"งั้นพวกมึงก็เดินตามห่างๆ อย่าให้ใครรู้ว่าพวกมึงตามกูมา มันจะเป็นจุดสนใจให้พวกมันมากกว่าเดิม"
"ได้ครับ"
"..........." ริวละสายตาจากมือขวาคนสนิทล้วงบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบปล่อยควันขาวฟุ้งไปในอากาศ
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปืนจากเอวลูกน้องที่ยืนประจำจุดมาเหน็บไปที่เอวของตัวเอง ดึงเสื้อเชิ้ตสีดำมาปิดบังอำพลางตรงไปยังประตูทางด้านหลังของเพนท์เฮ้าส์ โดยที่ลูกน้องที่ยืนอยู่ประจำจุดต่างก้มหัวเคารพผู้เป็นนาย
ฟุโดที่เห็นเจ้านายหนุ่มเดินออกไปจากเพนท์เฮ้าส์ไปเมื่อครู่ เขาก็สั่งลูกน้องจำนวนหนึ่งรวมถึงตัวเขาเองเดินตามออกไป พร้อมกับทิ้งระยะห่างจากริวพอสมควร
ฟู่...
ปากหนาพ่นควันบุหรี่ออกจากปากและจมูกก่อนที่จะโยนมวนบุหรี่ลงพื้น แล้วใช้รองเท้าแบรนด์ดังที่ใส่เหยียบมวนบุหรี่ ขณะที่เขามาหยุดยืนอยู่ข้างถนนตรงกับทางม้าลาย
ดวงตาคมกริบจ้องไปยังตึกร้างขนาดใหญ่ฝั่งตรงข้ามผ่านแว่นตากันแดดสีดำ
ที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่จะมาดูสาวๆอย่างที่แม่แนะนำหรือตามที่ฟุโดเข้าใจ
แต่เพราะเมื่อคืนตอนที่เขานั่งรถกำลังจะเข้าเพนท์เฮ้าส์ สายตาของเขามันเหลือบไปเห็นตึกร้างขนาดใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าเขาณ.ตอนนี้
แค่เห็นแว่บเดียวหัวธุรกิจอย่างเขาก็รู้แล้วว่าจะทำกิจการอะไร และธุรกิจนั้นก็คือฟิตเนส นอกจากจะเป็นธุรกิจที่หารายได้ให้ครอบครัวของเขาได้แล้ว ยังเป็นธุรกิจที่เอาไว้บังหน้าธุรกิจสีเทาที่ครอบครัวของเขากำลังทำอยู่
ริวมองตึกร้าง5คูหาตรงหน้าอย่างพิจารณา เขากำลังจินตนาการวาดแบบคร่าวๆไว้ในหัว แต่แล้วจินตนาการของเขาก็ต้องหลุดลอยออกไป เมื่อมีเสียงหัวเราะของใครบางคนแทรกเข้ามาในจินตนาการ
ริวหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองหาเจ้าของเสียง
"ฮ่าๆ จับให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาพูด" แอลพูดขึ้นขณะที่เธอวิ่งเลยไปเกินครึ่งของหน้าตึกร้าง
ส่วนเด็กสาวอย่างมะลิเพิ่งจะวิ่งเลยจากมุมตึกมาได้เพียงนิด
"แฮ่กๆ จับได้อยู่แล้วย่ะ คอยดูเถอะ" เด็กสาวตะโกนตามหลังเพื่อนไป
แต่ขณะที่วิ่งอยู่นั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่แว่นดำยืนอยู่ตรงทางม้าลาย และนั่นก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันทีคนตาบอดงั้นเหรอ
ริวชะงักนิ่งเมื่อเห็นเด็กสาวตัวเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มวิ่งออกมาจากทางข้างตึก
เขาคิดในใจทำไมเด็กผมเปียคนนี้ไม่ทำให้เขาหงุดหงิดเหมือนกับคนแรก
ดวงตาคมกริบไล่สายตาตามเด็กสาวผมเปียคนนั้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน จนกระทั่งเด็กคนนั้นวิ่งไปตามถนนเลี้ยวไปทางซ้ายหายไปตรงมุมตึก
ริวก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ท่ามกลางสายตาของฟุโดและลูกน้องที่แอบซุ่มดูแบบห่างๆ
มะลิวิ่งตามแอลที่วิ่งนำหน้าเธอมา ก่อนที่เพื่อนสนิทจะเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง มาตามถนนด้านข้างของตึก
เธอเข้าไปจับแขนแอลทันทีเมื่อเห็นเพื่อนยืนอยู่กับที่ ด้วยอาการเหนื่อยหอบไม่ต่างจากเธอ
"จับได้แล้วยัยเพื่อนบ้า เอาของฉันคืนมานะ"
แอลยื่นอมยิ้มคืนให้กับมะลิซึ่งมะลิก็หยิบมันเข้าปากในทันที ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เพราะเพื่อนคืนอมยิ้มเธอง่ายกว่าทุกครั้ง
"แม่ฉันโทรมาให้ไปซื้อของให้ก่อนกลับบ้าน สงสัยคงต้องแยกกันตรงนี้แล้วล่ะ"
"โอเคงั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ กลับบ้านดีๆล่ะ" มะลิบอกกับเพื่อนไป
บ้านของเธอกับแอลอยู่ห่างกันพอสมควร ทั้งสองจะแยกย้ายกันแถวๆตึกร้าง บ้านแอลต้องเดินตรงไปส่วนเธอต้องข้ามถนนไปอีกฝั่ง
"แกก็เหมือนกันรีบไปรับน้องมิกซ์ได้แล้ว บ๊ายบาย...พรุ่งนี้เจอกัน"
แอลแยกตัวไปอีกทางซึ่งมะลิก็กำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง แต่ใจหนึ่งก็ยังติดใจอยู่กับผู้ชายคนนั้น
"ป่านนี้จะข้ามถนนได้หรือยังนะ แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนด้วย แถมแดดก็ยังร้อนอีกด้วย"
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะฝังใจไปแล้วว่าผู้ชายใส่แว่นดำคนนั้นจะเป็นผู้พิการทางสายตา
ถ้าเขามองเห็นจะไปยืนกลางแดดร้อนๆอยู่ทำไม
"จะกลับไปดูดีไหมนะ? แต่เธอต้องกลับไปรับมิกซ์นะมะลิ" เด็กสาวยังคงถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ เธอเป็นคนขี้สงสาร
ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นผู้พิการทางสายตาข้ามถนนด้วยตัวเอง ทั้งที่เป็นทางม้าลายแต่กลับโดนรถเฉี่ยวจนเจ็บสาหัส ภาพนั้นมันติดตาของเธอมาจนถึงทุกวันนี้
"แต่เขาไม่มีไม้เท้านะมะลิ ช่างเถอะไปดูหน่อยก็แล้วกัน"
เด็กสาวถกเถียงกับตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะหมุนตัวเดินย้อนกลับไปตรงทางที่เธอเพิ่งจะเดินมา แต่เมื่อพ้นมุมตึกก็เห็นว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิม
"ยังอยู่ที่เดิมจริงๆด้วย" เธอพูดพร้อมกลับรีบสาวเท้าเดินไปยืนอยู่ตรงทางม้าลาย แสดงว่าเขาคงมองไม่เห็นจริงๆ
ลิ้นเรียวเล็กในโพรงปากตวัดเลียอมยิ้มก้อนกลมๆ จนมันมีขนาดเล็กลงเกือบครึ่ง มองซ้ายขวาเตรียมหาทางข้าม
ริวมองเด็กสาวที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างสงสัย เมื่อเธอกลับมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา
แต่ไม่นานเขาก็เห็นเธอมองซ้ายมองขวา ดูเหมือนว่าจะข้ามถนนตรงมาทางเขา หลังจากที่รถบนถนนเริ่มน้อยลง
เด็กสาวข้ามมาได้ครึ่งทางตอนนี้เธอยืนอยู่บนเกาะกลางถนนรอที่จะข้ามมาอีกช่วง
ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณา แล้วบ่นพึมพำในใจ คงมองไม่เห็นจริงสินะ น่าเสียดายหล่อซะด้วย
ริวมองเด็กสาวฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกประหม่าไม่ใช่เขาไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง
แต่เพราะเคยเข้าใกล้อยู่หลายครั้งชนิดที่เนื้อแนบเนื้อก็เคยมีมาแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกแปลกๆแบบนี้เลยสักครั้ง
เมื่อรถเริ่มน้อยลงจนพอที่จะข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งได้ มะลิก้าวเท้าลงจากเกาะกลางถนน เดินตามทางม้าลายอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มอย่างริว คนที่เธอคิดว่าเขามองไม่เห็น
เมื่อได้มายืนประจันหน้ากับเขาแล้ว เธอจึงรู้ว่าคนตรงหน้านั้นตัวสูงกว่าเธอมาก ความสูงของเธออาจจะแค่อกเขาเท่านั้น
และนอกจากเขาจะตัวสูงแล้วเขายังมีกลิ่นกายที่หอมมาก ไม่รู้ว่าใช้น้ำหอมอะไรถึงได้หอมขนาดนี้ เธอแอบสูดเข้าไปเต็มปอดอยู่หลายครั้ง
มะลิขยับเท้าเข้าไปหาคนตรงหน้าอีกนิด ส่วนริวก็อยู่นิ่งไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ที่เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนก็เพราะว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด หลังจากที่เผลอสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มแบบใกล้ๆ ผ่านแว่นดำตั้งแต่เธอมายืนอยู่ตรงหน้า
คนตัวเล็กอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างเธอชูแขนขึ้นจนสุด โบกมือไปมาตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนที่จะตัดสินใจเอามือลง
การกระทำของมะลิทำให้ฟุโดและลูกน้องที่ซุ่มอยู่ถึงกับจะเข้ามาจู่โจม แต่ก็รับรู้ถึงสัญญาณมือที่ริวส่งให้พวกเขาเลยต้องสังเกตการณ์อยู่กับที่
เมื่อคิดแล้วว่าคนตรงหน้านั้นมองไม่เห็นเด็กสาวจึงบ่นพึมพำออกมา
"น่าสงสาร มองไม่เห็นจริงๆด้วย ร้อนแย่เลยทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้"
เมื่อได้ฟังคำของเด็กสาวนายน้อยตระกูลใหญ่ถึงกับแทบจะหลุดขำกับความไร้เดียงสาของเด็กสาว
นี่คนตรงหน้าคิดว่าเขาตาบอดหรอกเหรอ ในเมื่อเธอคิดว่าเขาตาบอดเขาก็จะยอมเป็นคนตาบอดให้เธอแล้วกัน
"คุณคะ...คุณ ทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะคะ แล้วนี่จะไปไหนจะไปฝั่งนู้นหรือเปล่า?" เสียงหวานถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มแต่ริวกับเงียบจนมะลิถึงกับถอนหายใจ
"หรือว่าเสียงรถจะดังจนเขาไม่ได้ยิน" มะลิคิดในใจก่อนที่จะตัดสินใจยื่นมือไปคว้าที่ต้นแขนของริว แต่แล้วอีกฝ่ายกลับสะดุ้ง มะลิจึงรีบปล่อยมือออกเธอคิดว่าเขาตกใจหรืออาจจะกลัว
"ไม่ต้องกลัวนะคะหนูมาดีไม่คิดจะทำร้ายคุณค่ะ" เสียงหวานถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง
ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าคมคายแต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเรียบเฉย จนเธอคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินด้วยหรือเปล่า
"คุณคะ...ได้ยินหนูหรือเปล่า?" มะลิยิงคำถามใส่คนตรงหน้าอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายตอบรับเธอโดยการพยักหน้า แค่นี้ก็ทำให้เธอยิ้มได้ อย่างน้อยเขาก็ได้ยินที่เธอพูด
"..........." ริวมองต่ำไปที่เด็กสาวตรงหน้าเธอกำลังยิ้มอย่างสดใส ฟันเรียงสวยกัดแท่งพลาสติกสีขาวที่ด้านใน เขาคิดว่าน่าจะเป็นอมยิ้ม
เพียงแค่เขาพยักหน้าเธอต้องยิ้มกระชากใจเขาขนาดนี้เลยเหรอ
ก่อนหน้านี้ที่เขาสะดุ้งตอนเธอจับแขนมันเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย เขากำลังรู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน