“เดี๋ยวนี้คุณไม่ค่อยมาหาฉันเลยนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อร่างสูงที่ตระกองกอดหลังเสร็จกิจพิศวาทแสนเร่าร้อน มือเรียวลูบไล้เรือนกายกำยำของเขาอย่างหลงใหล ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยรู้สึกดีกับผู้ชายคนไหนเท่าบุรุษรูปงามผู้นี้มาก่อน ชายหนุ่มเป็นมากกว่าคนรัก แต่เขาคือคนที่ทำให้เธอกล้าที่จะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
“ผมต้องทำงานหนักขึ้น เพราะตอนนี้พี่ชายของผมเริ่มจับผิดผมอยู่” เสียงเข้มเอ่ย
“ทำไมพี่ชายคุณต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ ตำแหน่งก็ได้ไปแล้วแต่ทำไมยังวุ่นวายกับคุณอยู่ ฉันไม่เข้าใจเลย”
หญิงสาวไม่เข้าใจปัญหาระหว่างเขากับพี่ชายร่วมสายเลือดที่มีมานานจนเป็นข่าวลือไปทั่ว
แต่ดูเหมือนชายคนรักยังหาทางแก้ไม่ตกว่าจะทำเช่นไร
“คนโลภมันไม่เคยพอใจสิ่งใดง่ายๆ หรอก” น้ำเสียงเข้มเย้ยหยัน รอยยิ้มดูแคลนปรากฏบนเรียวปากหยัก
“แต่ฉันเชื่อว่าสักวันคนที่คิดไม่ซื่อต่อคุณจะต้องแพ้ภัยตัวเอง” หญิงสาวยิ้มหวาน ใบหน้าหล่อเหลามองคนในอ้อมกอดแล้วยิ้มกว้าง
“ช่วงเวลาแบบนี้คุณคือที่สุดสำหรับผมจริงๆ”
ไม่พูดเปล่าทว่ายังสวมกอดร่างแน่งน้อยแนบแน่น จมูกโด่งบรรจงหอมแก้มนวลระเรื่อ
“ฉันอยากให้คุณสมหวังทุกสิ่งอย่าง” หญิงสาวจูบปากร่างสูงที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนาร่วมกับตน
“คุณเป็นคนเดียวที่เข้าใจผมที่รัก ผมชอบคุณ… น้ำเพชร”
ชายหนุ่มเอ่ยกระซิบ กลิ่นน้ำหอมของเธอปลุกกระตุ้นหัวใจแกร่งให้ตื่นขึ้นมารับสัมผัสหวามอีกครั้ง
น้ำเพชรยินยอมรับความสุขจากเขาด้วยความเต็มใจ แต่สิ่งที่เธออยากได้ยินมากที่สุดคือคำว่า ‘รัก’ ออกจากปากของคนที่ได้ครอบครองเรือนร่างตนเสมอมา
‘ฉันจะมีโอกาสได้ยินคำๆ นั้นจากคุณไหมคะ มาร์ติน’
“พี่อิจฉาน้ำจริงๆ ที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั้งๆ ที่อายุยังน้อยอยู่เลย” ชลิตา พี่สาวคนสนิทเอ่ยกับร่างบางยามที่ช่วยจัดเก็บข้าวของใส่กล่องกระดาษใบโต คนถูกชมยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ ความพยายามที่เพียรกระทำสำฤทธิ์ผลเช่นนี้คงไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลอีกต่อไป
“หนูก็แค่ขยัน อดทน และพยายามไม่สนใจเรื่องของคนอื่นนอกจากตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองค่ะพี่ตา”
หญิงสาวว่าพลางมองถัดไปยังโต๊ะพนักงานที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังซุบซิบนินทา ทำตัวปากยื่นปากยาวชะงักงันเป็นแถว ทุกคนในที่นี้รู้โดยทั่วกันว่าน้ำเพชรเป็นคนเช่นไร ภายใต้ใบหน้าอ่อนหวานที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาหาใช่จะโกรธเคืองใครไม่เป็น
“อ้อ… ถ้าน้ำหมายถึงพวกหมาเห่าใบตองแห้งล่ะก็พี่ว่าอย่าไปสนใจหรือให้ราคาคนจำพวกนั้นเลยจ้ะ วันๆ ก็เอาแต่ว่าร้ายผู้อื่นและพูดดีเข้าตัวเป็นงานหลัก ไม่เห็นจะทำอะไรจริงๆ จังๆ สักอย่าง” ชลิตาได้ทีจึงรีบผสมโรง เธอเองก็ไม่ชอบพวกปากเปราะเช่นกัน
“พี่ตา พี่ว่าใครไม่ทราบ”
ตรีรัตน์ สาวสวยประจำแผนกปรี่เข้ามาหารุ่นพี่ที่ทำงานมานานกว่าตน ชลิตาเบ้ปากพลางมองไปทางอื่น การกระทำเมินเฉยยิ่งกระตุ้นต่อมโกรธของอีกฝ่ายให้ลุกโชน
“พี่ตา ตรีถามว่าพี่ว่าใคร!?” ตรีรัตน์กัดฟันกรอด
“พี่ก็พูดไปเรื่อย ใครอยากรับก็รับไปสิ พี่ไม่ได้ห้ามเสียหน่อย” ชลิตาทำหน้าใสซื่อ
“แต่ตรีรู้ว่าพี่ว่าตรีกับเพื่อน”
“น้องตรีคิดมากไปเองหรือเปล่าจ้ะ พี่น่ะหรือจะว่าน้องตรี บ้าบอ” ชลิตาพูดแล้วยกมือป้องปากหัวเราะ
“เพราะตรีรู้ไงคะว่าพี่กับคนบางคนเกลียดขี้หน้าตรี” หญิงสาวเบนสายตามองไปทางน้ำเพชร
“อย่ามาหาเรื่อง วันนี้เป็นวันดีฉันไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ถ้าต้องการส่วนบุญเดี๋ยวพรุ่งนี้จะใส่บาตรอุทิศไปให้”
น้ำเพชรตอกกลับด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ ร่างบางยกกล่องใบโตที่บรรจุอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานส่วนตัวเดินหายเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นที่ทำงานแห่งใหม่ของสาวเจ้า
“มันว่าตรี ได้ยินไหมว่ามันว่าตรี!” คนถูกสาดวาจาร้ายกาจอดรนทนไม่ไหว ดิ้นเร่าที่ไม่สามารถทำอะไรคนที่เกลียดได้
“พี่ก็ไม่เห็นว่าน้ำเขาจะเอ่ยชื่อเธอเลยสักคำ แล้วแบบนี้จะไปกล่าวหาเขาได้ยังไง” ชลิตาเข้าข้างอีกฝ่าย ตรีรัตน์เบิกตากว้าง
“ใช่สินะ ในเมื่อเป็นพวกเดียวกันก็ต้องปกป้องกันเป็นของธรรมดา”
“นี่ๆ อย่ามาพาลฉันนะยะ จะพูดจะจาอะไรหัดมีความเกรงใจเสียบ้าง อย่างน้อยๆ ฉันก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นพี่เธอ และที่สำคัญ” ชลิตามองไปทางประตูห้องอันเป็นตำแหน่งของผู้จัดการแผนก
“ตอนนี้น้ำเพชรเขาไม่ใช่ไก่กาแล้วนะยะ รายนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการแล้ว ต่อไปพวกเธอๆ ทั้งหลายก็ต้องเป็นฝ่ายให้ความเคารพยำเกรงเขา ไม่ใช่เที่ยวจิกกัดนินทาไปเรื่อยเหมือนแต่ก่อน เข้าใจไหมคะ!”
ชลิตาทิ้งประโยคให้ได้คิดก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องที่มีร่างบางกำลังจัดของอยู่ข้างใน ตรีรัตน์และกลุ่มเพื่อนมองความสำเร็จของบุคคลที่เกลียดด้วยความอิจฉาริษยา
“คอยดูนะ ฉันไม่มีวันให้แกได้ดีไปกว่าฉันหรอกนังน้ำเพชร!”
ตรีรัตน์กำหมัดแน่น กัดฟันพลางคิดไปถึงวันที่ได้ชำระล้างความในใจกับอีกฝ่าย
“เอาเป็นว่าผมขอจบการประชุมไว้เพียงเท่านี้นะครับ”
เสียงเข้มเอ่ยต่อหน้าพนักงานระดับผู้บริหารด้วยท่าทีสุขุมตามบุคคลิกประตำตัวอันเป็นที่คุ้นชินสำหรับผู้อื่น มาร์ตินกวาดตามองปฏิกิริยาของผู้ใต้บังคับบัญชา บางคนมีทีท่าทำราวกับต้องการจะเอ่ยสิ่งใดแต่ก็ชะงักงันเอาไว้ ซึ่งเขาไม่ชอบเลย ทำงานร่วมกันก็ควรกล้าที่จะเสนอความคิดเห็น ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือต่อต้านเขานั้นรับได้หมด ขอเพียงให้เต็มที่กับงานก็พอ
“คุณณรงศักดิ์มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่าครับ?” ประธานหนุ่มเอ่ยถามผู้อาวุโสมากกว่าตน
“ผมเพียงแต่คิดว่าเราน่าจะทำการขยายธุรกิจด้านสปามากกว่านี้ครับ ทางเกาะภาคใต้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายเดินทางไปพักผ่อนต่อปีนับพันคน และส่วนมากต่างเป็นพวกมีฐานะด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าเราเพิ่มศูนย์สปาที่ครอบคลุมครบวงจรเพิ่มไปอีกนอกเหนือจากสร้างร้านอาหารอย่างเดียว ผมคิดว่าเราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล” มาร์ตินตั้งใจฟังพลางกับคิดตาม ความจริงเขาเองก็เห็นด้วยกับข้อเสนออันล้ำค่า เพียงแต่ว่า…