วันเดียวกัน
13:30น.
มูลนิธิ ความสุข...
เจ้านาง พรรณนิชา....
“เจ้านาง เธอมาทำไรที่นี้?”ซันเอ่ยถามฉันพลางทำสีหน้าหมาสงสัย ทันทีที่เราลงมายืนหน้าสถานที่ที่เรียกว่า ความสุขหรือที่จริงแล้วที่นี้คือสถานที่รับเลี้ยงและดูแลผู้พิการทางสายตา โรงเรียนสอนคนตาบอดน่ะ ฉันกับคุณแม่เรียกที่นี้ว่าสถานที่มอบความสุข
“เอาเข้าไปไว้ข้างในเลยค่ะพี่”ฉันไม่ได้ตอบไอ้ซันแต่หันไปคุยกับพนักงานขนของที่พากันขนพวกหนังสือโต๊ะเรียนเก้าอี้รวมไปถึงชั้นหนังสือและโทรทัศน์ สถานที่นี้เป็นที่ที่ฉันกับคุณแม่สร้างกันขึ้นมาโดยที่คนข้างนอกไม่ค่อยรู้เพราะเราไม่ได้อยากได้หน้านะ พวกเราเป็นผู้ปิดทองหลังพระ สถานที่นี้ถูกก่อตั้งมาได้สามปีแล้วล่ะ
“สวัสดีค่ะคุณเจ้านาง^_^”คุณครูชบารีบเดินมายกมือไหว้ฉัน ฉันก็ยกมือไหว้เธอกลับ เธอเป็นคุณครูสอนเด็กๆผู้ยากไร้พวกนี้และดวงตาข้างซ้ายของเธอก็มองไม่เห็นเช่นกัน
“สวัสดีค่ะครูชบา^_^”
“นี่คุณครูชบา”ฉันหันไปแนะนำให้ซันรู้จักกับคุณครูชบา ไอ้ซันก็ยกมือไหว้ครูชบาอย่างนอบน้อม
“นี่ซันเดย์ค่ะ เป็นเพื่อนของเจ้านางเอง”ฉันก็แนะนำไอ้ซันให้คุณครูชบาได้รู้จักหลังจากที่เธอยกมือรับไหว้ไอ้ซันเสร็จแล้ว เธอก้มหัวนิดหนึ่งเพื่อเป็นการยอมรับและรู้จัก
“วันนี้คุณหญิงไม่ได้มาด้วยเหรอคะ?”
“พอดีคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวต่างประเทศนะคะ^_^”
“อ๋อค่ะ งั้นเชิญคุณเจ้านางกับคุณซันข้างในดีกว่าค่ะ เด็กๆกำลังอ่านหนังสือกันอยู่เลย^_^”ครูชบาผายมือเชื้อเชิญฉันกับไอ้ซัน เราสองคนก็พยักหน้าให้เธอและพากันเดินตามหลังเธอไปยังห้องเรียนที่หรูหราและทันสมัยเพราะคุณแม่ฉันให้ความสำคัญกับที่นี้เป็นอย่างมาก
“ว้าวอย่างกับในพระราชวังแหนะ”ทันทีที่ไอ้ซันเดินเข้ามาภายในห้องโถงขนาดใหญ่มันก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจและทึ้งกับความตรงหน้าฉันก็ส่ายศีรษะไม่มาอย่างนึกขำกับท่าทางของมัน ที่นี้ไม่เหมือนสถานที่รับเลี้ยงให้โอกาสผู้พิการทางสายตาแต่เหมาะกับเป็นโรงแรมหรือบ้านของพวกคนมีเงินมากกว่านะ ทุกๆอย่างที่อยู่ในนี้ถูกตกแต่งให้นี้คือฝีมือของคุณแม่กับฉันเอง เป็นยังไงล่ะทึ้งเลยใช่ไหมล่ะ เราสองคนช่วยกันสานฝันของคุณยายที่เคยพูดไว้ว่าอยากมีมูลนิธิเป็นของตัวเองเพื่อเป็นที่พึ่งพาให้คนยากไร้ได้มีที่พัก ที่นี้ไม่ได้มีผู้พิการทางสายตาแต่อย่างเดียวยังมีพวกคนชราที่ลูกถูกทอดทิ้งและรวมไปถึงบุคคลที่ยากไร้ไม่มีบ้านพักอาศัย และคนที่นี้รักใคร่กันเป็นอย่างดี ทุกคนจะช่วยกันทำผักสวนครัวอยู่ด้านหลังตึกนี้เพื่อเอามาทำอาหารกินกัน
“นางฟ้ามา”ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาพวกคุณยายที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็รีบเรียกฉันและทำท่าจะรีบวิ่งเข้ามาหาฉัน ฉันจึงต้องรีบวิ่งเข้าไปหาพวกท่านก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย หนูมาหาเองดีกว่านะคะ^_^”ฉันเข้าไปจับแขนของยายชราท่านหนึ่งซึ่งท่านนี้ฉันเพิ่งจะไปเจอท่านที่ข้างถนนเมื่ออาทิตย์ก่อน และพอสอบถามท่านดูก็พบว่าท่านเป็นโรคประจำตัวคือโรคอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรงมาก มากจนท่านหาทางกลับบ้านไม่เจอถามอะไรท่านก็ไม่รู้ ฉันจึงพาท่านมาที่นี้แล้วให้คุณหมอที่โรงพยาบาลของคุณแม่มาตรวจร่างกายของท่านดูและก็พบว่าท่านเป็นโรคความจำเสื่อมขั้นรุนแรงเลยล่ะ แต่ดูเหมือนครอบครัวของท่านจะดูแลท่านเป็นอย่างดีนะเพราะท่านได้รับการรักษานะเห็นคุณหมอเขาพูดแบบนี้
“หนูดีใจจังที่คุณยายจำหนูได้^_^”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกว้างขึ้นอย่างดีใจที่ท่านจดจำฉันได้ คุณหมอบอกว่าท่านจะจำปัจจุบันไม่ได้แต่ท่านจะจำแต่อดีตได้แต่น่าแปลกที่ท่านจดจำฉันได้ทุกครั้งเลย ฉันจะมาแค่อาทิตย์ละครั้งเองนะ
“หนูเป็นนางฟ้านางสวรรค์^_^”คุณยายเอ่ยชมฉันพลางจับมือของฉันไปแนบกับแก้มของท่าน ฉันก็ยิ้มและหันไปยิ้มให้ไอ้ซันที่ยืนมองฉันกับคุณยายและก็แอบยิ้มเหมือนกัน มันคงจะไม่เคยเห็นโมเมนต์แบบนี้ของฉันละมั่ง
“ไม่ใช่หรอกครับคุณยาย ยัยนี่นะเป็นนางมารร้าย^_^”
“ซันเดย์!!”ฉันหันขวับกลับไปมองไอ้ซันอย่างเอาเรื่อง ที่มันกล้าว่าฉันต่อหน้าคนหลักคนใหญ่ ไอ้นี้ไม่รู้กาลเทศะซะแล้ว!
“ไม่จริงแม่หนูสวยงาม สวยทั้งกายและใจ”ฉันหันไปยกยิ้มอย่างผู้ชนะใส่ไอ้ซันเดย์ มันไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย ทำรอยหน้ารอยตาล้อเลียนฉัน เดี๋ยะเถอะ!
“ขอบคุณนะคะคุณยาย^_^”ฉันยกมือขึ้นไหว้คุณยาย คุณยายก็มองฉันอย่างเอ็นดูพลางมองไปที่ไอ้ซันแฃะทำท่านึกคิดอะไรอยู่พักใหญ่
ติ๋งงง
“แปปนะมี๊โทรมา”ไอ้ซันที่หยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลักหมื่นของมันก็หันมาเอ่ยบอกฉัน ฉันก็พยักหน้าให้มัน แล้วมันก็เดินออกไปรับสายแม่ของมันอย่างไวเพราะแม่ของซันค่อนข้างจะเคร่งขรึมเรื่องมารยาทเยอะมาก แต่ท่านชอบและเอ็นดูฉันมากๆๆเลยนะ ชอบจนไอ้ซันอิจฉาอ่ะเพราะมันเป็นลูกคนเดียวและเป็นลูกชายแม่ของซันชอบเด็กผู้หญิงและคิดว่าพอไอ้ซันเกิดมาจะเป็นผู้หญิงเลยตั้งชื่อว่าซันเดย์แต่พอไอ้ซันเกิดมาดั้นเป็นผู้ชายท่านก็นึกเสียดายแต่ทำไงได้ล่ะก็ลูกหนิเนอะ
“วันนี้นางฟ้าของยายเอาขนมอะไรมาเหรอ?”คุณยายเอ่ยถามฉันพลางสอดส่องสายตาไปตามร่างกายขอฃฉันเพื่อหาขนม ฉันจึงยิ้มให้คุณยาย
“ด้านนู้นค่ะ ขนมของคุณยาย^_^”ฉันชี้ไปยังห้องอาหารที่มีคนกำลังพากันถือถาดขนมเต็มถาดหลายถาดเดินเข้าออกห้องนั้นกันจ้าละหวั่น
“งั้นไปได้ไหม?”คุณยายหันกลับมามองฉันด้วยแววตาลุกวาวเมื่อเห็นถาดขนมหลายถาด
“ได้ค่ะ เชิญตามสบายเลยค่ะคุณยาย^_^”ฉันเอ่ยบอกคุณยาย ท่านก็ยิ้มหวานและรีบเดินไปยังห้องอาหารทันที ฉันเมื่อเห็นว่าท่านหยิบขนมขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุขฉันจึงหันมองไปรอบๆห้องสมุดก็พบกับเด็กๆมากมายที่ต่างอายุกันไปเริ่มตั้งแต่เจ็ดขวบยังมีเลยจนไปถึงอายุสามสิบ ฉันจึงเดินเข้าไปหาพวกเขาที่กำลังใช้นิ้วเรียวลูบสมุดที่ถูกทำมาให้ผู้พิการทางสายตาได้อ่านเพราะมีตัวอักษรนูนขึ้นมาเป็นตัวและเป็นคำพวกเขาเลยอ่านได้และอ่านออกเพราะที่นี้มีครูสอนหนังสือด้านนี้โดยเฉพาะ
“อ่านเรื่องอะไรอยู่จ๊ะ?”ฉันก้มหน้าลงไปถามเด็กผู้หญิงที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอมืดบอดเธอกำลังยิ้มที่มุมปากของเธอเหมือนเรื่องที่อ่านมีฉากสนุกๆอยู่
“เรื่องสาวน้อยตาบอดค่ะ^_^”เธอตอบฉันมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอเงยหน้าขึ้นมาหาฉันและทำมือยื่นเหมือนจะคลำหาอะไร
“หนูมีของจะให้พี่เจ้าค่ะ^_^”เธอเอ่ยบอกฉันและเธอก็หยิบกระดาษแผ่นสีเหลี่ยมมายื่นให้ฉัน
“อะไรนะ?”ฉันเอ่ยถามเธอไปด้วยนำ้เสียงดีใจและยื่นมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาและก็เห็นตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยลายมือและตัวตรงเท่ากันเหมือนเขียนอยู่ในบรรทัด ฉันก็มองไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้นพลางอึ้งที่เธอเขียนมันให้ฉันและในกระดาษแผ่นนั้นมีรูปฉันและรูปของคุณแม่ฉันที่ถูกวาดด้วยมือและลงสีด้วยสีไม้อย่างสวยงาม
“หนูทำได้ยังไงกันคะ?”ฉันนั่งยองๆลงไปตรงหน้าเธอพลางเอ่ยถามเธอด้วยความสงสัย
“คุณครูนทีสอนหนูค่ะพี่เจ้าชอบไหมคะ?”เธอทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลฉันจึงยื่นมือไปลูบแก้มนวลใสของเธอด้วยความเอ็นดู
“ชอบสิจ๊ะ ชอบมาก ขอบคุณมากๆเลยนะคะ^_^”ฉันพูดออกมาจากใจจริงๆของฉัน บางคนอาจจะมองว่าฉันหยิ่งและถือตัวแต่พวกเขาไม่เคยมองตัวฉันให้ลึกๆเลยว่าฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ถ้าดีกับฉันก่อน ฉันก็จะดีกลับเหมือนกัน แต่ถ้าร้ายมา รับรองเจอฉันร้ายกลับไปเป็นพันเท่าแน่นอนหึ!
“หนูดีใจนะคะที่พี่เจ้าชอบ^_^”
“จ๊ะ^_^”
“เจ้านาง!”เสียงของไอ้ซันดังเรียกฉันมาแต่ไกลฉันจึงหันกลับไปมองทางมัน ก็เห็นว่ามันวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามาหาฉัน
“มีอะไร?”ฉันลุกขึ้นยืนและเอ่ยถามไอ้ซันที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี
“วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณแม่ฉัน ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ย!”ไอ้ซันมีเหงื่อไหลอาบเต็มหน้า สงสัยแม่มันคงจะด่ามันมาแน่ๆ
“แล้ว?”
“เธอต้องไปงานคืนนี้กับฉัน เพราะเธอจะช่วยฉันได้”ไอ้ซันคว้าข้อมือฉันพลางออกแรงจะลากฉันไป
“เห้ยๆเดี๋ยวๆ”ฉันท้วงขึ้น
“ไปเถอะนะฉันขอร้อง”มันทำสีหน้าอ้อนฉันสุดฤทธิ์
“ฉันไปกับนายอยู่แล้ว แต่ฉันขอบอกน้องก่อน”
“เห้อค่อยยังชั่ว ได้ๆๆ”
“พี่กลับก่อนนะจ๊ะ ไว้พี่จะมาหาหนูอีกนะขอบคุณสำหรับของขวัญที่ดีที่สุดของพี่จ๊ะ”ฉันก้มหน้าลงไปพลางจับมือของน้องผู้หญิง เธอก็ยิ้มและพยักหน้าให้ฉัน
“ฟอดดด ฟอดดเป็นเด็กดีนะ”ฉันหอมแก้มทั้งสองข้างของน้องผู้หญิงไป
“ค่ะ^_^”
“บ๊ายบายจ๊ะ”ฉันยกมือบ๊ายบาย
“บ๊ายบายค่ะพี่เจ้า^_^”น้องเองก็ยกมือมาโบกมือบ๊ายบายให้ฉัน
“เธอนี่ก็มีโมเมนต์น่ารักๆแบบนี้เหมือนกันเนอะ”ไอ้ซันเอ่ยกระซิบบอกฉันในขณะที่มันเดินตามฉันออกมาจากห้องสมุด
“แน่นอนยะ!”ฉันพูดกระแทกเสียงใส่มันและเดินไปหาคุณยายที่ยังคงง่วนอยู่กับการกินขนมอย่างมีความสุข
“คุณยายคะ”ฉันเอ่ยเรียกคุณยาย
“หนูกลับก่อนะคะไว้วันหลังหนูจะมาเยี่ยมอีกนะคะ”
“อืมได้ เอาขนมมาอีกนะ”คุณยายเงยหน้าขึ้นมามองฉันริมฝีปากของท่านมีขนมติดเต็มไปหมด ฉันจึงชี้นิวมือมีที่ริมฝีปากของฉันเพื่อทำท่าให้ท่านได้รู้ว่าริมฝีปากของท่านเลอะอยู่
“ก็มันอร่อยหนิ^_^”ท่านหยิบกระดาษทิชชูเช็ดไปที่ริมฝีปากของท่านอย่างไว ฉันก็ยิ้มให้ท่าน
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะสวัสดีค่ะ^_^”ฉันยกมือไหว้ลาคุณยาย
“สวัสดีครับ”ไอ้ซันก็ยกมือขึ้นไหว้ลาคุณยายเช่นกัน
“อืมๆไปเถอะ”
“ค่ะ^_^”
“ครับ^_^”
ทั้งฉันและไอ้ซันก็พากันเดินออกมาจากมูลนิธิของคุณแม่มุ่งหน้าไปยังโรงจอดรถที่มีรถสปอร์ตของไอ้ซันจอดอยู่ วันนี้ฉันให้ไอ้ซันไปรับฉันที่บ้านโดยในจังหวะที่ฉันเดินออกมาหาไอ้ซันเป็นจังหวะเดียวกับที่เฮียทั่นแต่งตัวหล่อเดินไปขึ้นรถของเขาเหมือนกัน เราสองคนสบสายตากันแวบหนึ่งแต่ก็เป็นเฮียทั่นที่หลบสายตาฉันไป หึเรารักกันไม่ได้อย่างงั้นเหรอ ถ้ามันทำได้ง่ายๆตั้งแต่แรกก็ดีนะสิ ฉันจะได้ไม่ต้องรักเขา
“เรารักกันได้ไหมซัน?”ฉันเอ่ยถามไอ้ซันในขณะที่เราสองคนอยู่บนรถและไอ้ซันก็ขับรถออกมาจากมูลนิธิได้หลายกิโลเมตรแล้ว
“อะอะไรนะ?”ไอ้ซันหันมาถามฉันอย่างตกใจในคำถามของฉัน
“แกฟังไม่ผิดหรอก”ฉันมองหน้ามัน มันก็มองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหว
“ถ้าแกรัก......”ไอ้ซันหันไปมองท้องถนนและมันก็พึมพำประโยคที่ฉันฟังไม่ค่อยชัดขึ้นมา มันพูดอะไรของมัน
“แกพูดว่าอะไรนะ?”ฉันเอ่ยถามไอ้ซันไปอย่างสงสัย มันก็หันมายิ้มบางๆให้ฉัน
“แกจะรักใคร แต่ยังไงแกก็ต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับฉันอยู่แล้ว เราจะรักหรือไม่ได้รักกันแต่เราก็ไม่มีสิทธิ์เลือก”ไอ้ซันพูดขึ้นด้วยนำ้เสียงจริงจังแววตาของมันกำลังฉายแววสะท้อนของความเจ็บปวดขึ้นมาในดวงตาคู่สวยของมัน
“นั่นสิเนอะต่อให้แกรักคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันยังไงไปแกก็ไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเธอคนนั้นได้ เราสองคนควรจะเลิกไปเปิดใจให้คนอื่นและหันกลับมาเปิดใจให้กันและกันได้แล้วเนอะ^_^”ฉันพูดเสร็จก็ยื่นมือไปผลักศีรษะของไอ้ซันไม่แรงมากเหมือนหยอกล้อมัน
“นี่เจ้านาง!!”ไอ้ซันหันมาแยกเขี้ยวใส่ฉันอย่างเอาเรื่องฉันจึงเเลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนมันและเราสองคนก็หยอกล้อกันไปมา อย่างสนุกสนาน ใช่ซันเดย์พูดถูกต่อให้เราสองคนรักคนอื่นแต่ยังไงเราก็ใช้ชีวิตร่วมกับเขาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าธุรกิจครอบครัวของเราสองคนมันเป็นสิ่งที่ต้องจุนเจือและช่วยเหลือกันและกันแบบนี้ไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานนู้นแหละ