23:45น.
ผับ ASA
ไต้ฝุ่น ตรีชฏา
“เห้อ” ฉันพ่นลมหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่เมื่อมองไปยังหน้าฟอร์ที่มีบรรดานักท่องเที่ยวยามราตรีกำลังยืนส่ายสะโพกกันอย่างพริ้วไหวไปตามจังหวะเสียงของดนตรียามค่ำคืนและที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียก็คืออีผู้ชายโต๊ะข้างๆ ของฉันมันกำลังมองฉันด้วยสายตาที่หน้าเกลียดอยู่น่ะสิ มองหน้าอกของฉันที่โผล่พ้นชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงของฉันอย่างไม่วางตา ไอพวกหน้าม่อทั้งหลาย หึย!!
“อึก” ฉันยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก วันนี้ฉันมาคนเดียว เพราะปกติฉันเองก็มาคนเดียว ฉันเป็นคนค่อนข้างเลือกคบเพื่อน ตั้งแต่เกิดมาฉันมีเพื่อนคนเดียวนี้แหละ ก็หนูผิงไงเพื่อนคนเดียวของฉัน และฉันเองก็โทรไปชวนเธอมาเที่ยวแต่หนูผิงค่อนข้างจะเป็นเด็กดีไม่เที่ยวกลางคืน ฉันก็ไม่อยากจะไปบังคับเธอเลยไม่ได้ชวนมา
ติ๊ดดดดด
เสียงไอโฟนเครื่องหรูของฉันสั่นขึ้น ฉันจึงชำเลืองสายตาไปมอง ก็พบกับชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอและรูปของผู้หญิงสวยของคุณแม่ของฉันเอง
คุณแม่สุดที่รัก❤️
“เห้อออออ อึกกกกก” ฉันถอนหายใจออกมาและยกบวดเหล้าเพียวๆ ขึ้นกระดกรวดเดียวหมดขวด
ตุ๊บ
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะคุณแม่” ฉันวางขวดเหล้าลงและกดรับสายคุณแม่ของฉันทันที เพราะชั้นที่ฉันนั่งอยู่เป็นโซนVIPทำให้เสียงไม่ค่อยดังรบกวนมากเท่าไหร่
(หนูฝุ่น!ลูกเอาอีกแล้วน่ะ ทำแบบนี้ได้ยังไงบราๆๆๆ) คุณแม่บ่นฉันใส่โทรศัพท์มาด้วยนำ้เสียงและอารมณ์ที่บ่งบอกว่าท่านไม่พอใจฉันเป็นอย่างมาก ฉันก็นั่งฟังท่านเงียบๆ พลางสะบัดศีรษะไปมาให้คลายความมึนลงหลับตาและยกมือขึ้นมากุมขมับเพราะฉันรู้สึกปวดหนึบๆ ตรงศีรษะทั้งสองข้าง
(ลูก ลูกฝุ่นฟังคุณแม่อยู่รึป่าวคะ?)
“ฟังค่ะ แต่ฝุ่นก็บอกแม่แล้วว่าอย่าหาผู้ชายมาให้ฝุ่นอีก ฝุ่นไม่เอา!” ฉันพูดบอกคุณแม่ไปและค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปตามของผับนี้ เพื่อจะลงไปยังชั้นล่างและออกทางประตูหลังของผับเพื่อจะไปยังที่จอดรถ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเมา
(งั้นลูกก็หาแฟนสิคะ มีแฟนซะ แม่จะได้เลิกจับคู่ให้คุณลูก ถ้าหนูเลือกเองแม่ก็จะรับได้ ไม่ว่าจะรวยหรือจนขอแค่ลูกรักเขาและเขารักลูกแม่ก็รับได้แต่ขอให้เป็นผู้ชายก็พอคะลูก) คุณแม่พูดบอกฉันด้วยนำ้เสียงจริงจัง คุณแม่ของฉันค่อยข้างซีเรียสเรื่องการหาแฟนของฉันกับพี่พายุ เพราะเราสองคนพี่น้องไม่ค่อยสนใจเรื่องการมีคู่สักเท่าไหร่เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายหน้าม่อแต่คุณแม่มักจะคิดว่าฉันชอบผู้หญิงด้วยกัน ฉันล่ะอยากจะบ้า
“คุณแม่คะแค่นี้ก่อนนะคะ ฝุ่นขอขับรถกลับคอนโดก่อน” ฉันเอ่ยบอกคุณแม่ไปในขณะที่ฉันเดินออกมายังด้านหลังของผับได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และฉันกำลังยืนเอาตัวพิงกำแพงอยู่
(นั้นลูกอยู่ไหน?) เสียงของคุณแม่เอ่ยถามฉันด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านยึดบัตรฉันท่านคงจะเป็นห่วงฉันว่าฉันมีตังค์ใช้รึป่าวล่ะมั่ง
“หนูหิวข้าวค่ะ หนูเลยออกมาหาข้าวข้างถนนกินค่ะ” ฉันเอ่ยบอกคุณแม่ไปด้วยนำ้เสียงที่เศร้าเพราะจะให้ท่านสงสารฉันและคืนบัตรให้ฉัน
(โถ่ ลูกจ๋าลูก) คุณแม่ของฉันเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงที่บ่งบอกว่ารู้สึกผิดและสงสารฉัน ฉันก็แกล้งทำเสียงกระซิกๆ เหมือนร้องไห้
“ฮิๆๆๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ใส่จริตของผู้ชายทำให้ฉันค่อยๆ หันไปมองก็พบกับผู้ชายบ้านนอกคนนั้น อีตุ๊ดเมื่อตอนบ่าย
“คุณแม่คะแค่นี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ฉันพูดรัวเร็วบอกคุณแม่และรีบกดวางสายท่าน ท่านก็เรียกฉันเพื่อไม่ให้วางแต่ไม่ทัน ฉันกดวางสายท่านซะแล้ว
“ขำอะไรย่ะ อีตุ๊ด!” ฉันเอ่ยถามเขาไป เขากำลังยืนเอาหลังพิงกำแพงอยู่ในระยะที่ไม่ห่างจากฉันเท่าไหร่และเขากำลังยืนกอดอกมองฉันอยู่
“ว๊าย!นางชะนี หล่อนกล้าเรียกฉันแบบนั้นได้ยังไงย่ะ!!” เขาหันมาโวยวายใสฉันด้วยนำ้เสียงที่ไม่พอใจ ฉันก็ค่อยๆ เดินเซๆ เข้าไปหาเขา
“ว๊ายยยย!” ฉันร้องด้วยความตกใจที่อยู่ดีๆ ส้นสูงของฉันก็ดันพลิกทำให้ฉันเสียการทรงตัว
“เห้ยยยยยย!” เสียงอุทานของตุ๊ดบ้านนอกร้องขึ้นด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เพราะฉันกำลังจะล้มไปหาเขา
พรึบ
“?” ฉันเบิกตาโตทั้งสองข้างด้วยความตกใจเพราะฉันได้ล้มมาอยู่บนตัวของเขาแล้วและเขากำลังกอดเอวฉันอยู่
“?” เขาเองก็เบิกตาโตขึ้นด้วยความตกใจไม่ต่างจากฉัน เพราะริมฝีปากของเราทั้งสองคนแตะกันอย่างจัง ภายในใจของฉันร้อนรุ่มเต้นแรงไปหมด
“อื้อออ” ตุ๊ดบ้านนอกร้องในลำคอประท้วงฉันเมื่อฉันกดริมฝีปากของตัวเองลงไปแนบกับริมฝีปากของเขาและเริ่มใช้ปากดูดดึงริมฝีปากของเขาเบาๆ มือทั้งสองข้างของฉันเริ่มซุกซนลูบไล้หน้าอกแกร่งที่อยู่พ้นเสื้อเชิ้ตของเขาออกมา
“อื้ออ จูบฉัน” ฉันเอ่ยบอกเขาให้เขาจูบตอบฉัน เขาก็ไม่ทำตามและกำลังจะถอนริมฝีปากของเขาออกไปจากริมฝีปากของฉัน แต่ฉันไวกว่าคีบคว้าคอของเขากลับเข้ามาและเริ่มบดขยี้ริมฝีปากของตัวเองลงไปลนริมฝีปากของเขาอีกครั้งฉันอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างน่ะถึงต้องทำแบบนี้
“อื้อ นางชะนีปล่อยฉัน อื้อ จ๊วฟฟฟ” เขาร้องประท้วงฉันและมือหนาของเขาเริ่มจับไหล่ฉันให้ดันออกไปจากตัวเขาแต่ฉันก็รีบแนบตัวเข้าไปใกล้ชิิดเขามากขึ้น
“อื้อออ อย่าจับ อ่าาาาห์” เสียงร้องโอดโอยของตุ๊ดบ้านนอกร้อขึ้นเมื่อฉันเผลอไปจับของสงวนของเขา
“เป็นตุ๊ดทำไมไม่ไปผ่าออก?” ฉันละจากริมฝีปากของเขาแบะเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยถามเขา เขาก็มองหน้าฉันและทำตาปริบๆ
“จะเอาออกทำไมล่ะย่ะ!” เขาโวยวายใส่ฉัน ฉันก็ยื่นหน้าขึ้นไปจูบเขาอีก เสียงดังน่ารำคาญ!
“อื้ออออ” เสียงอู้อี้ในลำคอของผู้ชายตุ๊ดคนนี้ร้องขึ้นเมื่อฉันเริ่มบดขยี้ริมฝีปากของเขาโดยไม่ปล่อยให้เขาได้หายใจ มือเล็กของฉันก็เริ่มซุกซนอีกครั้งมือของฉันเริ่มลูบไล้ไปกับลำแกร่งของเขาที่ตอนนี้ฉันลูบเบาๆ และกดเบาๆ จนเริ่มรู้สึกได้ว่ามันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นและเเข็งตัวจนฉันบีบไม่ลง
“เป็นตุ๊ด แล้วทำไมถึงเกิดอารมณ์กับผู้หญิงล่ะ?” ฉันผละจากริมฝีปากของเขาและเงยหน้าขึ้นไปถามเขาอีกด้วยความสงสัย
“กะเกิดอารมณ์อะไรของหล่อนย่ะ?” เขาเอ่ยถามฉันกลับมาพลางทำสายตาลอกแลกอย่างสื่อพิรุธ
“ชอบผู้ชายจริงๆ น่ะ” ฉันผละร่างออกมาจากเขาและเอ่ยถามเขาไป เขาก็มองฉันด้วยสายตางงๆ
“ฉันดูไม่เหมือนตุ๊ดขนาดนั้นเลย?” เขาเอ่ยถามฉันกลับมา ฉันก็พยักหน้าไปให้เขาและค่อยๆ ถอยหลังไปชิดกับกำแพง เพราะสายตาของฉันเริ่มพร่ามัวเพราะฉันเมาและจะง่วงนอนน่ะสิ
“ไม่เหมือนตรงไหนย่ะ” เขาเอ่ยพูดขึ้นและเริ่มสำรวจตัวเอง ฉันก็หลับตาเพื่อพักสายตาของฉันเผื่อจะรู้สึกดีขึ้น
“เพิ่งเข้ามาในเมืองเหรอ?” ฉันถามเขาไปทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อรับลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามากระทบกับใบหน้าของฉัน
ติ๊ดดดดด
“ไม่รับล่ะย่ะ?” เขาเอ่ยถามฉันเพราะโทรศัพท์ของฉันเริ่มสั่นเพราะมีคนโทรเข้ามา สงสัยจะเป็นคุณแม่ของฉันน่ะที่โทรเข้ามา
“ไม่อ่ะ ขี้เกียจคุย” ฉันตอบเขาไปและเอื้อมมือไปหยิบหูฟังไร้สายออกมาจากกระเป๋าและเอามาเสียบเข้าที่หูของฉันข้างหนึ่งและส่วไปให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันอันหนึ่ง
“รับสิ!” ฉันพูดบอกให้เขารับหูฟังไปจากฉัน
“ย่ะ พูดดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องตะโกนเลย” เสียงบ่นพึมพำเบาๆ ของตุ๊ดบ้านนอกที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันบ่นขึ้นแต่เขาก็ยอมรับหูฟังไปจากฉัน ฉันก็ลืมตาและมองไปยังโทรศัพท์ของฉันและเปิดเพลง on my wayเพลงโปรดของฉันเองและเมื่อฉันเปิดเพลงเสร็จฉันก็หันหน้าไปมองเขาก็เห็นว่าเขาเองก็มองฉันอยู่ เราสบสายตากันและเป็นฉันเองที่ต้องหลบสายตาสีนำ้ตาลคู่สวยนั้น เขาเป็นผู้ชายที่ตาสวยมากขนตายาวเป็นแพรอย่างสวยงาม ฉันหลับตาลงและตั้งใจฟังเพลงที่ฉันชอบฟังเวลาที่ฉันเมาแบบนี้
“เอามาให้ฉันฟังทำไมย่ะ?” เขาเอ่ยถามฉันขึ้นในตอนที่เพลงจบ ฉันก็หันหน้าไปมองเขา
“ไม่มีเพื่อนฟัง” ฉันบอกเขาไปและยื่นมือไปขอหูฟังจากเขาคืน เขาก็หยิบหูฟังออกจากรูหูของเขาเอามาส่วคืนให้ฉันด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขากำลังนินทาฉันอยู่ในใจ แล้วไงใครสน
“เธอทำงานอะไร?” ฉันเอ่ยถามเขาไป เขาก็หันมามองหน้าฉันแววตาของเขานิ่งมากและเย็นยะเยือกมาก
“ที่ฉันถามเนี่ยก็เพราะฉันอยากจะจ้างเธอให้แกล้งไปเป็นแฟนหลอกๆ ฉัน” ฉันตอบเขาไปเพราะเขาไม่ยอมตอบคำถามของฉัน ฉันเลยต้องอธิบายให้เขาฟัง ฉันอยากจะจ้างเขาให้ไปเป็นแฟนหลอกๆ ฉันเพื่อฉันจะเอาไปตบตาคุณแม่ ท่านจะได้เลิกหาแฟนให้ฉันสักที
“ทำไมต้องแกล้ง หล่อนไม่มีปัญญาหาผัวเองเหรอย่ะ?” เขาตอบฉันกลับมาด้วยนำ้เสียงที่ดูถูกฉัน ฉันมองเขาทันทีด้วยสายตาไม่พอใจ แหม่ไอเราถามดีๆ
“มีย่ะ แต่ฉันน่ะสวย และรวยมากกกก และฉันก็เลือกเยอะไม่เหมือนหล่อน!!” ฉันพูดด้วยนำ้เสียงโมโห ไม่จงไม่จ้าวมันแหละหมั่นไส้
“หึย!” ฉันเดินออกมาจากเขาและพยายามเดินให้ตรงเพื่อจะเดินไปที่ที่จอดรถของฉัน เพื่อจะกลับคอนโดไม่น่าไปพูดดีกับมันเลย อีตุ๊ดบ้านนอก!!!
ติ๊ดดดดด
ฉันกดปลดล๊อครถและเปิดประตูเดินขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตอของฉันอย่างไว
“ขับกลับไปไม่ถึงแน่ๆ” ฉันพูดขึ้นด้วยความมึนหัวเพราะตอนนี้ฉันดวงตาของฉันใกล้จะปิดเต็มทนแล้ว และศีรษะของฉันก็เริ่มปวดมากขึ้นสายตาเริ่มมองเห็นของหลายๆ มีสองมีสามอัน มันเป็นธรรมดาของคนเมาฉันเริ่มปรับเบาะให้เอนลงและเริ่มล้มตัวลงนอนทันที มันเป็นปกติของฉันที่ฉันมักจะนอนหลับในรถก่อนกลับคอนโดเป็นประจำ ฉันจะสามารถใช้ชีวิตที่สนุกของฉันได้เพียงแค่ช่วงนี้เพราะอีกหน่อยมหาลัยเปิดฉันคงจะมาเที่ยวเตร่แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว