พบรัก...
เนื่องจากเมื่อเช้าฉันไม่ได้ขับรถมาเรียนเพราะไอ้เพื่อนตัวดีสองคนนั้นไปรับถึงหน้าคอนโด และเย็นวันนี้ฉันก็ต้องห้อยรถเมล์หรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับคอนโดเพื่อกลับไปเตรียมตัวสำหรับคืนนี้ที่นัดกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆไว้
ปกติฉันก็ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละแต่ไม่เยอะ เพราะฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เวลาออกงานกับพ่อฉันก็ต้องมีบ้างที่สำคัญฉันเป็นถึงเจ้าของผับดังในย่านนี้มันก็ต้องเทสเครื่องดื่มเองด้วยถูกมั้ย
" แท็กซี่หรือรถเมล์เวลานี้ก็น่าจะถึงช้าพอกันแหละว้า "
ฉันบ่นกับตัวเองเมื่อมีอาการลังเลว่ากลับยังไงดี ถึงฉันจะไม่ได้เดือดร้อนหรือมีปัญหาเรื่องเงินแต่การประหยัดก็เป็นเรื่องจำเป็นเพราะฉะนั้นฉันจึงเลือกนั่งรถเมล์ ที่สำคัญเวลารถติดแบบนี้คนขับแท็กซี่ชอบบ่นๆแล้วก็สบถไปด้วยระหว่างขับทำให้ฉันไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ก็รู้ว่าหงุดหงิดรถติดนะแต่ไม่ต้องแสดงออกเยอะก็ได้โดยเฉพาะเวลาที่มีผู้โดยสารอยู่ในรถ
รถเมล์ในกรุงเทพก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพอเราก้าวขึ้นเสร็จก็ต้องรีบมองหาที่นั่งไม่ก็ต้องมองหาที่ว่างสำหรับจับยึดให้แน่นไม่งั้นจะได้ลงไปนอนกองที่พื้นแน่ๆ และในช่วงเวลาเย็นๆแบบนี้เชื่อเถอะว่านอกจากจะไม่มีที่นั่งแล้วที่ยืนฉันก็แทบจะไม่มีด้วยที่สำคัญฉันต้องยืนเบียดกับผู้โดยสารบนรถนับสิบที่ไม่มีที่นั่ง
บรื้น!!
" ว๊าย!! "
หมับ!!
" ระวังหน่อยสิยัยคุณหนู "
เสียงทุ้มคุ้นหูที่ช่วยประคองฉันไม่ให้เซไปชนคนข้างหน้าเมื่อรถเมล์ออกตัวทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองคนที่ยืนซ้อนฉันอยู่ด้านหลัง
เบียร์!!
" นายมาทำอะไรที่นี่ "
ฉันหันหน้าไปถามเขา
" ก็มาขึ้นรถนะสิถามแปลก "
กวน!!
บรื้น!!
" อ๊ะ "
ในขณะที่ฉันจะเซไปชนคนข้างหลังอีกรอบคนตัวสูงตรงหน้าก็รั้งเอวฉันเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งจนหน้าฉันแทบจะแนบกับแผ่นอกของเขา ฉันได้แต่ยืนแข็งทื่อทำตัวไม่ถูก ปล่อยให้ลมหายใจร้อนๆของคนตรงหน้าเป่ารดหัวฉันอยู่
" อยากออกไปยืนที่อื่นก็ได้นะ แต่อย่าล้มจนจูบเข้ากับใครซะล่ะ "
คนตรงหน้าโน้มลงมากระซิบข้างหูฉัน
" ถ้ายืนตรงนี้ฉันก็ไม่มีที่ให้จับนี่ "
ฉันกระซิบกระซาบบอก
" ถ้าไม่จับเอวฉันเธอจะจับแขนฉันก็ได้ "
เสียงทุ้มโน้มลงมาพูดข้างหูฉันอีก
" แต่ถึงเธอไม่จับฉันก็ไม่ปล่อยให้เธอล้มหรอก ถ้าเธอยืนอยู่ตรงนี้ "
คราวนี้คนตรงหน้าโน้มใบหน้าเนียนมาพูดกับฉันใกล้จนปลายจมูกเราชิดกัน ฉันจะผละหนีก็ไม่ได้เมื่อคนข้างหลังก็ตัวจะแนบชิดกับฉันอยู่แล้ว
" งั้นฉันจับแขนนายตรงนี้ได้มั้ยล่ะ "
ฉันเงยหน้าไปถามพลางเกาะแขนข้างที่เขายึดกับราวรถเมล์เอาไว้
" อยากจับตรงไหนก็จับแต่ถ้าจับผิดที่ฉันเรียกค่าเสียหายเลยนะ "
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
" ใครยังไม่มีตั๋วยื่นมือมาเลยนะคะ ชิดในเลยพี่ชิดใน "
เสียงกระเป๋ารถเมลล์เขย่ากระบอกตั๋วดังมาใกล้พร้อมบอกให้คนด้านในขยับขยายพื้นที่ให้ผู้โดยสารคนใหม่ได้เข้าไปยืน ทำให้เราสองคนต้องผละออกจากกันและยืนเงียบๆ
" นายจ่ายค่ารถหรือยัง "
ฉันถามคนตรงหน้า
" ยัง มีเหรียญป่ะจ่ายให้ด้วย "
คนตรงหน้าบอก ไม่หน้าถามเลยแฮะ
" สองคนเท่าไหร่คะ "
เมื่อกระเป๋ารถเมล์เดินมาใกล้ๆฉันจึงถามขึ้น
" สิบแปดบาทน้อง "
หืมมันต้องสิบหกบาทไม่ใช่หรือไง แปดบาทตลอดสายอะรถร่วม ขสมก. ธรรมดาไม่ใช่รถแอร์
" นี่เบียร์ เดี๋ยวนี้ค่ารถเมล์ขึ้นแล้วหรอ "
ฉันกระซิบถามเมื่อกระเป๋ารถเมล์เดินผ่านเราสองคนไป
" เขาขึ้นเป็นเก้าบาทตั้งนานแล้วแม่นาง "
คนตรงหน้าตอบ ฉันไม่เห็นรู้เลยแฮะสงสัยไม่ได้นั่งนานมาก ล่าสุดที่นั่งฉันยังจำได้เลยว่าแปดบาทตลอดสายถ้าเป็นรถร่วมธรรมดา ส่วนรถแอร์ก็จะเป็นอีกราคา แต่ถ้ารถของ ขสมก.ก็จะหกบาทห้าสิบสตางค์
" นายจะขยับมาใกล้ฉันเกินไปแล้วนะ "
ฉันว่าเมื่อตอนนี้เราเริ่มชิดกันกว่าก่อนหน้านี้
" ก็ลุงข้างหลังเขาเบียดมานิ "
คนตรงหน้ากระซิบบอก
" แล้วทำไมนายต้องกอดฉันแน่นขนาดนี้ด้วย "
" ก็ตอนนี้กอบโกยได้ก็กอบโกยไปก่อน เดี๋ยวลงรถแล้วก็จะกอดไม่ได้ไง "
คนตรงหน้าเลิกคิ้วใส่ฉันกวนๆ
" ฉันเกลียดนาย "
ฉันกดเสียงต่ำใส่คนตรงหน้า
" แต่ฉันรักเธอ แล้วก็รักมากๆด้วย "
ไม่พูดเปล่าแต่โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆพลางฉีกยิ้มจนเห็นฟันใส่ฉัน เกลียดขี้หน้าอะ!!
.
.
.
" นายกดกริ่งให้ฉันหน่อยสิ ป้ายหน้าฉันจะลงแล้ว "
ฉันบอกคนตรงหน้าเมื่อกริ่งที่จะกดมันอยู่บนหัวเขาแล้วฉันก็เอื้อมไปกดไม่ได้ด้วย
" รู้แล้วฉันก็จะลงเหมือนกัน "
" แล้วนายจะลงทำไมตรงนั้นมันป้ายคอนโดฉันนะ "
" ฉันก็จะไปหาไอ้ไวน์ไง หรือเธอมีปัญหาอะไร "
" แน่ใจว่าไม่ได้ตามฉันมา "
" ตามได้ไงก็เห็นๆอยู่ว่าฉันขึ้นรถคันนี้ก่อนเธอ "
" หึ้ย!! "