รถเมล์

1001 Words
พบรัก... เนื่องจากเมื่อเช้าฉันไม่ได้ขับรถมาเรียนเพราะไอ้เพื่อนตัวดีสองคนนั้นไปรับถึงหน้าคอนโด และเย็นวันนี้ฉันก็ต้องห้อยรถเมล์หรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับคอนโดเพื่อกลับไปเตรียมตัวสำหรับคืนนี้ที่นัดกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆไว้ ปกติฉันก็ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละแต่ไม่เยอะ เพราะฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เวลาออกงานกับพ่อฉันก็ต้องมีบ้างที่สำคัญฉันเป็นถึงเจ้าของผับดังในย่านนี้มันก็ต้องเทสเครื่องดื่มเองด้วยถูกมั้ย " แท็กซี่หรือรถเมล์เวลานี้ก็น่าจะถึงช้าพอกันแหละว้า " ฉันบ่นกับตัวเองเมื่อมีอาการลังเลว่ากลับยังไงดี ถึงฉันจะไม่ได้เดือดร้อนหรือมีปัญหาเรื่องเงินแต่การประหยัดก็เป็นเรื่องจำเป็นเพราะฉะนั้นฉันจึงเลือกนั่งรถเมล์ ที่สำคัญเวลารถติดแบบนี้คนขับแท็กซี่ชอบบ่นๆแล้วก็สบถไปด้วยระหว่างขับทำให้ฉันไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ก็รู้ว่าหงุดหงิดรถติดนะแต่ไม่ต้องแสดงออกเยอะก็ได้โดยเฉพาะเวลาที่มีผู้โดยสารอยู่ในรถ รถเมล์ในกรุงเทพก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพอเราก้าวขึ้นเสร็จก็ต้องรีบมองหาที่นั่งไม่ก็ต้องมองหาที่ว่างสำหรับจับยึดให้แน่นไม่งั้นจะได้ลงไปนอนกองที่พื้นแน่ๆ และในช่วงเวลาเย็นๆแบบนี้เชื่อเถอะว่านอกจากจะไม่มีที่นั่งแล้วที่ยืนฉันก็แทบจะไม่มีด้วยที่สำคัญฉันต้องยืนเบียดกับผู้โดยสารบนรถนับสิบที่ไม่มีที่นั่ง บรื้น!! " ว๊าย!! " หมับ!! " ระวังหน่อยสิยัยคุณหนู " เสียงทุ้มคุ้นหูที่ช่วยประคองฉันไม่ให้เซไปชนคนข้างหน้าเมื่อรถเมล์ออกตัวทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองคนที่ยืนซ้อนฉันอยู่ด้านหลัง เบียร์!! " นายมาทำอะไรที่นี่ " ฉันหันหน้าไปถามเขา " ก็มาขึ้นรถนะสิถามแปลก " กวน!! บรื้น!! " อ๊ะ " ในขณะที่ฉันจะเซไปชนคนข้างหลังอีกรอบคนตัวสูงตรงหน้าก็รั้งเอวฉันเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งจนหน้าฉันแทบจะแนบกับแผ่นอกของเขา ฉันได้แต่ยืนแข็งทื่อทำตัวไม่ถูก ปล่อยให้ลมหายใจร้อนๆของคนตรงหน้าเป่ารดหัวฉันอยู่ " อยากออกไปยืนที่อื่นก็ได้นะ แต่อย่าล้มจนจูบเข้ากับใครซะล่ะ " คนตรงหน้าโน้มลงมากระซิบข้างหูฉัน " ถ้ายืนตรงนี้ฉันก็ไม่มีที่ให้จับนี่ " ฉันกระซิบกระซาบบอก " ถ้าไม่จับเอวฉันเธอจะจับแขนฉันก็ได้ " เสียงทุ้มโน้มลงมาพูดข้างหูฉันอีก " แต่ถึงเธอไม่จับฉันก็ไม่ปล่อยให้เธอล้มหรอก ถ้าเธอยืนอยู่ตรงนี้ " คราวนี้คนตรงหน้าโน้มใบหน้าเนียนมาพูดกับฉันใกล้จนปลายจมูกเราชิดกัน ฉันจะผละหนีก็ไม่ได้เมื่อคนข้างหลังก็ตัวจะแนบชิดกับฉันอยู่แล้ว " งั้นฉันจับแขนนายตรงนี้ได้มั้ยล่ะ " ฉันเงยหน้าไปถามพลางเกาะแขนข้างที่เขายึดกับราวรถเมล์เอาไว้ " อยากจับตรงไหนก็จับแต่ถ้าจับผิดที่ฉันเรียกค่าเสียหายเลยนะ " แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก " ใครยังไม่มีตั๋วยื่นมือมาเลยนะคะ ชิดในเลยพี่ชิดใน " เสียงกระเป๋ารถเมลล์เขย่ากระบอกตั๋วดังมาใกล้พร้อมบอกให้คนด้านในขยับขยายพื้นที่ให้ผู้โดยสารคนใหม่ได้เข้าไปยืน ทำให้เราสองคนต้องผละออกจากกันและยืนเงียบๆ " นายจ่ายค่ารถหรือยัง " ฉันถามคนตรงหน้า " ยัง มีเหรียญป่ะจ่ายให้ด้วย " คนตรงหน้าบอก ไม่หน้าถามเลยแฮะ " สองคนเท่าไหร่คะ " เมื่อกระเป๋ารถเมล์เดินมาใกล้ๆฉันจึงถามขึ้น " สิบแปดบาทน้อง " หืมมันต้องสิบหกบาทไม่ใช่หรือไง แปดบาทตลอดสายอะรถร่วม ขสมก. ธรรมดาไม่ใช่รถแอร์ " นี่เบียร์ เดี๋ยวนี้ค่ารถเมล์ขึ้นแล้วหรอ " ฉันกระซิบถามเมื่อกระเป๋ารถเมล์เดินผ่านเราสองคนไป " เขาขึ้นเป็นเก้าบาทตั้งนานแล้วแม่นาง " คนตรงหน้าตอบ ฉันไม่เห็นรู้เลยแฮะสงสัยไม่ได้นั่งนานมาก ล่าสุดที่นั่งฉันยังจำได้เลยว่าแปดบาทตลอดสายถ้าเป็นรถร่วมธรรมดา ส่วนรถแอร์ก็จะเป็นอีกราคา แต่ถ้ารถของ ขสมก.ก็จะหกบาทห้าสิบสตางค์ " นายจะขยับมาใกล้ฉันเกินไปแล้วนะ " ฉันว่าเมื่อตอนนี้เราเริ่มชิดกันกว่าก่อนหน้านี้ " ก็ลุงข้างหลังเขาเบียดมานิ " คนตรงหน้ากระซิบบอก " แล้วทำไมนายต้องกอดฉันแน่นขนาดนี้ด้วย " " ก็ตอนนี้กอบโกยได้ก็กอบโกยไปก่อน เดี๋ยวลงรถแล้วก็จะกอดไม่ได้ไง " คนตรงหน้าเลิกคิ้วใส่ฉันกวนๆ " ฉันเกลียดนาย " ฉันกดเสียงต่ำใส่คนตรงหน้า " แต่ฉันรักเธอ แล้วก็รักมากๆด้วย " ไม่พูดเปล่าแต่โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆพลางฉีกยิ้มจนเห็นฟันใส่ฉัน เกลียดขี้หน้าอะ!! . . . " นายกดกริ่งให้ฉันหน่อยสิ ป้ายหน้าฉันจะลงแล้ว " ฉันบอกคนตรงหน้าเมื่อกริ่งที่จะกดมันอยู่บนหัวเขาแล้วฉันก็เอื้อมไปกดไม่ได้ด้วย " รู้แล้วฉันก็จะลงเหมือนกัน " " แล้วนายจะลงทำไมตรงนั้นมันป้ายคอนโดฉันนะ " " ฉันก็จะไปหาไอ้ไวน์ไง หรือเธอมีปัญหาอะไร " " แน่ใจว่าไม่ได้ตามฉันมา " " ตามได้ไงก็เห็นๆอยู่ว่าฉันขึ้นรถคันนี้ก่อนเธอ " " หึ้ย!! "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD