ตอนที่3

1690 Words
"งั้นพวกมึงก็เดินตามห่างๆ อย่าให้ใครรู้ว่าพวกมึงตามกูมา มันจะเป็นจุดสนใจให้พวกมันมากกว่าเดิม" "ได้ครับ" "..........." ริวละสายตาจากมือขวาคนสนิทล้วงบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบปล่อยควันขาวฟุ้งไปในอากาศ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปืนจากเอวลูกน้องที่ยืนประจำจุดมาเหน็บไปที่เอวของตัวเอง ดึงเสื้อเชิ้ตสีดำมาปิดบังอำพลางตรงไปยังประตูทางด้านหลังของเพนท์เฮ้าส์ โดยที่ลูกน้องที่ยืนอยู่ประจำจุดต่างก้มหัวเคารพผู้เป็นนาย ฟุโดที่เห็นเจ้านายหนุ่มเดินออกไปจากเพนท์เฮ้าส์ไปเมื่อครู่ เขาก็สั่งลูกน้องจำนวนหนึ่งรวมถึงตัวเขาเองเดินตามออกไป พร้อมกับทิ้งระยะห่างจากริวพอสมควร ฟู่... ปากหนาพ่นควันบุหรี่ออกจากปากและจมูกก่อนที่จะโยนมวนบุหรี่ลงพื้น แล้วใช้รองเท้าแบรนด์ดังที่ใส่เหยียบมวนบุหรี่ ขณะที่เขามาหยุดยืนอยู่ข้างถนนตรงกับทางม้าลาย ดวงตาคมกริบจ้องไปยังตึกร้างขนาดใหญ่ฝั่งตรงข้ามผ่านแว่นตากันแดดสีดำ ที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่จะมาดูสาวๆอย่างที่แม่แนะนำหรือตามที่ฟุโดเข้าใจ แต่เพราะเมื่อคืนตอนที่เขานั่งรถกำลังจะเข้าเพนท์เฮ้าส์ สายตาของเขามันเหลือบไปเห็นตึกร้างขนาดใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าเขาณ.ตอนนี้ แค่เห็นแว่บเดียวหัวธุรกิจอย่างเขาก็รู้แล้วว่าจะทำกิจการอะไร และธุรกิจนั้นก็คือฟิตเนส นอกจากจะเป็นธุรกิจที่หารายได้ให้ครอบครัวของเขาได้แล้ว ยังเป็นธุรกิจที่เอาไว้บังหน้าธุรกิจสีเทาที่ครอบครัวของเขากำลังทำอยู่ ริวมองตึกร้าง5คูหาตรงหน้าอย่างพิจารณา เขากำลังจินตนาการวาดแบบคร่าวๆไว้ในหัว แต่แล้วจินตนาการของเขาก็ต้องหลุดลอยออกไป เมื่อมีเสียงหัวเราะของใครบางคนแทรกเข้ามาในจินตนาการ ริวหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองหาเจ้าของเสียง "ฮ่าๆ จับให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาพูด" แอลพูดขึ้นขณะที่เธอวิ่งเลยไปเกินครึ่งของหน้าตึกร้าง ส่วนเด็กสาวอย่างมะลิเพิ่งจะวิ่งเลยจากมุมตึกมาได้เพียงนิด "แฮ่กๆ จับได้อยู่แล้วย่ะ คอยดูเถอะ" เด็กสาวตะโกนตามหลังเพื่อนไป แต่ขณะที่วิ่งอยู่นั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่แว่นดำยืนอยู่ตรงทางม้าลาย และนั่นก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันทีคนตาบอดงั้นเหรอ ริวชะงักนิ่งเมื่อเห็นเด็กสาวตัวเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มวิ่งออกมาจากทางข้างตึก เขาคิดในใจทำไมเด็กผมเปียคนนี้ไม่ทำให้เขาหงุดหงิดเหมือนกับคนแรก ดวงตาคมกริบไล่สายตาตามเด็กสาวผมเปียคนนั้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน จนกระทั่งเด็กคนนั้นวิ่งไปตามถนนเลี้ยวไปทางซ้ายหายไปตรงมุมตึก ริวก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ท่ามกลางสายตาของฟุโดและลูกน้องที่แอบซุ่มดูแบบห่างๆ มะลิวิ่งตามแอลที่วิ่งนำหน้าเธอมา ก่อนที่เพื่อนสนิทจะเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง มาตามถนนด้านข้างของตึก เธอเข้าไปจับแขนแอลทันทีเมื่อเห็นเพื่อนยืนอยู่กับที่ ด้วยอาการเหนื่อยหอบไม่ต่างจากเธอ "จับได้แล้วยัยเพื่อนบ้า เอาของฉันคืนมานะ" แอลยื่นอมยิ้มคืนให้กับมะลิซึ่งมะลิก็หยิบมันเข้าปากในทันที ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เพราะเพื่อนคืนอมยิ้มเธอง่ายกว่าทุกครั้ง "แม่ฉันโทรมาให้ไปซื้อของให้ก่อนกลับบ้าน สงสัยคงต้องแยกกันตรงนี้แล้วล่ะ" "โอเคงั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ กลับบ้านดีๆล่ะ" มะลิบอกกับเพื่อนไป บ้านของเธอกับแอลอยู่ห่างกันพอสมควร ทั้งสองจะแยกย้ายกันแถวๆตึกร้าง บ้านแอลต้องเดินตรงไปส่วนเธอต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง "แกก็เหมือนกันรีบไปรับน้องมิกซ์ได้แล้ว บ๊ายบาย...พรุ่งนี้เจอกัน" แอลแยกตัวไปอีกทางซึ่งมะลิก็กำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง แต่ใจหนึ่งก็ยังติดใจอยู่กับผู้ชายคนนั้น "ป่านนี้จะข้ามถนนได้หรือยังนะ แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนด้วย แถมแดดก็ยังร้อนอีกด้วย" ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะฝังใจไปแล้วว่าผู้ชายใส่แว่นดำคนนั้นจะเป็นผู้พิการทางสายตา ถ้าเขามองเห็นจะไปยืนกลางแดดร้อนๆอยู่ทำไม "จะกลับไปดูดีไหมนะ? แต่เธอต้องกลับไปรับมิกซ์นะมะลิ" เด็กสาวยังคงถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ เธอเป็นคนขี้สงสาร ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นผู้พิการทางสายตาข้ามถนนด้วยตัวเอง ทั้งที่เป็นทางม้าลายแต่กลับโดนรถเฉี่ยวจนเจ็บสาหัส ภาพนั้นมันติดตาของเธอมาจนถึงทุกวันนี้ "แต่เขาไม่มีไม้เท้านะมะลิ ช่างเถอะไปดูหน่อยก็แล้วกัน" เด็กสาวถกเถียงกับตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหมุนตัวเดินย้อนกลับไปตรงทางที่เธอเพิ่งจะเดินมา แต่เมื่อพ้นมุมตึกก็เห็นว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิม "ยังอยู่ที่เดิมจริงๆด้วย" เธอพูดพร้อมกลับรีบสาวเท้าเดินไปยืนอยู่ตรงทางม้าลาย แสดงว่าเขาคงมองไม่เห็นจริงๆ ลิ้นเรียวเล็กในโพรงปากตวัดเลียอมยิ้มก้อนกลมๆ จนมันมีขนาดเล็กลงเกือบครึ่ง มองซ้ายขวาเตรียมหาทางข้าม ริวมองเด็กสาวที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างสงสัย เมื่อเธอกลับมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา แต่ไม่นานเขาก็เห็นเธอมองซ้ายมองขวา ดูเหมือนว่าจะข้ามถนนตรงมาทางเขา หลังจากที่รถบนถนนเริ่มน้อยลง เด็กสาวข้ามมาได้ครึ่งทางตอนนี้เธอยืนอยู่บนเกาะกลางถนนรอที่จะข้ามมาอีกช่วง ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณา แล้วบ่นพึมพำในใจ คงมองไม่เห็นจริงสินะ น่าเสียดายหล่อซะด้วย ริวมองเด็กสาวฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกประหม่าไม่ใช่เขาไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง แต่เพราะเคยเข้าใกล้อยู่หลายครั้งชนิดที่เนื้อแนบเนื้อก็เคยมีมาแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกแปลกๆแบบนี้เลยสักครั้ง เมื่อรถเริ่มน้อยลงจนพอที่จะข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งได้ มะลิก้าวเท้าลงจากเกาะกลางถนน เดินตามทางม้าลายอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มอย่างริว คนที่เธอคิดว่าเขามองไม่เห็น เมื่อได้มายืนประจันหน้ากับเขาแล้ว เธอจึงรู้ว่าคนตรงหน้านั้นตัวสูงกว่าเธอมาก ความสูงของเธออาจจะแค่อกเขาเท่านั้น และนอกจากเขาจะตัวสูงแล้วเขายังมีกลิ่นกายที่หอมมาก ไม่รู้ว่าใช้น้ำหอมอะไรถึงได้หอมขนาดนี้ เธอแอบสูดเข้าไปเต็มปอดอยู่หลายครั้ง มะลิขยับเท้าเข้าไปหาคนตรงหน้าอีกนิด ส่วนริวก็อยู่นิ่งไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ที่เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนก็เพราะว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด หลังจากที่เผลอสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มแบบใกล้ๆ ผ่านแว่นดำตั้งแต่เธอมายืนอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างเธอชูแขนขึ้นจนสุด โบกมือไปมาตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนที่จะตัดสินใจเอามือลง การกระทำของมะลิทำให้ฟุโดและลูกน้องที่ซุ่มอยู่ถึงกับจะเข้ามาจู่โจม แต่ก็รับรู้ถึงสัญญาณมือที่ริวส่งให้พวกเขาเลยต้องสังเกตการณ์อยู่กับที่ เมื่อคิดแล้วว่าคนตรงหน้านั้นมองไม่เห็นเด็กสาวจึงบ่นพึมพำออกมา "น่าสงสาร มองไม่เห็นจริงๆด้วย ร้อนแย่เลยทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้" เมื่อได้ฟังคำของเด็กสาวนายน้อยตระกูลใหญ่ถึงกับแทบจะหลุดขำกับความไร้เดียงสาของเด็กสาว นี่คนตรงหน้าคิดว่าเขาตาบอดหรอกเหรอ ในเมื่อเธอคิดว่าเขาตาบอดเขาก็จะยอมเป็นคนตาบอดให้เธอแล้วกัน "คุณคะ...คุณ ทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะคะ แล้วนี่จะไปไหนจะไปฝั่งนู้นหรือเปล่า?" เสียงหวานถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มแต่ริวกับเงียบจนมะลิถึงกับถอนหายใจ "หรือว่าเสียงรถจะดังจนเขาไม่ได้ยิน" มะลิคิดในใจก่อนที่จะตัดสินใจยื่นมือไปคว้าที่ต้นแขนของริว แต่แล้วอีกฝ่ายกลับสะดุ้ง มะลิจึงรีบปล่อยมือออกเธอคิดว่าเขาตกใจหรืออาจจะกลัว "ไม่ต้องกลัวนะคะหนูมาดีไม่คิดจะทำร้ายคุณค่ะ" เสียงหวานถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมคายแต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเรียบเฉย จนเธอคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินด้วยหรือเปล่า "คุณคะ...ได้ยินหนูหรือเปล่า?" มะลิยิงคำถามใส่คนตรงหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายตอบรับเธอโดยการพยักหน้า แค่นี้ก็ทำให้เธอยิ้มได้ อย่างน้อยเขาก็ได้ยินที่เธอพูด "..........." ริวมองต่ำไปที่เด็กสาวตรงหน้าเธอกำลังยิ้มอย่างสดใส ฟันเรียงสวยกัดแท่งพลาสติกสีขาวที่ด้านใน เขาคิดว่าน่าจะเป็นอมยิ้ม เพียงแค่เขาพยักหน้าเธอต้องยิ้มกระชากใจเขาขนาดนี้เลยเหรอ ก่อนหน้านี้ที่เขาสะดุ้งตอนเธอจับแขนมันเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย เขากำลังรู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD