ตอนที่3(น้อยใจ)

1495 Words
เจ้านาง พรรณนิชา..... “เฮียทำอะไรเหรอครับ?” เฮียทั่นเอ่ยถามฉันพลางก้มหน้าก้มตาหลบสายตาฉัน ฉันก็ยกมือขึ้นมากอดอกพลางหรี่ตามองเขา “ไปยุ่งกับมันทำไม?” “เฮียไม่ได้ยุ่งนะ” “โกหก!!” ฉันตะโกนขึ้นเสียงใส่เฮียทั่นจนเฮียทั่นสะดุ้งตกใจ “เปล่านะ เฮียเปล่าโกหก” เฮียทั่นยิ้มแหยๆ ให้ฉัน ฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาเขาระยะประชิดตัวเขา “มองตาเจ้านางสิคะ มองตาแล้วพูดใหม่อีกรอบ” ฉันยื่นหน้าขึ้นไปหาเฮียทั่นพลางบอกให้เขามองตาฉัน เพราะเฮียทั่นไม่ชอบการโกหกเป็นที่หนึ่ง และเขาก็คงจะไม่พูดโกหกแน่นอน “ว่ายังไงคะ?” ฉันทวนคำถามใส่เฮียทั่นอีกรอบ พลางยื่นมือขึ้นไปคล้องคอเฮียทั่นพลางยิ้มหวานให้เขา เขาก็มองตาฉันแต่เขาไม่ได้พูดอะไร “เจ้านางขอได้ไหมคะ อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นได้ไหมเจ้านางไม่ชอบ” ฉันพูดเสียงแผ่วเบา เฮียทั่นก็มองหน้าฉันนิ่งสงบสายตาของเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ เฮียทั่นเป็นคนหนึบใน ถึงบางทีเขาจะอารมณ์ดีเฟรนลี่กับทุกคนแต่เขามีอารมณ์ที่โกรธรุนแรงมาก “ได้ไหมคะเฮียทั่น” ฉันพูดไปพลางยื่นหน้าเข้าไปหาริมฝีปากของเฮียทั่นพลางใช้ริมฝีปากของฉันคลอเคลียไปกับริมฝีปากนุ่มนิ่มสีชมพูระเรื่อของเฮียทั่น “จุ๊ฟ” ฉันแตะริมฝีปากของฉันลงแนบชิดไปกับริมฝีปากของเฮียทั่นอย่างช้าๆ และแผ่วเบา เมื่อเห็นเฮียทั่นไม่ได้ผลักไสฉัน ฉันจึงจูบเฮียทั่น ริมฝีปากที่หวานหยดย้อยของเขาทำให้ฉันหลงใหล ใช่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราสองคนจูบกัน “เราทำแบบนี้ได้เหรอครับ?” เฮียทั่นเอ่ยถามฉันหลังจากที่ฉันผละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากของเขาแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา “มากกว่านี้ เราก็เคยทำมาแล้วหนิคะ” ฉันตอบเฮียทั่นไป เฮียทั่นก็ยิ้มแหยๆ ส่งมาให้ฉันอีก มากกว่าที่ฉันกับเฮียเคยทำคือทำให้ต่างคนต่างพากันไปพบกับสิ่งที่เรียกว่าความสุข จุดสุดยอดที่เราสองคนไม่ได้ลึกซึ้งแบบที่เฮียทั่นทำกับคนอื่น “วันนี้เฮียจะไปสนามแข่งไม่ใช่เหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามเฮียทั่นไปด้วยพลางเอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาให้เขาไปด้วย “อืม ตัวเองจะไปเชียร์เฮียอ่ะเปล่า^_^” “วันนี้ของเดิมพันคืออะไร?” ฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเฮีย แต่เอ่ยถามเขาไปทั้งๆ ที่ฉันเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ตอนนี้เฮียทั่นกำลังชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ซึ่งจะว่าเขาชอบก็ไม่ใช่ เพราะเฮียมั่นไม่เคยรักใครเขาจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแค่ทีเดียวและทิ้งทุกความสัมพันธ์ทั้งๆ ทีเขาเป็นคนไปจีบพวกเธอและพอได้พวกเธอเสร็จ เขาก็เขี่ยพวกเธอทิ้งอย่างเยือกเย็น เป็นยังไงล่ะ เฮียฉันเป็นสุภาพบุรุษที่หล่อเท่รวยและดูดีแต่เบื้องหลังใครจะรู้ว่าเฮียฉันก็ไม่ต่างอะไรกับซาตานในคราบมนุษย์ “อีแตงเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าเฮียทั่นอย่างไม่พอใจ อีแตงที่ฉันพูดถึงก็คือแตงโมเด็กสาวน่ารักคณะนิเทศศาสตร์ปีหนึ่ง ดาวคณะหนุ่มๆ ทั้งมหาลัยของฉันต่างพากันเห่อของใหม่วิ่งตามขายขนมจีบให้แตงโมอย่างน่าหมั่นไส้รวมไปถึงเฮียทั่นของฉันด้วย! “ทำไมเจ้านางพูดจาไม่น่ารักเลยละครับ!” เฮียทั่นเอ่ยบอกฉันด้วยนำ้เสียงดุๆ สายตาของเฮียทั่นมองมาที่ฉันเหมือนคนที่กำลังไม่พอใจ ฉันชินแล้วล่ะ เวลาที่เฮียฉันเห่อของใหม่ อะไรที่ได้มายากๆ ยิ่งเป็นสิ่งที่เฮียฉันชอบมากที่สุดเพราะมันท้าทายความสามารถของเขาได้ดี แต่ถ้าเขาได้เธอแล้ว เธอก็จะโดนเขี่ยทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใยเช่นกันมันเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ที่เฮียฉันกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์เดจาวูเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ก็เฮียทั่นทำแบบนี้ทำไมละคะ!!” “เฮียทำอะไรครับ!!” เฮียทั่นใส่อารมณ์กับฉัน ฉันกำหมัดแน่นดวงตาสั่นไหว ทำไมทำไมฉันต้องรักเขาเกินไปมากกว่าพี่ชาย สิ่งที่ฉันทำอยู่ในสายตาของคนอื่นใครๆ ก็คิดว่าฉันหวงพี่ชาย และคนอื่นก็ไม่ได้คิดอะไรกับสิ่งที่ฉันทำอารมณ์เสียใส่เฮียทั่น พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา “เฮียทั่นมัวเอาผู้หญิงไปวันๆ วันๆ หนึ่งเฮียนอนกับผู้หญิงกี่คน มักง่ายสำส่อน! ไม่กลัวบ้างเหรอคะ โรคนะเดี๋ยวสักวันเฮียก็เป็นโรคตาย!” “มันจะมากไปแล้วนะเจ้านาง เธอเป็นแค่น้องสาวอย่ายุ่งอะไรกับชีวิตของเฮียให้มาก!!” เฮียทั่นตะโกนใส่ฉันทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ฉันว่าฉันจะไม่ร้องแล้วนะแต่ฉันไม่ไหวแล้ว “ฮืออึก” “เฮียขอโทษเจ้านาง” เฮียทั่นที่เห็นว่าฉันกำลังยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา เขาก็เอ่ยบอกฉันอย่างเสียงแผ่วเบา พรึบ “ไม่ต้องมาจับ!!” ฉันผละตัวหนีออกจากเฮียทั่นที่เขากำลังจะเดินเข้ามาหาฉัน “เจ้านาง” เฮียทั่นเรียกฉันด้วยนำ้เสียงแผ่วเบา “เฮียทั่นไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เจ้านางจะไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณพ่อคุณแม่รู้หรอกค่ะ เจ้านางขอตัว!” ฉันพูดเสร็จก็ไม่รอให้เฮียทั่นพูดอะไร ฉันก็วิ่งหันหลังออกมาจากห้องเฮียทั่นทันที “เจ้านาง ไม่ใช่แบบนั้นครับ!!” เฮียทั่นวิ่งตามหลังฉันมาติดๆ พร้อมกับเอ่ยเรียกฉันตลอดทาง แต่ฉันไม่ได้หันกลับไปมองเขา วิ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด มือก็ปาดนำ้ตาที่ไหลรินไปด้วย ปึกๆๆๆ “เปิดสิเปิดๆๆ!!” ฉันโวยวายเอามือทุบลิฟต์ให้เปิดออก ติ๋ง “เจ้านาง” เสียงเฮียทั่นเรียกฉันมาติดๆ แต่โชคดีที่ประตูลิฟต์เปิดก่อน ฉันจึงวิ่งเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นหนึ่งที่ฉันจะลงไป “เจ้านาง!!” เฮียทั่นวิ่งมาถึงหน้าลิฟต์พร้อมกับประตูลิฟต์ที่ปิดลง “ฮืฮๆๆๆ” ฉันทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพลางร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟาย กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องมาแอบร้องไห้ไม่ให้คนอื่นเห็นว่าผู้หญิงที่เก่งตบตีกับคนอื่นที่เข้ามายุ่งกับเฮียทั่นของฉันไปวันๆ ก็ร้องไห้เป็นเหมือนกัน ฉันเองก็มีหัวใจเหมือนกัน เจ็บเป็น ร้องไห้เป็น ทำไมเฮียไม่เชื่อสิ่งที่ฉันขอร้องเขา ปิ๋ง “ว๊าย! ผีลิฟต์หลอก!!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นหลังจากที่ประตูลิฟต์เปิด “ฟางข้าว” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองมัน มันก็เบิกตาขึ้นอย่างตกใจ “เจ้านางเหรอวะ?!” “ทำไมสภาพแกเป็นแบบนี้เนี่ย!!” ยัยฟางข้าวโวยวายขึ้นด้วยความเป็นห่วงฉัน และมันก็วิ่งมาพยุงร่างฉันให้ออกมาจากลิฟต์ “มีคนไหม?” ฉันเอ่ยถามยัยฟางข้าวไป มันก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ เอ้ามันจะให้ศัตรูของฉันมาเห็นฉันในสภาพนี้นะเหรอ รองเท้าส้นสูงของฉันก็เอาไปทิ้งไว้ที่ไหนไม่รู้เนี่ย สงสัยฉันจะถอดโยนทิ้งไว้ระหว่างทางที่ฉันวิ่งหนีเฮียทั่นที่ชั้นผู้บริหารนะแหละมั้ง “ไม่มีย่ะ!” ยัยฟางข้าวหดหัวกลับมาหลังจากมันชัโงกหน้าออกไปดูหน้าลิฟต์ว่ามีใครอยู่ไหม “ฮือๆ ฟางข้าวแกพาฉันกลับคอนโดหน่อย” ฉันออดอ้อนยัยฟางข้าวทันที มันก็ถอยหายใจอย่างเหนื่อยใจแต่มันก็ยอมพยักหน้าให้ “เอ่อๆๆ ไปๆๆ” ยัยฟางข้าวบอกฉันและก็ค่อยๆ พยุงร่างฉันให้เดินตามมันไป พรึบ “อะไรของแกเนี่ย!!” ฉันโวยขึ้น เมื่อยัยฟางข้าวเอาเสื้อช้อปสีแดงมาคลุมหัวฉันกับหัวมัน เสื้อช้อปของฉันไม่มีเพราะลืมไว้ที่บ้านไอ้ซัน “ปิดไว้เผื่อมีใครมาเห็น!!” ยัยฟางข้าวบอกฉันด้วยนำ้เสียงเป็นห่วง ฉันยิ้มอย่างซาบซึ้งไม่ว่าฉันจะเหงาจะเศร้าจะทุกข์ขนาดไหนก็มีมันนี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนฉัน “ฉันรักแกนะฟางข้าว” ฉันบอกฟางข้าวไปด้วยน้ำเสียงน่ารัก “เปลี่ยนจากบอกรักไปอ่อยน้องไมค์ให้ฉันหน่อย” แหนะ! กูว่าแล้ว ยัยฟางข้าวมันมีแผน อีเพื่อนบ้า!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD