แว่นตากันแดดสีดำสนิทแบรนด์ดังถูกดึงออกอย่างไม่ใยดี ด้วยมือใหญ่ทันทีหลังจากคนตัวเล็กหันหลังวิ่งดุ๊กดิ๊กออกไป
ริวยกยิ้มมุมปากเอ็นดูคนตัวเล็กแม้เพียงเห็นแค่ด้านหลังยังน่ารัก ก่อนที่จะละสายตามองต่ำมาที่ขนมในกล่องและอมยิ้มอีก2อันที่อยู่ในมือ
"น่ารักนะครับ ว่าไหมครับนาย?" ฟุโดพูดขึ้น เขาเพิ่งเคยเห็นอาการตกหลุมรักสาวครั้งแรกของนาย
"อืม" ริวครางรับในลำคอยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หยิบแว่นดำขึ้นมาใส่ถือของในมือไว้แน่น ใจยังเต้นแรงเหมือนกับคนตัวเล็กยังอยู่ตรงหน้า
"ผมถือให้ครับ"
ฟุโดพูดแล้วก็จะเข้าไปคว้าของที่อยู่ในมือของนายจะเอามาถือซะเอง ทว่ากลับโดนริวชักมือหนีไม่อยากให้ลูกน้องมาแตะต้องของในมือ
"กูถือเองได้" เขาตอบเสียงเรียบอาการหวงของกินกำเริบซะอย่างนั้น
"มันเป็นหน้าที่ของผม ให้ผมถือเถอะครับ อีกอย่างนายไม่ชอบกินขนมหวานผมขอได้ไหมครับ? ผมอยากกิน" ฟุโดแกล้งเย้าแหย่ผู้เป็นนาย ยิ่งเห็นริวหวงเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง อยากจะเห็นคนที่เงียบขรึมเสียอาการ
"มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ชอบของหวาน มึงอยู่กับกูตลอดเวลา" ริวเลิกคิ้วถามดันลิ้นไปกับกระพุ้งแก้มเมื่อเริ่มจะหงุดหงิด
"ถึงไม่ตลอดแต่ก็พอรู้ครับ ผมไม่เคยเห็นนายกินขนมหรือของหวานเลยสักครั้ง"
"ก็ใช่...ที่กูไม่ชอบกิน แต่อันนี้กูจะกิน มึงอย่ามาแย่งถ้ามึงอยากกินนักก็ขับรถไปซื้อเอาเอง อันนี้มันของกูอย่าคิดมาแย่ง"
"นายกลายเป็นคนหวงของกินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?" ฟุโดพูดแบบยิ้มๆ
"ตั้งแต่ตอนนี้ ห้ามมึงมายุ่งของ...ของกู" คนหวงของกินพูดเสียงแข็ง
"ผมไม่ยุ่งอยู่แล้วครับ เห็นนายหวงขนาดนี้" พูดจบฟุโดก็มองผู้เป็นนายก่อนที่จะยกยิ้ม
"มึงมองกูด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?"
"ก็ไม่ทำไมครับ ผมก็แค่สงสัย ปกติมีคุณหนูตระกูลดังส่งขนมมาให้นายออกจะบ่อย ผมไม่เคยเห็นนายสนใจเลยสักครั้ง แล้วอีกอย่างผมกับไอ้ไดจิก็ได้กินของพวกนั้นทุกครั้ง"
"........"
"แต่ครั้งนี้นายให้ความสนใจมากเลยนะครับ ถึงขั้นจะกินขนมด้วยทั้งๆที่ไม่ชอบขนมเลยด้วยซ้ำ คงจะชอบคุณหนูคนเมื่อกี้มากเลยใช่ไหมครับ?"
"รู้มากนักนะ"
"รู้สิครับ...ผมอยู่กับนายมาตั้งแต่เด็กนะ แล้วจริงไหมล่ะครับ?"
"เออ..."
"ไม่อยากจะเชื่อผมจะมีนายหญิงแล้วเหรอเนี่ย ผมต้องบอกไอ้ไดจิ มันคงตกใจมากว่านายมาถึงไทยแค่วันเดียวก็จะมีนายหญิงให้มันแล้ว"
"พูดมาก อยากถูกส่งกลับญี่ปุ่นหรือไง?"
"ไม่ดีครับ ว่าแต่คุณหนูคนนั้นชื่ออะไรครับ?"
"กูไม่รู้" ริวตอบกลับประโยคสั้นๆจะให้เขารู้ได้ยังไงในเมื่อเขาแกล้งเป็นคนตาบอดแถมยังเป็นใบ้อีกด้วย
"นั่นสินะครับ ผมลืมไปว่านายแกล้งเป็นคนตาบอด แถมพูดไม่ได้อีกตั้งหากจะถามได้ยังไง"
"ถ้ารู้แล้วก็หุบปาก เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วให้คนของเราไปจัดการเจรจาซื้อตึกร้างนี่มาให้กูด้วย กูจะเปิดฟิตเนสตรงนี้"
"ครับ..." ฟุโดขานรับพร้อมกับมองไปที่ตึกร้างขนาดใหญ่ ชื่นชมความคิดของนายน้อยของตระกูลอยู่ในใจ นอกจากจะเป็นนายน้อยผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของตระกูลและวงการยากูซ่าแล้ว นายน้อยของเขายังมีหัวทางธุรกิจที่ปราดเปรื่องไม่เป็นสองรองใคร
"ผมว่ากลับเพนท์เฮ้าส์กันก่อนเถอะครับนาย อยู่ตรงนี้นานๆเดี๋ยวไอ้พวกนั้นมาเห็นแล้วจำได้ขึ้นมา มันจะผิดแผนกันหมดนะครับ"
"อืม..." พูดเพียงแค่นั้นริวก็เดินนำหน้าข้ามไปอีกฝั่งของถนนกลับเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์ ลูกน้องที่ออกมาพร้อมกันต่างก็กลับไปพร้อมกับผู้เป็นนาย
อีกด้าน
"เด็กดื้อพี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง ถ้าล้มไปจะทำยังไงอยากได้แผลหรือไงฮะเรา" มะลิเอ็ดน้องชายคนเล็กเมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้านซึ่งมิกซ์ได้วิ่งนำหน้ามาก่อนแล้ว
"ก็ผมปวดฉี่นี่ฮะ อยากเข้าบ้านไวๆ พี่ลิรีบไขประตูบ้านเร็วๆ" มิกซ์หันไปพูดกับพี่สาวก่อนที่จะหันกลับมามองประตูรั้วบ้าน
"นั่นกระดาษอะไรฮะ" เด็กชายชี้ไปที่กระดาษสีขาวที่เสียบอยู่ตรงประตูรั้ว
"ไม่รู้สิเดี๋ยวพี่ดูก่อน" มะลิยื่นมือไปหยิบกระดาษถูกที่เสียบไว้ตรงหน้าประตูก่อนจะกางออกดู คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมถอนหายใจออกมาหนักๆด้วยความเบื่อหน่าย
"อีกแล้วสินะ"
"อะไรฮะพี่ลิ" เด็กน้อยเงยหน้าถามพี่สาว
"ก็ไอ้พวกคนตัวลายที่ชอบสักลายทั้งตัว หน้ากลัวพวกนั้นแหละเอาจดหมายมาข่มขู่เราอีกแล้ว น่าเบื่อที่สุด" เธอพูดใส่อารมณ์ ครั้งก่อนมาข่มขู่ให้เธอยอมขายบ้านหลังนี้ให้ในราคาถูกแสนถูก แต่เธอก็ไม่ยอมยืนการว่าจะไม่ขายเด็ดขาด หลังจากนั้นก็ได้จดหมายข่มขู่มาเรื่อยๆ
"พวกยากูซ่าใช่ไหมฮะ?"
"พวกนั้นแหละ ว่าแต่มิกซ์รู้ได้ไงครับว่าพวกนั้นเรียกว่ายากูซ่า" มะลิย่อตัวลงถามเด็กชายตัวน้อย เธอจำได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกกับน้องว่าพวกนั้นคือยากูซ่า
"มิร่าบอกกับผมฮะ มิร่าบอกกับผมว่าครั้งต่อไปจะไม่ได้เจอกันแล้ว เธอบอกว่าแม่ของเธอต้องขายบ้านนี้ให้ยากูซ่าฮะ"
มะลิมีสีหน้าหนักใจ มิร่าที่น้องชายเธอพูดคือเด็กผู้หญิงที่อยู่ซอยเดียวกันกับเธอ ทุกคนในซอยนี้รวมถึงบริเวณใกล้เคียงต่างได้รับผลกระทบอย่างเดียวกันหมดก็คือ การโดนข่มขู่จากพวกยากูซ่า
ซึ่งเธอก็พึ่งจะโดนพวกนั้นมาข่มขู่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนนั้นมิกซ์ร้องไห้จ้าวิ่งมาหลบหลังเธอด้วยความกลัว ส่วนเธอเองก็ถือไม้เบสบอลเตรียมปกป้องน้อง ทว่าโชคดีที่พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าข่มขู่ แต่มันก็ยังส่งจดหมายมาเรื่อยๆอย่างเช่นวันนี้
เธอไม่รู้ว่าพวกยากูซ่าต้องการที่ดินบริเวณนี้ไปทำอะไร แต่เคยได้ยินว่าจะเอาไปสร้างคาสิโนแข่งกับคาสิโนที่มีอยู่แล้วในเขตนี้
"ผมเกลียดพวกยากูซ่าฮะ มันทำให้ผมไม่ได้เจอมิร่า"
"พี่ก็เกลียดพวกนั้นเหมือนกันครับ"
"เราจะขายบ้านให้พวกมันไหมฮะ? แล้วเราค่อยเอาเงินไปซื้อบ้านใหม่ เหมือนกับครอบครัวมิร่าทำ"
"ไม่ได้หรอกครับมิกซ์ บ้านใหม่แพงกว่าเงินที่พวกนั้นเสนอมา เราทำแบบนั้นไม่ได้"
"บอกพี่มอสดีไหมฮะ?" เด็กชายเสนอให้บอกพี่ชายคนโต
"อย่าบอกพี่มอสนะมิกซ์ พี่ไม่อยากให้พี่มอสเป็นห่วง แค่เงินที่ส่งมาให้เราสองคนพี่มอสก็ต้องทำงานหนักมากแล้ว อยากให้พี่มอสต้องเป็นกังวลอีก ถ้าพวกนั้นยังมายุ่งกับเราพี่จะแจ้งตำรวจ มิกซ์ไม่ต้องกลัวนะครับ"
"ฮะ" เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าตอบรับพี่สาวอย่างว่าง่าย
"ไปครับเข้าบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวพี่จะไขประตูให้...ปวดฉี่ใช่ไหม?"
"ฮะ...ผมปวดฉี่จะราดอยู่แล้ว"
มะลิฉีกยิ้มยื่นมือไปขยี้ผมสีดำสนิทที่นุ่มเหมือนไหมของน้องชายด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้นยืนไขประตูรั้วบ้าน
"มิกซ์ครับล้างมือก่อนไปกินข้าวนะ พี่ทำข้าวไข่เจียวให้แล้ว" มะลิเดินออกมาจากห้องครัวเรียกมิกซ์ที่กำลังเล่นอยู่กับแมวตรงหน้าทีวี
"แล้วของมีมี่ล่ะฮะ ของมีมี่อยู่ไหน?" เด็กชายถาม...
มีมี่คือแมวขนปุยตัวสีขาวที่มะลิเลี้ยงเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอมักจะเรียกมีมี่ว่าลูกสาว
"พี่เทอาหารเม็ดไว้ให้มีมี่แล้วมิกซ์ไปล้างมือแล้วมากินข้าวนะ"
"ฮะ...ผมจะไปเดี๋ยวนี้" มิกซ์วางมีมี่ลงไปกับพื้นจากนั้นเด็กน้อยก็วิ่งตรงเข้าไปในห้องครัว
ครืด~ ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของมะลิดังขึ้นมือเรียวยกขึ้นมาดูรายชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ ก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อพี่ชายวีดีโอคอลมาหา
"พี่มอส" มะลิโบกมือทักทายพี่ชายด้วยความดีใจ
"(ว่าไงตัวแสบทำอะไรกันอยู่ กินข้าวหรือยัง...หึ?)"
"กำลังจะกินค่ะให้มิกซ์ไปล้างมืออยู่" ระหว่างพูดเธอก็เดินตามน้องชายเข้าไปในครัว ก่อนที่จะไปนั่งเก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว
"มิกซ์ครับพี่มอสโทรมา...มาคุยเร็ว"
"ฮะ" เด็กชายปีนขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างๆกับพี่สาวขอโทรศัพท์ในมือมะลิไปคุยเอง
"(เป็นยังไงครับมิกซ์วันนี้ดื้อกับพี่ลิเขาหรือเปล่า?)"
"ไม่ได้ดื้อ...มิกซ์เป็นเด็กดีฮะ"
"(ดีแล้วครับ แล้ววันนี้พี่สาวเราทำอะไรให้กินไหนเอามาให้พี่ดูซิ)" เด็กชายแพนกล้องไปตรงจานข้าวไข่เจียว "(ไข่เจียวอีกแล้วเหรอลิ?)"
"ค่ะ...มิกซ์ชอบลิก็ชอบ กินได้ไม่ต้องห่วง"
"(ไม่เอาน่าลิอย่าทำแบบนี้สิ พี่รู้นะว่าเราจะช่วยพี่ประหยัด กินแต่ไข่เจียวแบบนี้ทุกวันก็ไม่ไหวนะลิ ทำอย่างอื่นให้กินบ้างเดี๋ยวน้องจะไม่โตเอา)"
"ไม่ต้องห่วงนะ มิกซ์ตัวโตแล้วอีกอย่างมีขนมด้วย มีตั้ง2กล่องนะฮะ"
"(สอบทำขนมอีกแล้วเหรอเรา?)"
"ค่ะ...วันนี้ลิมีสอบอีกแล้วได้ที่1อีกแล้วค่ะ พี่มอสดีใจไหม?"
"(ดีใจครับ เก่งมากเด็กแสบ)"
"(แล้วเงินพอใช้กันหรือเปล่าถ้าไม่พอบอกพี่ได้นะ พี่จะโอนไปให้อีก)"
"พอค่ะยังมีอยู่เลยพี่มอสไม่ต้องส่งมาให้ลิกับมิกซ์นะคะเก็บเงินเอาไว้เถอะ จะได้กลับมาอยู่เมืองไทยสักทีลิกับมิกซ์คิดถึงพี่มอสนะ"
"(โอเคครับ พี่ก็คิดถึงเราสองคน ไว้ว่างๆเดี๋ยวพี่จะโทรหาใหม่ ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะมีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอด)"
"ค่ะ/ฮะ" ทั้งสองพูดพร้อมเพรียงกัน
"พี่มอสก็เหมือนกันนะคะดูแลตัวเองด้วย"
"(ครับ...เอาล่ะพี่วางก่อน)" แล้วสายของพี่ชายที่อยู่ญี่ปุ่นก็ตัดไป มะลิก็ให้น้องชายวัยสามขวบกินข้าวแล้วก็พาเข้านอน
ภายในห้องนอนเด็กสาวผิวขาวอมชมพูใบหน้าจิ้มลิ้มกำลังนั่งนิ่งๆ สายตาทอดมองออกไปที่หน้าต่าง ขณะที่สมองก็คิดถึงผู้ชายคนที่เธอช่วยข้ามถนนไว้วันนี้
มะลิมีสีหน้าแดงระเรื่อเมื่อคิดถึงใบหน้าหล่อคมคาย พร้อมกับกลิ่นตัวหอมๆรวมถึงฝ่ามือนุ่มๆที่แสนจะอบอุ่น ที่ทำให้เธอเขินและใจเต้นแรงในขณะเดียวกัน
"พี่ลิ...พี่ลิฮะ" เสียงของเด็กชายวัย3ขวบกำลังส่งเสียงเรียกพี่สาวพร้อมๆกับเขย่าตัวมะลิ
"ห๊ะๆ !!! ว่ายังไงมิกซ์ พี่ตกใจหมดเลยเรียกพี่เสียงดังเกินไปหรือเปล่า?"
มะลิที่หลุดออกจากภวังค์ความคิด เธอตอบน้องชายด้วยเสียงดัง พลางสะบัดหน้าเบาๆเพื่อไล่ใบหน้าหล่อของคนที่เพิ่งจะคิดถึง
"ผมเรียกเสียงปกติแล้ว แต่พี่ลิไม่ตอบ คิดอะไรอยู่ฮะ?"
"ก็เปล่านี่...พี่ไม่ได้คิดอะไร แล้วเราล่ะมีอะไรจะพูดกับพี่?"
"ผมจะถามว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปมหาลัยกับพี่ลิด้วยหรือเปล่าฮะ?"
"แล้วเราล่ะอยากไปหรือเปล่า?"
"อยากฮะ...ผมอยากไปเจอพี่ๆ แล้วก็อยากเจอพี่แอลด้วย"
"โอเค...ถ้าอยากไปกับพี่ก็ต้องรีบนอน ไปนอนได้แล้ว"
"ฮะ" เด็กชายวัย3ขวบตอบพี่สาวเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วก็ล้มตัวนอนอย่างว่าง่าย ทิ้งให้มะลิยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมคิดอะไรต่ออีกสักพัก