเฮจากกลุ่มเพื่อนรอบตัวเธอดังขึ้นเมื่อเธอลุกขึ้นยืนบนโซฟา ถอดเสื้อคลุมออก แล้วเริ่มขยับตัวเต้นตามจังหวะเพลง เผยให้เห็นรอยแผลเป็นจาง ๆ บนผิวขาวเนียนที่ไม่มีใครสนใจนอกจากโม่โฉว
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองเธอโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา
จนกระทั่งเธอเดินโซซัดโซเซไปทางห้องน้ำ เขาจึงรีบเดินตามและไปยืนรออยู่หน้าห้องน้ำหญิง เสียงฝีเท้าที่ไม่มั่นคงดังใกล้เข้ามา เขารีบพุ่งเข้าไปประคองไว้ทันก่อนที่เธอจะล้มลง
"อ๋อออ...นายนี่เอง" เธอพูดเสียงอ้อแอ้ ดวงตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ "ทำไมนายเพิ่งมา...ทำไมนายไม่มาหาฉัน นายทิ้งฉันไว้คนเดียวมาสามปี...คนเลว!"
เธอเริ่มผลักอกเขา ทุบเบา ๆ ด้วยความน้อยใจ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
"เรากลับกันเถอะนะ" เขาเช็ดน้ำตาให้เธอเบา ๆ แล้วค่อย ๆ อุ้มร่างเธอขึ้นแนบอก
ในจังหวะที่เธอเอนศีรษะลงบนบ่าเขา ดวงตาที่เคยเศร้ากลับคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างหมดแรง
ณ คอนโดของโม่โฉว
เขาค่อย ๆ วางร่างของเธอลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกเพื่อนว่าเขาจะนอนที่คอนโดและจะไม่กลับหอในคืนนี้
ขณะที่เขากำลังจะห่มผ้าให้เธอ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง
"โม่โฉว..." เธอเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดวงตาเหม่อลอย ก่อนจะทรุดตัวลงอาเจียนอย่างแรง เขารีบเข้าไปประคองและพาเธอไปยังห้องน้ำทันที
เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่พันรอบตัวเธอไว้แน่นหนา ก่อนจะค่อย ๆ เปิดน้ำอุ่นให้รินไหลลงบนแขนเธอ เพื่อช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น
เขาไม่แม้แต่จะชายตามองร่างกายของเธอ พยายามเช็ดตัวให้เธออย่างระมัดระวังที่สุดด้วยความเคารพ...ไม่ใช่แค่เพราะความเหมาะสม แต่เพราะเขารู้ดีว่า เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
"ใจเย็นไว้โม่โฉว...เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธออยู่ที่ไหน" เขาบอกตัวเองเบา ๆ ขณะคลุมผ้าให้เธอและพาเธอกลับไปนอนบนเตียง
จากนั้น เขาจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่หน้าทีวี
คืนนั้น เขานอนไม่หลับเลยแม้แต่นาทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น
โม่โฉวเตรียมอาหารพร้อมทานไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ทั้งข้าวต้มร้อน ๆ และน้ำซุปแก้เมาค้าง กลิ่นหอมอบอวลทั่วห้องราวกับต้องการปลุกให้ใครบางคนรู้ว่า “วันนี้...ไม่เหมือนเมื่อวานอีกต่อไปแล้ว” ไม่นานนัก เสียงตะโกนดังลั่นจากในห้องนอนทำให้เขาชะงัก
“ว๊าย!!” เสียงร้องนั้นเต็มไปด้วยความตกใจ...และความสับสน
ร่างของสวีสิฮันตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่ม ด้วยสภาพเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวคลุมตัว เธอรีบก้มลงดูสภาพร่างกายตัวเองอย่างร้อนรน ตรวจเช็กทุกซอกทุกมุมด้วยความกังวลว่ามี "อะไรผิดพลาด" เกิดขึ้นเมื่อคืนหรือไม่
โม่โฉวที่ได้ยินเสียงร้องก็ไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าไปในห้อง
เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเขา หัวใจที่เต้นโครมครามอย่างตื่นตระหนังก็สงบลงทันที
“เป็นอะไรไหม ฮันฮัน” เขาถามด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร…” เธอรีบบอกพลางรวบผ้าห่มแน่นขึ้น
เขายิ้มบาง ๆ อย่างโล่งใจ “นั่นก็ดีแล้วล่ะ อาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาทานอาหารนะ มีน้ำซุปแก้เมาค้างให้ด้วย”
เธอพยักหน้าเบา ๆ
เมื่อทุกอย่างในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย สวีสิฮันก็เดินออกมาด้วยชุดคลุมตัวเดียวโดยไม่ได้สวมเสื้อผ้าภายในครบถ้วน...เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกพับเรียบร้อยไว้ข้างเตียงโดยฝีมือของเขาเอง
โม่โฉวที่กำลังนั่งรอเธออยู่ตรงโต๊ะอาหาร เหลือบตามองเธอเพียงแวบเดียวก็หน้าแดงก่ำทันที
“ทำไมไม่แต่งตัวล่ะ…” เขาถามเสียงเบา
“ทำไมเหรอ...” เธอยิ้มมุมปาก ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านหลังเขา หยุดอยู่ข้างหู
เสียงกระซิบเบาราวกับลมหายใจเป่าร้อนรดต้นคอของเขา
“เขินเหรอ?”
โม่โฉวสะดุ้งเฮือก ราวกับโดนฟ้าผ่า รีบลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที มือไม้เก้ ๆ กัง ๆ เหมือนคนไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วพูดออกมาโดยไม่ทันได้คิด
“ใช่...ก็ฉันชอบเธอนี่” คำพูดนั้นทำให้สวีสิฮันชะงัก
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะตกใจ...แต่เพราะเธอไม่คาดคิดว่า เขาจะกล้าพูดมันออกมาตรง ๆ แบบนี้