ตอนที่ 2
หน้าคุ้นจัง
“คนสวยมาคนเดียวเหรอจ๊ะ...”
“ขะ...ขอทางด้วยค่ะ” ฉันที่ต้องกลับมาในคลับอีกครั้งเพราะลืมกระเป๋าทั้งที่ยังเมาหนักถูกบรรดาชายหนุ่มตามโต๊ะริมทางเดินเอ่ยแซวไม่พัก ฉันพยายามเดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่พวกเราเพิ่งลุกมา แต่แล้วก็พบว่าโต๊ะนั้นมีกลุ่มคนใหม่มานั่งแทนแล้ว
แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงโต๊ะ อาการเวียนหัวก็คืบคลานเข้ามาทำให้ฉันต้องยืนชะงักกุมหัวสักครู่เพื่อตั้งสติ
“หนักหัวจัง ไม่น่าดื่มเยอะเลย” ฉันพึมพำท่ามกลางแสงสีเสียงและความมืด ก่อนจะพยุงร่างให้เดินไปจนถึงโต๊ะนั้น
“ขอโทษนะคะ เห็นกระเป๋าวางอยู่ตรงนี้รึเปล่า...อะ” จู่ ๆ ฉันก็เซล้มไปนั่งบนโซฟากับพวกเขา ดีที่ว่าตรงนั้นว่างพอดี
“แหมคนสวย...อยากนั่งกับพวกผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เสียงของชายคนหนึ่งในโต๊ะเอ่ยขึ้นแกมหยอกล้อ
“ปะ...เปล่านะคะ ฉันมาเอากระเป๋าจริง ๆ พวกคุณเห็นไหมคะ ก่อนหน้านี้ฉันนั่งที่โต๊ะนี้”
“ดูท่าจะเมาหนักของจริง โต๊ะนี้พวกผมนั่งตั้งแต่สองทุ่มแล้วนะครับ”
“ไม่จริง...ฉันเพิ่งลุกจากโต๊ะนี้ ยี่สิบนาทีก่อนนี่เองนะคะ”
“คนสวยน่าจะเมาเหล้า ไม่ก็เหมาหน้าหล่อ ๆ ของพวกผมแล้วล่ะมั้ง” พวกเขาหาว่าฉันเมาหนัก (ถึงจะจริงก็เถอะ) แต่ฉันลืมกระเป๋าตรงนี้จริง ๆ ฉันพยายามเบิกตามองพวกเขาในโต๊ะแต่ก็มองได้ไม่ชัดนักเพราะทั้งเมาทั้งมืด ทว่า…
“หืม...ตรงนี้โต๊ะหน้าเวทีเหรอคะ ไม่ใช่มุมซ้ายของเวทีเหรอ”
“นั่นไงว่าแล้ว ฮ่า...” ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เสียงใครเป็นเสียงใคร แต่ที่แน่ ๆ ฉันหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ แล้วมันก็ผิดโต๊ะจริง ๆ เพราะโต๊ะเดิมของฉันอยู่มุมซ้ายของเวที แต่โต๊ะนี้ฉันเพิ่งสังเกตว่ามันอยู่ตรงหน้าเวทีเลย ทำให้ฉันต้องรีบพยุงร่างกายที่เมาหนักยืนขึ้นอย่างโซซัดโซเซ ก่อนจะโค้งตัวก้มขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ขะ...ขอโทษที่รบกวนค่ะ น่าจะมาผิดโต๊ะจริง ๆ” ฉันยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะรีบหันตัวกลับทว่าอาการเมาค้างก็ทำให้ฉันเซจนทรงตัวไม่อยู่ ฉันคิดว่าฉันต้องล้มลงไปกองกับพื้นแน่ ๆ แต่แล้วก็มีมือหนามือหนึ่งรั้งเอวฉันไว้ทำเอาหัวใจฉันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ฉันปรือตาขึ้นมองกะพริบตาถี่ ๆ พยายามมองหน้าคนที่ช่วยฉันไว้ คลับเองก็มืดมากแสงไฟจากเวทีก็วิบวับไปมามองเห็นไม่ชัดนัก แต่ว่านะ...แวบหนึ่งความรู้สึกของคนตรงหน้าทำให้ฉันนึกถึงพี่ชายที่มีพระคุณของฉันจัง
“คุณจะยืนเองได้ไหม” เสียงทุ้มลื่นหูรู้สึกคุ้นแปลก ๆ
“พอไหวค่ะ ขอบคุณมากที่ช่วยรับไว้”
“จะไปเอากระเป๋าที่ไหนละ เดี๋ยวผมไปพาไปส่ง”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพอไหว...อะ” เพราะฉันทำเป็นเก่งจะเดินไปเอากระเป๋าเอง เดินได้เพียงสามก้าวก็แทบจะล้มไปกองกับพื้นอีกแล้ว ดีที่ว่าผู้ชายคนนั้นยังยืนอยู่ไม่ไกลนักรีบคว้าเอวฉันไว้อีกครั้ง
“ผมว่าผมไปส่งคุณเอากระเป๋าก่อนดีกว่า ขืนปล่อยเดินไปเอากระเป๋าคนเดียว ผมว่าคุณไม่ได้กระเป๋าแน่”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ฉันใช้มือข้างหนึ่งกุมหัวตัวเองก่อนจะนวดขมับสักเล็กน้อย ระหว่างนั้นเขาก็พยายามพาฉันเดินไปโต๊ะที่ฉันชี้ทาง ความรู้สึกที่ได้รับคือ อบอุ่นจังทำไมรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้
เมื่อเดินไปถึงโต๊ะที่ฉันนั่งกับเพื่อน ๆ ก่อนหน้า ยังไม่ทันที่ฉันจะอ้าปาก ผู้ชายที่พยุงฉันก็พูดไปก่อนแล้ว
“ขอโทษครับสาว ๆ เห็นกระเป๋าวางที่โต๊ะนี้ไหมครับ พอดีลืมไว้”
“อุ๊ย! หล่อจัง” นั่นคือคำอุทานของสาว ๆ ในโต๊ะที่มานั่งต่อโต๊ะของฉัน เขาหล่อมากขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันพยายามขยับหน้าไปมองหน้าเขามันก็เลือนลางมากอยู่ดี
“ขอบคุณครับ ผมมาถามหากระเป๋าครับ สรุปว่าเห็นรึเปล่า” เสียงเขาทุ้มแต่ก็แฝงความเย็นเยือกราวกับไม่ได้สนใจหญิงสาวเหล่านั้นเลย
“เห็นค่ะ แล้วทางคลับก็เก็บไปแล้ว”
“ขอบคุณมากครับ” เขาหันไปขอบคุณแทนฉัน ก่อนจะกระซิบข้างหูฉันเบาๆ “ได้ยินแล้วใช่ไหม”
“ได้ยินแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อที่คลับเองขอบคุณมากที่ช่วยเหลือค่ะ คุณ...”
“บอสครับ”
“บอส...บอสเหรอคะ!”
“ทำไมเหรอครับ ชื่อผมมันทำไม”
“ปะ...เปล่าค่ะชื่อเหมือนคนรู้จักเฉย ๆ”
“คนรู้จัก...หรือว่าแฟนกันครับ”
“ไม่ใช่แฟนค่ะ แค่คนรู้จักเฉย ๆ ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ
“คนรู้จักงั้นสินะ แล้วคุณชื่อ...”
“พะ…แพรวค่ะ...ครั้งนี้ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอากระเป๋าเองไม่อยากรบกวนคุณบอส ฉันขอตัวค่ะ” ฉันสมมติชื่อของตนขึ้นมาเพราะกลัวว่าหากสภาพนี้ถูกใครถ่ายไว้คงไม่เป็นผลดีกับบริษัทที่ทำงานอยู่นัก
“ผมเดินมาส่งคุณถึงนี่แล้วจะไล่ผมงั้นเหรอครับ”
“คะ?”
“เอาเป็นว่าผมขอไปส่งคุณกลับนะ คุณเมามากแล้วด้วย” เสียงเขาทุ้ม อบอุ่นมาก แล้วมือที่เขารั้งเอวฉันก็กระชับราวกับไม่อยากปล่อยฉันไป มันอาจจะเป็นความต้องการในจิตใต้สำนึกของฉัน ฉันแอบชอบคนชื่อบอสแต่เขาคนนั้นคือคนที่ฉันไม่มีทางที่จะเอื้อมได้ แล้ววันนี้คนที่ช่วยฉันไว้ก็ชื่อบอส น้ำเสียงก็คล้ายมาก ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้นึกถึงวันวาน หากฉันจะปล่อยให้เขาไปส่งคงไม่เป็นไรหรอกมั้งนะ
“จะไม่รบกวนคุณบอสเหรอคะ ฉันเกรงใจค่ะ” ฉันพยายามยืนตัวตรงแต่อาการเมาก็ดูจะทำให้ฉันยืนไม่ไหวจนตัวโอนเอนไปมา
“เฮ้อ...ผมยินดีไปส่งครับ” เสียงถอนหายใจเขาดังขึ้นก่อนจะเข้ามาพยุงฉันตามเดิม “ไปครับไปเอากระเป๋ากัน”
เขาพาฉันไปที่เคาน์เตอร์ของคลับเพื่อตามหากระเป๋าเมื่อได้ได้มันมา เขาก็พาฉันออกจากคลับทันที
“คุณเอารถมาเองหรือให้ผมเรียกรถให้”
“ฉันเอารถมาเองค่ะ แต่สภาพฉันแบบนี้ ต้องทำตามที่เขารณรงค์กันอย่าง เมาไม่ขับ ฉันว่าฉันเรียกแอปได้ค่ะ คุณเอ่อ...”
“บอสครับ”
“อะใช่ คุณบอสกลับก่อนได้เลยค่ะ”
“แต่ที่คลับนี้เขาไม่ให้ทิ้งรถไว้ที่คลับนะครับ หากทิ้งไว้เขาจะยึดเป็นของคลับทันที”
“จะ...จริงเหรอคะ งั้นทำไงดีคะ” ฉันรู้สึกกระวนกระวายใจจนพูดไม่ออก เพราะรถคันนี้เป็นคันที่คุณหญิงพิมลซื้อให้ฉันเป็นของขวัญตอนเรียนจบ ฉันจะเสียมันไปไม่ได้
“เดี๋ยวผมขับให้ครับ” เขาพูดแบบนั้นแล้วฉันก็หยิบกุญแจรถในกระเป๋าให้เขา
ระหว่างทางที่เขาขับ ฉันรู้สึกเวียนหัวหนักมาก หนักหัวจนอยากล้มตัวลงนอน สุดท้ายก็ต้านไม่ไหวหลับไปทั้งอย่างนั้น (Zzz)
(
ดวงตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ เปิดออกมา ฉันใช้แขนทั้งสองข้างหยัดตัวขึ้นนั่งพลางขยี้ตาให้ส่างเล็กน้อย แต่เอ๊ะ! ฉันจำได้ว่าเมื่อครู่ยังอยู่ในรถไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ในห้อง แถมเป็นห้องที่ไม่คุ้นตาอีกต่างหาก
“คุณแพรวตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงนั้นคุ้นหูนัก ฉันหันมองไปยังต้นเสียงแม้จะมืดมากแต่ก็รู้ว่ามีคนนอนบนเตียงเดียวกันกับฉัน
“คุณเป็นใครคะ แล้วที่นี่ที่ไหนกัน”
“ผมบอสไงครับ” ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เคลื่อนมาใกล้ฉัน และเมื่อได้เห็นอย่างชัดแจ่มแจ้ง ก็ยิ่งทำให้ฉันตกใจเพราะใบหน้าตรงหน้าคือใบหน้าของ พี่ชายที่ฉันแอบชอบ หรือว่าฉันอยู่ในฝันกันนะ
“คุณบอส” ฉันเลื่อนสายตามองพบว่าเขาเปลือยอกอยู่ตรงหน้า พอหันกลับมาดูตัวเองด้วยแล้วนั้นก็ยิ่งใจหวิวเพราะตัวฉันก็ไม่มีเสื้อผ้าอยู่เหมือนกัน มันยิ่งตอกย้ำว่าฉันกำลังฝันไปแน่นอน เพราะ พี่บอสไม่มีทางทำแบบนี้กับฉันแน่ ๆ เขาไม่เคยมองฉันในฐานะผู้หญิงเลย เขามองฉันเป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น แต่ถ้านี่เป็นความฝันการที่ฉันคว้ามันสนองตัวเองจะผิดบาปกับพี่ที่แสนดีไหมนะ
“ครับผมเอง คุณโกรธผมรึเปล่าที่ผมพาคุณมาที่ห้อง” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยให้ฉันได้ยิน ยิ่งทำให้ใจฉันล่องลอย ใช่ฉันเมาอยู่ และตอนนี้ก็กำลังฝันอยู่ด้วยเช่นกัน
ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดตอบกลับไป
“ไม่โกรธหรอกค่ะ เป็นแพรวเองที่ทำให้คุณบอสเสียเวลา”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงครับ” มือแกร่งรวบเอวฉันดึงเข้าหาร่างเปลือยของเขา ผิวสัมผัสของเนื้อชนเนื้อทำให้ฉันรู้สึกวาบหวามขนลุกชูชันไปหมด
“ฉัน...” ฉันเม้มปากแน่นอยากจะเอ่ยถามเขามากมายว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง มีแฟนหรือยัง เขากลับมาจากต่างประเทศเมื่อไหร่กัน เพราะปกติแล้วกำหนดการต่าง ๆ คุณหญิงพิมลจะต้องแจ้งให้ฉันทราบก่อน แต่ก็แค่คิดเพราะตอนนี้ฉันคือแพรว
“คืนนี้อยู่ด้วยกันนะครับ” เสียงละมุนแผ่วรดรินข้างหู ทำให้ฉันสติกระเจิงหมด และหันไปมองใบหน้าคมที่อยากเห็นมานาน ทำเอาใจสั่นก่อนจะพยักหน้าตอบรับด้วยความเต็มใจ