ตอนที่1(ไคพิธิวัชร์เขา….คือใคร)

2063 Words
ไค พิธิวัชร์....... บ้านพักแถวชานเมือง สาธารณรัฐอิตาลี นิยามคำว่ารักของใครหลายคนคืออะไรกันเหรอครับ? การที่เราได้รักใครสักคนมันทำให้เรามีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ? เเล้วทำไมผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงทำไมผู้ชายถึงคู่กับผู้ชายไม่ได้ล่ะครับ? ความรักคืออะไร? “เห้อ” ผมถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดกับบทความบ้าๆ ของผมที่ผมคิดและหาข้อสรุปมันไม่เจอสักที “เป็นอะไรของมึงว่ะ?” เสียงไอโคเอ่ยถามผมขึ้นทำให้ผมละสายตาจากกระดาษสีเหลี่ยมไปมองหน้ามัน มันเป็นเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันกับผมน่ะครับ จะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ เรียกว่าเป็นทีมเดียวกันดีกว่า “ความรักคืออะไรว่ะ?” ผมเอ่ยถามมันไป มันก็ยักไหล่ให้ผม ผมก็ยิ่งถอนหายใจออกมาอีก และหันกลับมองไปทางหน้าต่างของห้องสี่เหลี่ยมนี้ พวกเราไม่ใช่คนดีหรอกครับและที่สำคัญไค ก็ไม่ใช่ชื่อของผม ผมเคยเกือบจะโดนติดคุกเพราะคดีฆ่าคนตาย ตกเป็นแพะนะครับ และที่สำคัญตอนนี้ผมตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องเพราะผมตกเป็นแพะรับบาปตั้งแต่อายุเก้าขวบหึๆ ตลกดีใช่ไหมครับชีวิตของผม ผมถึงตั้งคำถามกับตัวเองเรื่อยมาว่าความรักคืออะไร? “มีงานชิ้นใหม่ที่ประเทศไทย” เสียงเอ่ยขึ้นของผู้มาใหม่ทำให้ผมกับไอโคหันไปมองทางประตูทันที ก็พบกับผู้หญิงหน้าอกสบึ้มสวมชุดเดรสสีทองรัดรูปเดินหอบเอกสารเข้ามามันคือไอคิงมันไปรับงานที่องค์กรมา “ค่าจ้าง?” ไอโคเอ่ยถามขึ้นทันที ผมก็เลิกสนใจพวกมันและหยิบสมุดบันทึกของผมเดินออกจากห้องพักรวมของพวกผมออกมาและเดินมุ่งหน้าไปทางสนามหญ้าที่เขียวขจีเบื้องหน้า พวกผมเพิ่งจะมาอยู่ที่นี้ได้สามเดือน ก็จะต้องไปอีกแล้วเหรอเนี่ย เห้อ ผมยังไม่เจอสิ่งที่เรียกว่าความรักเลย “เห้อ ไอที่เรียกว่าความสุขมันมีความรู้สึกแบบไหนกันน่ะ และไอความสุขมันคืออะไร?” ผมล้มตัวลงนอนลงไปบนทุ่งหญ้าและหลับตาลงและนึกถึงเรื่องราวเมื่อ20ปีก่อน ย้อนกลับไปเมื่อ20ปีก่อน ณ คฤหาสน์ตันตินิเวชกุล “คุณชายน้อยครับ” เสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยเรียกผมที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่สวนหย่อมของบ้านผม “ครับ คุณลุง” ผมหันไปขานรับคุณลุงและค่อยๆ เดินเข้าไปหาท่าน “คุณท่านชายและคุณท่านหญิงรอคุณชายน้อยอยู่ครับ^_^” คุณลุงคนคนขับรถที่คอยพาผมไปส่งโรงเรียนทุกวันเอ่ยขึ้น เมื่อผมได้ยินดังนั้นผมก็ปิดสมุดการบ้านและเก็บของอุปกรณ์การเรียนลงในกระเป๋าและถือกระเป๋าเดินตามคุณลุงเข้าไปในบ้าน “โอ้ว ลูกชายสุดหล่อของแม่” ทันทีที่ผมเดินพ้นประตูห้องรับแขกเข้ามาก็พบกับคุณหญิงแม่ของผมที่กำลังนั่งอยู่กับคุณพ่อของผม พวกท่านเพิ่งจะกลับมาจากที่ทำงานนะครับ ครอบครัวของเราอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่นี้สามคนพ่อแม่ลูกและคุณลุงคนขับรถและป้าแม่บ้านอีกสองสามคน ชีวิตของผมวันๆ หนึ่งแทบไม่ต้องทำอะไรเลย มีหน้าคือตื่นเช้ามาไปเรียนหนังสือและทำการบ้านแค่นั้น เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่เองมีคนใส่ให้ ชีวิตของผมเหมือนราวกับเจ้าชายที่อยู่ในพระราชวังแต่แปลกผมกลับไม่ชอบมันเลยสักนิด ผมอยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ บ้าง “นี้จ๊ะลูกรัก ขนมที่ลูกชอบ^_^” คุณแม่เอ่ยบอกผมพลางยื่นกล่องเค้กร้านโปรดมาให้ผม “ขอบคุณครับคุณแม่” ผมยกมือขอบคุณท่านและยื่นมือไปหยิบกล่องเค้กนั้นมา “น่ารักจังเลยลูก^_^” คุณแม่เอ่ยบอกผมและยื่นมือมาลูบผมอย่างแผ่วเบา ผมก็หันไปยิ้มให้ท่านทั้งสองและเราก็เริ่มลงมือทานเค้กก้อนโตกันสามคน ครอบครัวของผมเราจะทานข้าวด้วยกันทุกมื้อคุณพ่อคุณแม่ให้ความใส่ใจผมมาก “นำ้ค่ะคุณท่าน” ป้าแม่บ้านหน้าใหม่ที่คุณแม่เพิ่งจะรับเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ไม่กี่วันเดินถือถาดนำ้ส้มคั้นเองสามแก้วเข้ามาวางลงบนโต๊ะและหยิบมาวางไว้ลงตรงหน้าของผมและคุณพ่อกับคุณแม่ “นำ้ส้มคั้นเองเหรอจ๊ะ?” คุณแม่ของผมหยิบแก้วนำ้ส้มขึ้นมาดื่มและหันไปเอ่ยถามป้าแม่บ้าน “ค่ะ ดิฉันคั้นเองค่ะคุณผู้หญิง” “อร่อยมากจ๊ะ^-^” คุณแม่ของผมเอ่ยปากชมคุณป้าแม่บ้าน แต่ผมไม่ได้หยิบแก้วนำ้ส้มมาดื่มหรอก เพราะผมไม่ชอบกิน ผมก็กัดเค้กเคี้ยวเอื่อยๆ “ขอบคุณค่ะ^_^” “คุณลองดื่มดูสิคะ อร่อยมาก” คุณแม่ของผมหันไปเอ่ยบอกคุณพ่อของผม คุณพ่อของผมท่านเป็นคนที่ไม่เคยขัดใจคุณแม่ของผมอยู่แล้ว ท่านจึงหยิบแก้วนำ้ส้มคั้นขึ้นมาดื่ม “อืม อร่อยจริงๆ ด้วยคุณ^_^” คุณพ่อของผมหันมาเอ่ยบอกคุณแม่และท่านก็ยิ้มให้กัน และคุณพ่อกับคุณแม่ของผมก็พากันหันมามองที่ผมเป็นจุดเดียว รวมไปถึงป้าแม่บ้านเองก็ด้วย “ลูกไม่ลองบ้างดื่มเหรอครับ?” คุณแม่เอ่ยถามผม ผมก็ยิ้มให้ท่านและเอื้อมมือไปหยิบกล่องนมจืดในกระเป๋านักเรียนผมขึ้นมาชูให้พวกท่านดู “ผมกินนมครับคุณแม่” ผมตอบคุณแม่ของผมและเจาะกล่องนมเพื่อดูดนมให้พวกท่านเห็นทันที “ผมขอตัวขึ้นห้องนะครับ” ผมลุกขึ้นพลางเอ่ยบอกคุณแม่และคุณพ่อที่พวกเขากำลังดูสถานที่ที่จะพาผมไม่เที่ยวในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ “อ้าว แล้วลูกไม่ดูเหรอจ๊ะว่าลูกอยากไปเที่ยวที่ไหน?” คุณแม่เอ่่ยท้วงผมทันที ผมก็ส่ายศีรษะไปมาเพื่อเป็นคำตอบ ผมไม่ค่อยชอบพูดสักเท่าไหร่ เพื่อนที่โรงเรียนผมก็ไม่ค่อยมี “จ๊ะ ลูกคงเหนื่อย ไปพักผ่อนเถอะจ๊ะ^_^” คุณแม่เอ่ยบอกผมและยิ้มแหย่ๆ ให้ผม ผมก็โค้งตัวให้ท่านทั้งสองและหันตัวเดินออกมาจากตรงนั้นมุ่งหน้าไปยังบันไดเพื่อจะขึ้นห้องนอนของตัวเอง ผมไม่ชอบที่มีคนอยู่เยอะๆ ผมไม่ชอบรู้จักกับสิ่งใหม่ๆ ผมชอบอยู่กับอะไรเดิมๆ มากกว่า พรึบ ผมทิ้งตัวลงไปบนที่นอนติดสปริงขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องนอนขนาดใหญ่ของผม และเอื้อมมือไปหยิบหูฟังมาสวมใส่หูแต่ไม่ได้เปิดเพลงฟังนะครับ ผมมักจะชอบใส่มันเป็นประจำเวลาที่ผมอยากอยู่คนเดียว “เห้อออออ” ผมถอนหายใจออกมาและค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงผมอย่างช้าๆ และไม่รู้ว่าผมนั้นเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สะดุ้งตื่นมาอีกทีห้องห้องนี้ก็มืดสนิทเพราะเป็นเวลาพรบคำ่แล้ว “มืดแล้วเหรอ?” ผมเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาๆ และค่อยๆ บิดขี้เกียจไปมาให้หายจากความเมื่อยล้า ผมลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปยังห้องอาบนำ้เพื่อจะอาบนำ้ชำระร่างกายและจะลงไปทานข้าวเย็น แต่แปลกจังที่วันนี้คุณแม่ไม่ขึ้นมาเรียกผมให้ลงไปทานข้าว เพราะปกติผมต้องทานข้าวพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ทุกวันและทุกมื้อ “ทำไมถึงไม่เปิดไฟ?” ความเป็นเด็กทำให้ผมขี้สงสัยเลยเอ่ยพูดขึ้น เพราะเมื่อผมเดินออกมาจากห้องของผม บ้านทั้งหลังไม่มีไฟเปิดอยู่เลยสักดวงเดียว ผมก็นึกแปลกใจและค่อยๆ เดินไปยังสวิตซ์ไฟเพื่อจะเปิดไฟ พรึบ “คุณแม่ครับ!” “คุณพ่อครับ!” ผมตะโกนเรียกหาท่านทั้งสองแต่ก็ไม่พบใครเลยสักคนบนชั้นในห้องอาหาร ที่ผมเป็นคนเดินมาเปิดไฟเอง และทันทีที่ผมกดเปิดไฟก็พบเพียงแค่บ้านว่างเปล่าไร้วี่เเววของคุณแม่และคุณพ่อของผม ผมที่ไม่พบใครจึงเดินออกมาจากห้องทานอาหารมุ่งหน้าไปยังห้องรับเเขกหรือห้องนั่งเล่นของบ้านผมซึ่งเป็นสถานที่ที่เมื่อตอนเย็นผมกับคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน พรึบ “คุณพ่อครับ!!!” “คุณแม่ครับ!!!!” ทันทีที่ผมกดเปิดสวิตซ์ไฟก็พบร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของคนหลายคนและกลิ่นที่เหม็นอย่างรุนแรงจนผมต้องกลั่นหายใจ และผมไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาร่างของคุณแม่ที่นอนอยู่ในท่าควำ่หน้าลงมือทั้งสองข้างตะเกียกตะกายจนเล็บของท่านมีแต่รอยเลือดดวงตาของท่านเบิกโตราวกับคนที่ทรมาน “ฮืฮๆๆๆ คุณแม่ครับ คุณพ่อครับอึก” ผมเข้าไปกอดร่างทับร่างของคุณแม่และเอ่ยเรียกพวกท่าน “คุณพ่อครับ ตื่นสิครับ!!” ผมหันไปจับร่างของคุณพ่อเขย่าอย่างแรงเพื่อให้ท่านตื่นจนเลือดที่เลอะตัวท่านกระเด็นเข้ามาติดเสื้อของผมเต็มไปหมดท่านอนอยู่ในท่าควำ่เหมือนคุณแม่และมือของท่านก็ตะเกียกตะกายพื้นเหมือนกัน เหมือนพวกท่านกำลังหนีจากอะไรสักอย่าง “คุณแม่ครับ!!” และผมก็หันมาเขย่าร่างของคุณแม่อีก สลับกันไปมาทั้งสองคนนำ้ตาของผมไหลออกมาไม่ขาดสาย ใครทำอะไรพวกท่าน “คุมตัวเด็กคนนี้!!” เสียงของผู้ชายเอ่ยขึ้นจากทางประตูบ้านและผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับผู้ชายในเครื่องแบบตำรวจหลายคนเดินกู่เข้ามาในห้องนี้และทุกคนเล็งปืนมาที่ผม ผมก็ร้องไห้กอดร่างของคุณแม่แน่น “เด็กคนนี้วางยาคนทั้งบ้าน จับตัวเด็กไป!!” เสียงดุดันของคนในชุดเครื่องแบบเอ่ยขึ้น ทำให้คนอื่นเข้ามาจับร่างของผมไว้อย่างไว “ไม่ไปผมจะอยู่กับแม่!!!” ผมร้องตะโกนพลางดีดดิ้นตัวอย่างสุดแรงให้หลุดออกจากการจับกุมของชายในเครื่องแบบสองคน แต่ยิ่งผมดิ้นเข้าก็ยิ่งกดแขนผมแน่นขึ้นและเเรงขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บปวดกระดูกไปหมดเหมือนมันจะแหลกคามือเขา “แกฆ่าคนตาย แกมันเด็กโรคจิตฆ่าพ่อฆ่าแม่ตัวเอง!!!” เสียงของคนหลายคนดังก้องอยู่ในหูของผม ทันทีที่ชายในชุดเครื่องแบบจับตัวผมเดินออกมาจากบ้านที่แสนอบอุ่นของผม จนมีประชาชนมากามายมามุงดูเหตุการณ์และต่างพากันปาข้าวของใส่ผม “เอามันไปเข้าคุกเลยค่ะ เด็กนรกส่งมาเกิด!!!” เสียงคำด่าทอของคนที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างพากันตะโกนด่าผม ผมมองผู้คนพวกนั้นผ่านม่านนำ้ตาร่างกายของผมเขียวชำ้ไปหมดเพราะโดนหินบ้างแหละขวดแก้วปาบ้างแหละจนผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่เหนียวหนึบไหลอาบทั่วทั้งใบหน้าของผม ‘คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณพ่อคุณแม่นะครับ’ ปัจจุบัน “เอือกกก” ผมสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนผมมานานนับยี่สิบปี “คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าสีฟ้ามีเมฆลอยสีขาวเป็นรูปร่างอย่างสวยงาม ผมรู้ว่าพวกท่านทั้งสองยังคงเฝ้ามองดูผมอยู่ในทุกๆ วันถึงตอนนี้ผมจะไม่ใช่คนเดิมแล้วแต่ผมก็ลืมอดีตที่เลวร้ายในอดีตที่มันติดตัวผมมาไม่ได้ ตอนนี้ผมคือไค ชายหนุ่มที่ไม่มีประวัติ เพราะผมได้ถูกใครสักคนลบตัวตนของผมออกไปจากโลกใบนี้แล้ว และเขามอบชีวิตใหม่ให้ผมในนาม “ไค” ผมไม่มีแม้กระทั่งชื่อจริงและนามสกุล พิธิวัชร์ ตันตินิเวชกุล คือชื่อและนามสกุลเก่าของผม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD