ผมเหลียวมองไปรอบๆ ห้องสีขาวด้วยท่าทีตื่นตระหนก พลางก้มมองบัตรคิวในมือที่มีเลข 69 เด่นชัด
"หนู มานั่งคอยก่อนสิ ป้าเห็นยืนนานแล้ว คงเมื่อยแย่" หญิงสาวที่นั่งคอยอยู่บนเก้าอี้พลาสติกชวนให้เข้าไปนั่ง แต่ถึงผมจะเมื่อยแค่ไหนก็คงทำใจนั่งไม่ได้เพราะสิ่งที่มันค้างคาอยู่ข้างในนี่แหละคือปัญหา
"ไม่เป็นไรครับป้า ผมยืนดีกว่า" ผมฝืนยิ้มตอบเสียงอ่อนทั้งที่ใบหน้าซีดเผือดอย่างกับไก่ต้ม
"คิวต่อไปหมายเลข 69 ค่ะ"
พยาบาลสาวหน้าห้องเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจืดชืดเย็นชาราวกับเครื่องจักร ก่อนจะก้มลงไปไถจอสี่เหลี่ยมเล่นต่อโดยไม่สนใจถึงความทุกข์ร้อนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของผม
"เป็นอะไรมาคะ" เธอเอ่ยเรียบโดยไม่เงยหน้ามามองผมด้วยซ้ำ
"คือ..ว่า....เออ..ผมเจ็บท้อง" ผมเอ่ยตะกุกตะกักเพราะไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไงก่อนดี
"เจ็บท้อง?"
"ใช่ครับ...เอ่อ จะว่าไปคือจุกอยู่ในลำไส้ใหญ่"
"หือ....ยังไงต่อคะ" เธอเลิกคิ้วเรียวๆ เล็กน้อยพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างฉงน
"คือ...มีบางอย่างมันคาอยู่......เอ่อ....ข้างใน" ผมจงใจตอบเลี่ยงๆ เนื่องจากไม่อยากบอกความจริงที่เกิดขึ้นแต่มันกลับทำให้พยาบาลสาวยิ่งสนใจผมมากขึ้นไปอีก
"คาข้างใน.....หมายถึงในลำไส้ใหญ่หรือคะ"
"ชะ.....ใช่ครับ" ผมตอบเสียงเบาราวกระซิบพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีใครได้ยินบทสนทนาของเราหรือเปล่า ปรากฏว่าคนไข้ที่มีอยู่น้อยนิดกลับก้มมองแต่หน้าจอสี่เหลี่ยมซึ่งถือว่าเป็นอวัยวะที่สามสิบสามของมนุษย์ไปเสียแล้ว
"แล้วพอจะทราบไหมคะว่าอะไรที่คาอยู่"
"คือว่า....ผมบอกไม่ได้ครับ ไว้ผมขอบอกกับหมอเองแล้วกัน"
"แต่ว่าคนไข้คะ..."
"ไม่มีแต่....ถ้าคุณไม่รีบให้ผมเข้าไปพบหมอเดี๋ยวนี้ แล้วผมตายขึ้นมาล่ะก็ ขึ้นจะรับผิดชอบไหม"
ผมขึ้นเสียงด้วยความเกี้ยวกราดเนื่องจากทนในความสู่รู้ของเธอไม่ไหว ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องสแกนคนไข้ก่อนเข้าไปพบหมอ แต่ครั้งนี้ผมพูดไม่ได้จริงๆ ว่าอะไรที่คาอยู่ข้างในตัวและเหตุใดจึงเข้าไปในนั้นได้ ไว้ผมจะเล่าให้หมอฟังเท่านั้น
"ค่ะๆ ตามใจ เชิญเข้าไปพบหมอเลยค่ะ"
พยาบาลรีบยืนขึ้นแล้วชี้มือไปทางประตูห้องในสุดซึ่งถูกปิดไว้สนิท สีหน้าของเธอดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ถูกผมขึ้นเสียงใส่ แต่ก็จำใจทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่แล้วเขี่ยมือถือเล่นต่อไป
ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตูสีน้ำตาลอ่อน มีชื่อหมอติดอยู่ว่า หมอตั้ม นั่นคงจะเป็นชื่อเล่นของเขา อย่างน้อยก็ดีที่หมอเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมคงจะไม่ต้องอายไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าหมอกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ เขาแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอ่อนอย่างที่หมอชอบใส่พร้อมหูฟังจังหวะการเต้นของหัวใจแหวนไว้ตรงคอ
ผมแอบมองหน้าหมอครู่หนึ่งเพราะเขาหล่อมาก....เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่สามารถบดบังร่างกายแน่นๆ กล้ามเนื้อนูนๆ ของหมอตั้มลงไปได้เลย แถมกล้ามแขนก็ขึ้นมัดเสียจนผมลืมความเจ็บป่วยไปชั่วขณะ
"คนไข้เป็นอะไรมาครับ...เอ๊ะ..คนไข้ได้ยินหมอมั้ย"
เสียงหมอปลุกให้ผมตื่นจากอาการเหม่อลอย จึงสะบัดหัวไล่อาการเหม่อลอยแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของหมอแต่ไม่กล้านั่งลง
"หมอครับ หมอเก็บความลับเก่งไหม" ผมถามขึ้นพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อกระซิบ
"คนไข้บอกหมอได้ทุกเรื่องเลยนะครับ หมอไม่บอกใครหรอก" หมอตั้มเอ่ยอย่างฉงน ถึงแม้คิ้วหนาๆ ทั้งสองจะขมวดเข้าหากันแต่เขาก็ดูน่าเชื่อถืออยู่นะ
"หมอครับ....งื้ออออ~ เอาขวดน้ำออกจากรูให้ผมหน่อย"
ผมเอ่ยขึ้นพร้อมลากเสียงสะอื้นเบาๆ จากนั้นใบหน้าที่ซีดเผือดก็เริ่มแดงก่ำเพราะความอับอายที่สุดในชีวิต
สีหน้าและแววตาของหมอดูเปลี่ยนไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง ขณะนี้ใบหน้าหล่อเหลาของชายร่างใหญ่หันมามองจับร่างกายบอบบางของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าจากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาเหมือนกำลังพึงพอใจอะไรบางอย่างก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มลึก
"หมอว่า คนไข้ขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนเตียงก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวหมอดูให้ว่าจะช่วยยังไงดี"
"จะ....จริงหรือครับ หมอช่วยได้จริงๆ ใช่ไหมครับ"
"จริงสิครับ แต่คนไข้ต้องให้ความร่วมมือด้วยนะ หมอถึงจะช่วยได้"
"ดะ...ได้เลยครับ หมอบอกให้ผมทำอะไร ผมจะทำตามทุกอย่างไม่ปริปากบ่นสักคำเดียว"
ผมกล่าวอย่างดีใจที่หมอยินดีช่วยเหลือ ไม่นานเล็กๆ ของผมก็ขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนเตียงคนไข้อย่างกับที่ใช้ในคลินิกทันตกรรม
"คนไข้ชื่ออะไรหรือครับ" คุณหมอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"ผมชื่อแฟรงค์ครับ.....คุณหมอชื่อตั้มใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับ...น้องแฟรงค์อายุเท่าไหร่ล่ะ ทำไมดูเด็กจัง" หมอพยายามชวนคุยขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการควานหาเครื่องไม้เครื่องมือในตู้เก็บของ
"20 แล้วครับหมอ แต่ผมเป็นคนตัวเล็ก คนเลยชอบทักว่าทำไมดูเด็ก" ผมตอบอย่างภาคภูมิใจ ถึงแม้จะมีส่วนสูงเพียง 150 กว่าๆ แต่มันก็เป็นข้อดีที่ทำให้ดูเด็กกว่าอายุจริง
"จริงหรอ ตอนแรกหมอนึกว่าเป็นเด็กมอต้นซะอีก....ตัวเล็กๆ ตะมุตะมิ น่ารักดีจัง" หมอหันมาชมผมพร้อมสวมถุงมือยางสีขาวใส่ฝ่ามือหนาๆ ที่มีขนดกดำปกคลุมทั้งสองข้าง
"หมอชมผมเกินไปแล้วครับ งื้อ~ ผมเขินแย้ววว"
"ฮ่าๆๆ หมอขอถอดกางเกงแฟรงค์ลงนะครับ..ฮึบ พร้อมมั้ย"
"พะ....พร้อมครับ ถอดเลยครับหมอ" ผมตอบเสียงสั่นๆ ถึงแม้จะอายแค่ไหนแต่ก็ดีกว่าขวดคารูก้นไปตลอดชีวิตแหละวะ ดีนะที่ได้มาเจอหมอหล่อ อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นยาชาชั้นดี
สิ้นเสียงอนุญาตของผม หมอตั้มสุดหล่อก็จัดการเอาฝ่ามืออุ่นๆ มาจับที่ขอบกางเกงของผมแล้วดึงลงไปข้างล่างจนพ้นออกไปจากตัวอย่างง่ายดาย
หมอเพ่งมองที่รูจีบเบื้องหลังของผมอย่างพิจารณาก่อนที่จะเอามือมาลูบวนอยู่ที่ส่วนคอขวดซึ่งเปล่งออกมาจากรูเพียงแค่นิดหน่อยจนสามารถมองเห็นโลโก้ของเครื่องดื่มที่ผมยัดมันเข้าไปในรูได้อย่างชัดเจน
"โหว....นี่มันขวดแป๊ปจี้ ขนาด 1.5 ลิตรนี่นา ใส่เข้าไปหมดได้ยังไงล่ะ" หมออุทานอย่างตกใจ
"ฮึก...ใช่ครับหมอ ผมใส่เข้าไปได้ไงก็ไม่รู้" ผมตอบอย่างอายๆ
"เอางี้ คนไข้ลองเบ่งดูแรงๆ นะครับ เผื่อขวดมันจะพรวดออกมาตามแรงบีบรัดจากลำไส้"
"ได้ครับหมอ เบ่งแรงๆ เลยใช่ไหมครับ"
"อื้ม เบ่งตามจังหวะที่หมอให้นะ เอ้า...หนึ่ง สอง สาม เบ่ง......."
ฮึบ.....ฮึบ.......ฮึบ....
ผมพยายามกัดฟันเบ่งจนหน้าแดงเพื่อให้ขวดขนาดยักษ์หลุดพรวดออกมาจากตัวแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลใดๆ ผมเบ่งจนลมจะออกหูอยู่แล้วแต่ขวดเจ้ากรรมกลับไม่ขยับเลยสักนิด ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูกแล้วว่าเป้นยังไง เฮ้อ...
"ไม่ยอมออกเลย งั้นเอางี้นะ เดี๋ยวหมอจะเอามือช่วยล้วงออกมาให้" หมอเสนอความเห็นทำเอาขนอ่อนในกายของผมลุกชัน
"อึก....อะ...เอามือล้วงรูก้นผมหรือครับ"
"ใช่ แต่หมอต้องฉีดยาชาก่อนนะ เผื่อกรณีที่หูรูดเกิดการฉีกขาด คนไข้จะได้ไม่เจ็บมาก"
"งื้อ~.....ได้ครับหมอ ผมจะอดทนนะครับ"
"หายใจลึกๆ นะครับ หมอจะฉีดยาแล้วนะ"
หมอคว้าเข็มฉีดยาในถาดขึ้นมาฉีดไล่อากาศบางส่วนออกไปก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ วางปลายเข็มแหลมคมเข้าที่ขอบรูก้นของผมแล้วฉีดทีละจุดๆ จนรอบรูที่กำลังบวเป่งแทบจะขาดสะบั้นให้รู้แล้วรู้รอด
"เป็นไงบ้างครับ รู้สึกชาไหม"
หมอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จนผมต้องเหลียวหน้าที่กำลังคว่ำอยู่กับเตียงไปแอบมองจึงสังเกตเห็นว่าสายตาของหมอจับจ้องอยู่ที่รูสวาทไม่วางตา แถมเป้าอูมๆ ภายใต้กางเกงผ้านิ่มสีฟ้าอ่อนก็ค่อยๆ ดันออกมาเรื่อยๆ จนตุงเป็นก้อนกลม เห็นแล้วอยากเอาหน้าเข้าไปซุกซะให้เข็ด
"ชะ....ชาแล้วครับหมอ ไม่รู้สึกอะไรเลย"
"ดี แสดงว่าพร้อมโดนหมอทะลวงแล้วใช่ไหม"
"พร้อมครับ เชิญทะลุทะลวงรูผมได้เต็มที่เลย อื๊อ~"
ผมตอบเสียงกระเส่าจนหมอเผลอยิ้มออกมาที่มุมปาก จากนั้นฝ่ามือข้างที่ถนัดของเขาก็ค่อยๆ บีบขวดเจลหล่อลื่นสีใสใส่ฝ่ามือจนเต็มที่ บางส่วนของเจลไหลย้อยลงไปจากขอบฝ่ามือหนาๆ ที่มีถุงมือยางสีขาวบริสุทธิ์สวมใส่ทับอยู่
หมอตั้มยื่นฝ่ามือที่เคลือบไปด้วยเจลหล่อลื่นมาถูวนๆ อยู่ตรงรูสีหวานของผม จากนั้นก็ยัดนิ้วชี้เพื่อนำร่องเข้ามาจนผมรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตกใจ
"แฟรงค์เจ็บหรอครับ อ๊าส์" หมอถามขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่ยังคงคานิ้วอุ่นๆ ไว้อยู่ภายใน
"มะ....ไม่ครับ ผมแค่ตกใจเฉยๆ ทำต่อไปเถอะครับ ผมโอเคมาก" ผมรีบตอบเพราะไม่อยากให้หมอหยุดมือ จากนั้นก็ค่อยๆ กัดริมฝีปากตนเองเพื่อปิดกั้นเสียงครางกระเส่าไม่ให้หลุดออกไปจากลำคอ
"งั้นหมอขอยัดอีกสองนิ้วนะครับ ไหวเนอะ"
"หวะ.....ไหว...แหละ"
"ถ้าไม่ไหวให้พูดว่า ชีส~ นะครับ อู๊ย" หมอเอ่ยเหมือนกระซิบพลางยัดอีกสองนิ้วเข้ามาในรูซึ่งแน่นไปด้วยขวดน้ำและนิ้วอวบๆ ของฝ่ายตรงข้าม
"ผมจะไม่พูดคำนั้นเด็ดขาด...เว้นแต่หมอจะสั่ง อ๊าาาาา~" ผมตอบเนื่องจากความเสียวกระสันเพราะนิ้วร้อนๆ ทั้งสามควานลึกไปมาอยู่ในร่างกาย ถึงแม้จะฉีดยาชาไปแล้วแต่ไม่สามารถกลบความเสียวที่เกิดขึ้นได้เลย
แจ๊ะ.....ๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงเฉอะแฉะจากเจลหล่อลื่นที่เข้าไปปะปนกันในโพลงสีสวยของผมดังขึ้นตามจังหวะการกระดกนิ้วทั้งสามจนเกิดเป็นฟองฟอดเคลือบอยู่ที่ของช่องทางรัก
"ใกล้ออกแล้วนะ.....ทนอีกนิด" หมอบอกด้วยน้ำเสียงเร้าอารมณ์พลางวาดลวดลายการดีดนิ้วในรูผมอย่างร้อนเร่าจนเผลอแอ่นสะโพกเข้าหามือของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ
"ผมก็ใกล้แล้วครับหมอ....ใกล้จะเสร็จแล้ว"
"เบ่งไปด้วยสิครับ หัวขวดโผล่ออกมาแล้ว!!!"
"อ๊ากกกกก ฮึบ....จะ...แตก...แล้ว"
ผมแหกปากร้องครางสุดเสียงก่อนที่ก้อนอึดอัดจะหลุดพรวดออกมาจากรูจีบที่บวมฉึง พร้อมๆ กับน้ำหวานสีขาวขุ่นจากหัวหยักของผมที่ฉีดพ่นออกมาจนเปื้อนเต็มเตียงและหน้าท้องของตัวเอง
"ออกจนได้นะ เล่นเอาหมอเหนื่อยเลย แฮ่ก...ๆๆ" เสียงหอบหายใจของหมอดังขึ้นผสานไปกับเสียงเร่าร้อนจากใบหน้าหล่อเหลา
"แฮ่กๆๆ ขะ...ขอบคุณนะครับหมอ"
"แฟรงค์บอกหมอทีสิว่าเอาขวดไปยัดรูก้นตัวเองทำไมล่ะ" หมอเอ่ยถามพร้อมถือขวดน้ำขนาดใหญ่เท่าท่อนแขนขึ้นมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพลางมองรูที่บานโบ๋เพราะขวดไซส์ยักษ์อันนั้นสลับกันไปมาอย่างสงสัย
"คือ...ว่า...แฟนผมเขา.......เขาไม่ยอมมีอะไรกับผมครับ ผม~ก็เลย....." ผมตอบอย่างอายๆ โดยที่ไม่กล้าหันไปมองหน้าหมอตั้ม
"ทำไมล่ะ แฟรงค์น่ารักจะตาย ถ้าหมอเป็นแฟนแฟรงค์นะ หมอจะเอาทุกวัน 3 เวลาหลังอาหารไปเลย"
"งื้อ....ขอบคุณนะครับหมอ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย โล่งเลยครับ" ผมเอ่ยพร้อมทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อที่จะใส่กางเกงแล้วกลับบ้านแต่เสียงกำชับของหมอก็ดังขึ้นจนผมต้องหยุดความคิดนั้นลง
"อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนคว่ำหน้าไปก่อน"
"อ่าว ยังไม่เสร็จหรือครับหมอตั้ม" ผมถามอย่างสงสัยพร้อมนอนคว่ำหน้าลงไปบนเตียงคนไข้ที่เฉอะแฉะไปด้วยน้ำกามของผมเอง
"ใช่ครับ หมอยังไม่เสร็จ......เดี๋ยวหมอขอตรวจภายในดูอีกรอบก่อนว่ามีอะไรค้างอยู่หรือเปล่า"
"ดะ....ได้ครับหมอ"
หมอตั้มสุดหล่อค่อยๆ เอาฝ่ามือหนาๆ เข้ามาบีบคลึงที่แก้มบั้นท้ายของผมเล่นอย่างชื่นชอบ จากนั้นนิ้วทั้งสามซึ่งผมเดาไม่ออกว่านิ้วใดบ้างก็ยัดพรวดเข้ามาในรูจีบอย่างเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
"หมอครับ ยัดนิ้วเข้ามาในรูผมทำไมครับ"
"หมอต้องลองควานหาดูว่ามีอะไรตกค้างไหม อ๊าส์ อย่าขมิบสิ"
"หมะ...หมอใส่แหวนด้วยหรือครับ ผมเย็นรูนะ"
"นั่นนาฬิกาต่างหากล่ะ ฮึๆๆ"
หมอตอบด้วยเสียงเรียบๆ พลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แต่แล้วผมก็เข้าใจจนแจ่มแจ้งว่าไอที่ยัดพรวดเข้ามาเมื่อกี้ไม่ใช้นิ้วแต่เป็นฝ่ามือทั้งอันต่างหาก
"โอ๊ยยยย~ หมอครับ...ทำไมหมอควานเข้ามาลึกจังเลยล่ะ จะสุดแขนแล้วมั้งเนี่ย"
"ก็หมออยากเช็กดูให้แน่ใจนี่ครับว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมอื่นหลงเหลืออยู่"
"อ๋อ โอเคครับ งั้นตามสบายเลยครับหมอ"
หมอตั้มล้วงมือรูดเข้ารูดออกในรูผมไม่หยุด สักพักเสียงหอบครางของหมอก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยเสียงเอ่ยขึ้นแทบไม่เป็นจังหวะ
"หมอขอลองใช้อย่างอื่นทะลวงเข้าไปควานหาบ้างนะครับ"
"อะไรหรือครับหมอ"
"เครื่องมือประจำตัวของหมอเองครับ เป็นแท่งยาวๆ บางทีก็นิ่ม บางทีก็แข็งแล้วแต่สถานการณ์"