First met

879 Words
สิบสี่ปีก่อน “วันนี้กุ๊กทำการบ้านเสร็จแล้ว มาช่วยแม่เสิร์ฟกับข้าวจ้ะ”  ฉันในวัยสิบสี่ปีเรียนอยู่ชั้นม.3 ใส่ชุดนักเรียนที่ปลดเนคไทด์ออกสวมผ้ากันเปื้อนทับมาช่วยพ่อกับแม่ทำงาน จริงๆ ในร้านก็มีพี่คนอื่นในร้านมาช่วยด้วยแต่ฉันก็อยากจะมาช่วยแบ่งเบาพ่อกับแม่ มือเกี่ยวผ้าปิดปากสวม แม่ยิ้มแล้วลูบหัวฉัน “ขอบใจลูก แม่ทำวุ้นเย็นไว้ในตู้เย็น เหนื่อยๆ ก็ไปกินนะ”  “ค่า”  ฉันรับยิ้มยิ้มหวานแล้วเดินไปรับออร์เดอร์โต๊ะที่เข้ามาใหม่ พ่อของฉันเป็นพ่อครัวใหญ่ของร้าน แม่เองก็เป็นแม่ครัว พ่อกับแม่เคยเป็นเชฟในโรงแรมมาก่อน พอแต่งงานเลยออกมาเปิดร้านเอง ทำเลแถวโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ค่อนข้างดี ร้านก็ขยายขึ้นเรื่อยๆ  ไม่นานพ่อกับแม่ก็มีฉัน จนตอนนี้ฉันอายุ 14 ปี “เอากะเพราหมูกรอบ ผัดผักบุ้งไฟแดง ต้มยำกุ้งแม่น้ำครับ เป็นกับแยก ข้าวอีกหนึ่งโถ พวกมึงเอาอะไรอีก”  อาหารสามอย่างกับผู้ชายวัยมหา’ ลัยหกคนดูจะน้อยไปจริงๆ “ปลาทอดราดพริกกับ..ปูผัดผงกะหรี่” ผู้ชายอีกคนพูดหลังจากปิดเมนู แล้วผู้ชายอีกคนก็พูดปิดท้าย “ยำวุ้นเส้นหมูยอครับ เป็นน้ำเปล่าทั้งหมด”  เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงดูสง่า ท่าทางสุขุม ใบหน้าเรียบเฉยสวมแว่นไร้กรอบ เส้นผมสีดำตัดสั้นเรียบร้อย ดูเป็นคนที่เพื่อนๆ ยอมฟังดูจากบทสนทนาต่อมา “ไอ้วิน สักหน่อยไม่ได้เหรอวะ เพิ่งสอบกรอส (gross anatomy) เสร็จทั้งที” คนใส่แว่นตอบเรียบๆ  “พรุ่งนี้มีคาบฟิสิโอ (Physiology : สรีรวิทยา) อ.กิ่งเช้า จะตื่นไหวรึไง” “ขืนสายเจ้แกปิดประตูห้องแถมสวดยาวเหมือนคลาสก่อนแน่ ขนลุกว่ะ”  “ก็จริง เออๆ น้ำเปล่าครับน้อง”  “ค่ะ” ฉันจดออเดอร์แล้วรับคำเบาๆ  กลุ่มเพื่อนคุยกันอย่างออกรสในภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ รู้เพียงแค่ว่าวิชาต่างๆ ที่ว่ามาน่าจะเป็นของนิสิตแพทย์ เลยมองป้ายชื่อนิสิต สายตาคมๆ ภายใต้แว่นไร้กรอบมองมาที่ฉันแวบนึงก่อนจะถอนสายตากลับไป ถึงได้รู้ว่า ...เขามีดวงตาสีฟ้าอมเขียว (!?) ฉันเดินเอาใบออร์เดอร์เสียบคิวแล้วส่งเข้าครัว ครัวที่ร้านเป็นครัวเปิดอยู่ตรงกลางติดไปด้านหลังร้าน ทำให้ลูกค้าได้เห็นครัวที่สะอาดและการทำงานของพ่อครัวหลายคนไปด้วย ฉันถือถาดใส่แก้วน้ำวางตรงข้างโต๊ะ มีพี่แจงถือถังน้ำแข็งกับขวดน้ำสะอาดตามมา แล้วฉันใช้ที่คับน้ำแข็งใส่แก้วทีละใบ รินน้ำเสิร์ฟตามปกติ ระหว่างกำลังส่งแก้วน้ำให้แก้วสุดท้าย มีของหล่นจากกระเป๋าเสื้อนักเรียน เป็นพวงกุญแจรูปหูฟังหมออันเล็ก “น้อง สนใจเรียนหมอเหรอครับ” พี่คนหนึ่งพูดยิ้มๆ  ฉันส่ายหน้าที่ปิดแมสก์ไว้ “หนูกำลังจะเลือกสายม.ปลายค่ะ ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร”  “ดีแล้วน้อง หนีไป~” พี่คนนี้ทำท่าโหยหวนแล้วฟุบกับโต๊ะ ฉันหัวเราะเบาๆ ใต้ผ้าปากก่อนจะรีบเก็บอาการแล้วบอก “อาหารได้แล้วหนูจะเอามาเสิร์ฟนะคะ”  หันหลังเดินห่างมาด้วยใจที่เต้นรัว ...สายตาคู่คมมันให้ความรู้สึกหวั่นๆ  ตอนนั้นเหมือนอยากลองเล่นกับความกลัวของตัวเอง อาหารทุกจานฉันก็เลยเป็นคนยกไปเสิร์ฟทั้งหมด พี่ๆ ก็ร่าเริงดี ค่อนข้างสุภาพกันด้วย จะมีก็แต่เจ้าของดวงตาที่ฟ้าอมเขียวคนนั้นที่พูดน้อยกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว หลังจากทุกคนจัดการอาหารที่สั่งเรียบแถมยังชมไม่ขาดปาก ฉันก็ยื่นบิลค่าอาหาร เพื่อนๆ ก็พากันอวยพรคนใส่แว่นคนเดียวในกลุ่ม “จัดไปไอ้วิน หึๆๆ”  “เป็นเวรกรรมของมึงเองนะเพื่อน”  “โชคดีครับป๋า”  “ตามมาแล้วขอบัตรนวดฟรีด้วยนะครับป๋า”  อีกคนแค่ยิ้มตบบ่าแล้วตามคนอื่นที่รออยู่หน้าร้าน พวกเขาห้าคนกอดคอกันโบกมือลาฉันเดินออกร้านไป พี่คนนี้เลยควักเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าเอือมๆ  “นี่ครับ”  “ให้เพื่อนทำแบบนั้นดีเหรอคะ” ด้วยความที่ยังเด็ก ฉันเลยถามออกไป เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นยิ้มบางๆ  “ไม่เป็นไร ตกลงกันไว้แล้ว”  ฉันพยักหน้ารับเงินแล้ววิ่งไปเอาเงินทอนมาให้ คนตัวสูงส่ายหน้า  ยัดเงินทอนกลับลงมือฉันแล้วพูด “น้องเองได้ยินว่าจะเลือกสาย คิดให้ดีนะ มองให้รอบด้าน เป็นหลักคือความชอบความถนัดของเรา สมัยนี้แล้วอาชีพสุจริตไหนก็มีค่าทั้งนั้น”  ฉันกะพริบตาปริบๆ พยักหน้าแล้วยกมือขอบคุณ เขายิ้มแล้วเดินจากไป .....ถึงจะดูเย็นชาแต่เขาก็ใจดีเหมือนกันนะ ก้มมองเงินทอนกว่าสี่ร้อยบาทในมือ เป็นทิปที่เยอะที่สุดที่เคยได้มาเลย และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอเขา นสพ.เทวัญ หิรัณยวัตธนิสร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD