ตอนที่ 1 คุณหมอเข็มใหญ่

2473 Words
ผมเหลียวมองไปรอบๆ ห้องสีขาวด้วยท่าทีตื่นตระหนก พลางก้มมองบัตรคิวในมือที่มีเลข 69 เด่นชัด "หนู มานั่งคอยก่อนสิ ป้าเห็นยืนนานแล้ว คงเมื่อยแย่" หญิงสาวที่นั่งคอยอยู่บนเก้าอี้พลาสติกชวนให้เข้าไปนั่ง แต่ถึงผมจะเมื่อยแค่ไหนก็คงทำใจนั่งไม่ได้เพราะสิ่งที่มันค้างคาอยู่ข้างในนี่แหละคือปัญหา "ไม่เป็นไรครับป้า ผมยืนดีกว่า" ผมฝืนยิ้มตอบเสียงอ่อนทั้งที่ใบหน้าซีดเผือดอย่างกับไก่ต้ม "คิวต่อไปหมายเลข 69 ค่ะ" พยาบาลสาวหน้าห้องเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจืดชืดเย็นชาราวกับเครื่องจักร ก่อนจะก้มลงไปไถจอสี่เหลี่ยมเล่นต่อโดยไม่สนใจถึงความทุกข์ร้อนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของผม "เป็นอะไรมาคะ" เธอเอ่ยเรียบโดยไม่เงยหน้ามามองผมด้วยซ้ำ "คือ..ว่า....เออ..ผมเจ็บท้อง" ผมเอ่ยตะกุกตะกักเพราะไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไงก่อนดี "เจ็บท้อง?" "ใช่ครับ...เอ่อ จะว่าไปคือจุกอยู่ในลำไส้ใหญ่" "หือ....ยังไงต่อคะ" เธอเลิกคิ้วเรียวๆ เล็กน้อยพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างฉงน "คือ...มีบางอย่างมันคาอยู่......เอ่อ....ข้างใน" ผมจงใจตอบเลี่ยงๆ เนื่องจากไม่อยากบอกความจริงที่เกิดขึ้นแต่มันกลับทำให้พยาบาลสาวยิ่งสนใจผมมากขึ้นไปอีก "คาข้างใน.....หมายถึงในลำไส้ใหญ่หรือคะ" "ชะ.....ใช่ครับ" ผมตอบเสียงเบาราวกระซิบพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีใครได้ยินบทสนทนาของเราหรือเปล่า ปรากฏว่าคนไข้ที่มีอยู่น้อยนิดกลับก้มมองแต่หน้าจอสี่เหลี่ยมซึ่งถือว่าเป็นอวัยวะที่สามสิบสามของมนุษย์ไปเสียแล้ว "แล้วพอจะทราบไหมคะว่าอะไรที่คาอยู่" "คือว่า....ผมบอกไม่ได้ครับ ไว้ผมขอบอกกับหมอเองแล้วกัน" "แต่ว่าคนไข้คะ..." "ไม่มีแต่....ถ้าคุณไม่รีบให้ผมเข้าไปพบหมอเดี๋ยวนี้ แล้วผมตายขึ้นมาล่ะก็ ขึ้นจะรับผิดชอบไหม" ผมขึ้นเสียงด้วยความเกี้ยวกราดเนื่องจากทนในความสู่รู้ของเธอไม่ไหว ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องสแกนคนไข้ก่อนเข้าไปพบหมอ แต่ครั้งนี้ผมพูดไม่ได้จริงๆ ว่าอะไรที่คาอยู่ข้างในตัวและเหตุใดจึงเข้าไปในนั้นได้ ไว้ผมจะเล่าให้หมอฟังเท่านั้น "ค่ะๆ ตามใจ เชิญเข้าไปพบหมอเลยค่ะ" พยาบาลรีบยืนขึ้นแล้วชี้มือไปทางประตูห้องในสุดซึ่งถูกปิดไว้สนิท สีหน้าของเธอดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ถูกผมขึ้นเสียงใส่ แต่ก็จำใจทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่แล้วเขี่ยมือถือเล่นต่อไป ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตูสีน้ำตาลอ่อน มีชื่อหมอติดอยู่ว่า หมอตั้ม นั่นคงจะเป็นชื่อเล่นของเขา อย่างน้อยก็ดีที่หมอเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมคงจะไม่ต้องอายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าหมอกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ เขาแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอ่อนอย่างที่หมอชอบใส่พร้อมหูฟังจังหวะการเต้นของหัวใจแหวนไว้ตรงคอ ผมแอบมองหน้าหมอครู่หนึ่งเพราะเขาหล่อมาก....เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่สามารถบดบังร่างกายแน่นๆ กล้ามเนื้อนูนๆ ของหมอตั้มลงไปได้เลย แถมกล้ามแขนก็ขึ้นมัดเสียจนผมลืมความเจ็บป่วยไปชั่วขณะ "คนไข้เป็นอะไรมาครับ...เอ๊ะ..คนไข้ได้ยินหมอมั้ย" เสียงหมอปลุกให้ผมตื่นจากอาการเหม่อลอย จึงสะบัดหัวไล่อาการเหม่อลอยแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของหมอแต่ไม่กล้านั่งลง "หมอครับ หมอเก็บความลับเก่งไหม" ผมถามขึ้นพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับฝ่ายตรงข้ามเพื่อกระซิบ "คนไข้บอกหมอได้ทุกเรื่องเลยนะครับ หมอไม่บอกใครหรอก" หมอตั้มเอ่ยอย่างฉงน ถึงแม้คิ้วหนาๆ ทั้งสองจะขมวดเข้าหากันแต่เขาก็ดูน่าเชื่อถืออยู่นะ "หมอครับ....งื้ออออ~ เอาขวดน้ำออกจากรูให้ผมหน่อย" ผมเอ่ยขึ้นพร้อมลากเสียงสะอื้นเบาๆ จากนั้นใบหน้าที่ซีดเผือดก็เริ่มแดงก่ำเพราะความอับอายที่สุดในชีวิต สีหน้าและแววตาของหมอดูเปลี่ยนไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง ขณะนี้ใบหน้าหล่อเหลาของชายร่างใหญ่หันมามองจับร่างกายบอบบางของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าจากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาเหมือนกำลังพึงพอใจอะไรบางอย่างก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มลึก "หมอว่า คนไข้ขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนเตียงก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวหมอดูให้ว่าจะช่วยยังไงดี" "จะ....จริงหรือครับ หมอช่วยได้จริงๆ ใช่ไหมครับ" "จริงสิครับ แต่คนไข้ต้องให้ความร่วมมือด้วยนะ หมอถึงจะช่วยได้" "ดะ...ได้เลยครับ หมอบอกให้ผมทำอะไร ผมจะทำตามทุกอย่างไม่ปริปากบ่นสักคำเดียว" ผมกล่าวอย่างดีใจที่หมอยินดีช่วยเหลือ ไม่นานเล็กๆ ของผมก็ขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนเตียงคนไข้อย่างกับที่ใช้ในคลินิกทันตกรรม "คนไข้ชื่ออะไรหรือครับ" คุณหมอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ผมชื่อแฟรงค์ครับ.....คุณหมอชื่อตั้มใช่ไหมครับ" "ใช่ครับ...น้องแฟรงค์อายุเท่าไหร่ล่ะ ทำไมดูเด็กจัง" หมอพยายามชวนคุยขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการควานหาเครื่องไม้เครื่องมือในตู้เก็บของ "20 แล้วครับหมอ แต่ผมเป็นคนตัวเล็ก คนเลยชอบทักว่าทำไมดูเด็ก" ผมตอบอย่างภาคภูมิใจ ถึงแม้จะมีส่วนสูงเพียง 150 กว่าๆ แต่มันก็เป็นข้อดีที่ทำให้ดูเด็กกว่าอายุจริง "จริงหรอ ตอนแรกหมอนึกว่าเป็นเด็กมอต้นซะอีก....ตัวเล็กๆ ตะมุตะมิ น่ารักดีจัง" หมอหันมาชมผมพร้อมสวมถุงมือยางสีขาวใส่ฝ่ามือหนาๆ ที่มีขนดกดำปกคลุมทั้งสองข้าง "หมอชมผมเกินไปแล้วครับ งื้อ~ ผมเขินแย้ววว" "ฮ่าๆๆ หมอขอถอดกางเกงแฟรงค์ลงนะครับ..ฮึบ พร้อมมั้ย" "พะ....พร้อมครับ ถอดเลยครับหมอ" ผมตอบเสียงสั่นๆ ถึงแม้จะอายแค่ไหนแต่ก็ดีกว่าขวดคารูก้นไปตลอดชีวิตแหละวะ ดีนะที่ได้มาเจอหมอหล่อ อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นยาชาชั้นดี สิ้นเสียงอนุญาตของผม หมอตั้มสุดหล่อก็จัดการเอาฝ่ามืออุ่นๆ มาจับที่ขอบกางเกงของผมแล้วดึงลงไปข้างล่างจนพ้นออกไปจากตัวอย่างง่ายดาย หมอเพ่งมองที่รูจีบเบื้องหลังของผมอย่างพิจารณาก่อนที่จะเอามือมาลูบวนอยู่ที่ส่วนคอขวดซึ่งเปล่งออกมาจากรูเพียงแค่นิดหน่อยจนสามารถมองเห็นโลโก้ของเครื่องดื่มที่ผมยัดมันเข้าไปในรูได้อย่างชัดเจน "โหว....นี่มันขวดแป๊ปจี้ ขนาด 1.5 ลิตรนี่นา ใส่เข้าไปหมดได้ยังไงล่ะ" หมออุทานอย่างตกใจ "ฮึก...ใช่ครับหมอ ผมใส่เข้าไปได้ไงก็ไม่รู้" ผมตอบอย่างอายๆ "เอางี้ คนไข้ลองเบ่งดูแรงๆ นะครับ เผื่อขวดมันจะพรวดออกมาตามแรงบีบรัดจากลำไส้" "ได้ครับหมอ เบ่งแรงๆ เลยใช่ไหมครับ" "อื้ม เบ่งตามจังหวะที่หมอให้นะ เอ้า...หนึ่ง สอง สาม เบ่ง......." ฮึบ.....ฮึบ.......ฮึบ.... ผมพยายามกัดฟันเบ่งจนหน้าแดงเพื่อให้ขวดขนาดยักษ์หลุดพรวดออกมาจากตัวแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลใดๆ ผมเบ่งจนลมจะออกหูอยู่แล้วแต่ขวดเจ้ากรรมกลับไม่ขยับเลยสักนิด ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูกแล้วว่าเป้นยังไง เฮ้อ... "ไม่ยอมออกเลย งั้นเอางี้นะ เดี๋ยวหมอจะเอามือช่วยล้วงออกมาให้" หมอเสนอความเห็นทำเอาขนอ่อนในกายของผมลุกชัน "อึก....อะ...เอามือล้วงรูก้นผมหรือครับ" "ใช่ แต่หมอต้องฉีดยาชาก่อนนะ เผื่อกรณีที่หูรูดเกิดการฉีกขาด คนไข้จะได้ไม่เจ็บมาก" "งื้อ~.....ได้ครับหมอ ผมจะอดทนนะครับ" "หายใจลึกๆ นะครับ หมอจะฉีดยาแล้วนะ" หมอคว้าเข็มฉีดยาในถาดขึ้นมาฉีดไล่อากาศบางส่วนออกไปก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ วางปลายเข็มแหลมคมเข้าที่ขอบรูก้นของผมแล้วฉีดทีละจุดๆ จนรอบรูที่กำลังบวเป่งแทบจะขาดสะบั้นให้รู้แล้วรู้รอด "เป็นไงบ้างครับ รู้สึกชาไหม" หมอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จนผมต้องเหลียวหน้าที่กำลังคว่ำอยู่กับเตียงไปแอบมองจึงสังเกตเห็นว่าสายตาของหมอจับจ้องอยู่ที่รูสวาทไม่วางตา แถมเป้าอูมๆ ภายใต้กางเกงผ้านิ่มสีฟ้าอ่อนก็ค่อยๆ ดันออกมาเรื่อยๆ จนตุงเป็นก้อนกลม เห็นแล้วอยากเอาหน้าเข้าไปซุกซะให้เข็ด "ชะ....ชาแล้วครับหมอ ไม่รู้สึกอะไรเลย" "ดี แสดงว่าพร้อมโดนหมอทะลวงแล้วใช่ไหม" "พร้อมครับ เชิญทะลุทะลวงรูผมได้เต็มที่เลย อื๊อ~" ผมตอบเสียงกระเส่าจนหมอเผลอยิ้มออกมาที่มุมปาก จากนั้นฝ่ามือข้างที่ถนัดของเขาก็ค่อยๆ บีบขวดเจลหล่อลื่นสีใสใส่ฝ่ามือจนเต็มที่ บางส่วนของเจลไหลย้อยลงไปจากขอบฝ่ามือหนาๆ ที่มีถุงมือยางสีขาวบริสุทธิ์สวมใส่ทับอยู่ หมอตั้มยื่นฝ่ามือที่เคลือบไปด้วยเจลหล่อลื่นมาถูวนๆ อยู่ตรงรูสีหวานของผม จากนั้นก็ยัดนิ้วชี้เพื่อนำร่องเข้ามาจนผมรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยเพราะตกใจ "แฟรงค์เจ็บหรอครับ อ๊าส์" หมอถามขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่ยังคงคานิ้วอุ่นๆ ไว้อยู่ภายใน "มะ....ไม่ครับ ผมแค่ตกใจเฉยๆ ทำต่อไปเถอะครับ ผมโอเคมาก" ผมรีบตอบเพราะไม่อยากให้หมอหยุดมือ จากนั้นก็ค่อยๆ กัดริมฝีปากตนเองเพื่อปิดกั้นเสียงครางกระเส่าไม่ให้หลุดออกไปจากลำคอ "งั้นหมอขอยัดอีกสองนิ้วนะครับ ไหวเนอะ" "หวะ.....ไหว...แหละ" "ถ้าไม่ไหวให้พูดว่า ชีส~ นะครับ อู๊ย" หมอเอ่ยเหมือนกระซิบพลางยัดอีกสองนิ้วเข้ามาในรูซึ่งแน่นไปด้วยขวดน้ำและนิ้วอวบๆ ของฝ่ายตรงข้าม "ผมจะไม่พูดคำนั้นเด็ดขาด...เว้นแต่หมอจะสั่ง อ๊าาาาา~" ผมตอบเนื่องจากความเสียวกระสันเพราะนิ้วร้อนๆ ทั้งสามควานลึกไปมาอยู่ในร่างกาย ถึงแม้จะฉีดยาชาไปแล้วแต่ไม่สามารถกลบความเสียวที่เกิดขึ้นได้เลย แจ๊ะ.....ๆๆๆๆๆๆๆ เสียงเฉอะแฉะจากเจลหล่อลื่นที่เข้าไปปะปนกันในโพลงสีสวยของผมดังขึ้นตามจังหวะการกระดกนิ้วทั้งสามจนเกิดเป็นฟองฟอดเคลือบอยู่ที่ของช่องทางรัก "ใกล้ออกแล้วนะ.....ทนอีกนิด" หมอบอกด้วยน้ำเสียงเร้าอารมณ์พลางวาดลวดลายการดีดนิ้วในรูผมอย่างร้อนเร่าจนเผลอแอ่นสะโพกเข้าหามือของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ "ผมก็ใกล้แล้วครับหมอ....ใกล้จะเสร็จแล้ว" "เบ่งไปด้วยสิครับ หัวขวดโผล่ออกมาแล้ว!!!" "อ๊ากกกกก ฮึบ....จะ...แตก...แล้ว" ผมแหกปากร้องครางสุดเสียงก่อนที่ก้อนอึดอัดจะหลุดพรวดออกมาจากรูจีบที่บวมฉึง พร้อมๆ กับน้ำหวานสีขาวขุ่นจากหัวหยักของผมที่ฉีดพ่นออกมาจนเปื้อนเต็มเตียงและหน้าท้องของตัวเอง "ออกจนได้นะ เล่นเอาหมอเหนื่อยเลย แฮ่ก...ๆๆ" เสียงหอบหายใจของหมอดังขึ้นผสานไปกับเสียงเร่าร้อนจากใบหน้าหล่อเหลา "แฮ่กๆๆ ขะ...ขอบคุณนะครับหมอ" "แฟรงค์บอกหมอทีสิว่าเอาขวดไปยัดรูก้นตัวเองทำไมล่ะ" หมอเอ่ยถามพร้อมถือขวดน้ำขนาดใหญ่เท่าท่อนแขนขึ้นมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพลางมองรูที่บานโบ๋เพราะขวดไซส์ยักษ์อันนั้นสลับกันไปมาอย่างสงสัย "คือ...ว่า...แฟนผมเขา.......เขาไม่ยอมมีอะไรกับผมครับ ผม~ก็เลย....." ผมตอบอย่างอายๆ โดยที่ไม่กล้าหันไปมองหน้าหมอตั้ม "ทำไมล่ะ แฟรงค์น่ารักจะตาย ถ้าหมอเป็นแฟนแฟรงค์นะ หมอจะเอาทุกวัน 3 เวลาหลังอาหารไปเลย" "งื้อ....ขอบคุณนะครับหมอ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย โล่งเลยครับ" ผมเอ่ยพร้อมทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อที่จะใส่กางเกงแล้วกลับบ้านแต่เสียงกำชับของหมอก็ดังขึ้นจนผมต้องหยุดความคิดนั้นลง "อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนคว่ำหน้าไปก่อน" "อ่าว ยังไม่เสร็จหรือครับหมอตั้ม" ผมถามอย่างสงสัยพร้อมนอนคว่ำหน้าลงไปบนเตียงคนไข้ที่เฉอะแฉะไปด้วยน้ำกามของผมเอง "ใช่ครับ หมอยังไม่เสร็จ......เดี๋ยวหมอขอตรวจภายในดูอีกรอบก่อนว่ามีอะไรค้างอยู่หรือเปล่า" "ดะ....ได้ครับหมอ" หมอตั้มสุดหล่อค่อยๆ เอาฝ่ามือหนาๆ เข้ามาบีบคลึงที่แก้มบั้นท้ายของผมเล่นอย่างชื่นชอบ จากนั้นนิ้วทั้งสามซึ่งผมเดาไม่ออกว่านิ้วใดบ้างก็ยัดพรวดเข้ามาในรูจีบอย่างเร็วจนไม่ทันตั้งตัว "หมอครับ ยัดนิ้วเข้ามาในรูผมทำไมครับ" "หมอต้องลองควานหาดูว่ามีอะไรตกค้างไหม อ๊าส์ อย่าขมิบสิ" "หมะ...หมอใส่แหวนด้วยหรือครับ ผมเย็นรูนะ" "นั่นนาฬิกาต่างหากล่ะ ฮึๆๆ" หมอตอบด้วยเสียงเรียบๆ พลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แต่แล้วผมก็เข้าใจจนแจ่มแจ้งว่าไอที่ยัดพรวดเข้ามาเมื่อกี้ไม่ใช้นิ้วแต่เป็นฝ่ามือทั้งอันต่างหาก "โอ๊ยยยย~ หมอครับ...ทำไมหมอควานเข้ามาลึกจังเลยล่ะ จะสุดแขนแล้วมั้งเนี่ย" "ก็หมออยากเช็กดูให้แน่ใจนี่ครับว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมอื่นหลงเหลืออยู่" "อ๋อ โอเคครับ งั้นตามสบายเลยครับหมอ" หมอตั้มล้วงมือรูดเข้ารูดออกในรูผมไม่หยุด สักพักเสียงหอบครางของหมอก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยเสียงเอ่ยขึ้นแทบไม่เป็นจังหวะ "หมอขอลองใช้อย่างอื่นทะลวงเข้าไปควานหาบ้างนะครับ" "อะไรหรือครับหมอ" "เครื่องมือประจำตัวของหมอเองครับ เป็นแท่งยาวๆ บางทีก็นิ่ม บางทีก็แข็งแล้วแต่สถานการณ์"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD