Chapter 5 หนามรัก (1)

1079 Words
Chapter 5 หนามรัก (1) หลังจอมทัพออกไปทำงาน มารดาออกไปบริษัท คคนางค์ก็เดินหาบุษบากรขึ้นมาทันที มันมีเรื่องบางอย่างที่จำเป็นต้องเคลียร์ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงนอนไม่หลับ ไม่อยากจมอยู่กับมันอีกต่อไปแล้ว หล่อนรู้...วันนี้บุษบากรไม่ได้ออกไปไหน เหตุเพราะเป็นห่วงบิดาที่อาการเครียดเริ่มจะกลับมา และบิดาของหล่อนก็ชอบที่จะให้ลูกสาวคนโปรดคอยดูแล...ส่วนหล่อนนั้นเลิกพูด หล่อนไม่ฉอเลาะอ่อนหวานแบบนั้น ออดอ้อนเอาใจใครไม่เป็นดังเช่นที่บุษบากรทำ และน่าแปลก...ผู้หญิงที่ดูเหมือนตามคนไม่ทันกลับหลอกล่อผู้ชายให้เข้าหา ร้อยทั้งร้อยมักตายเพราะเล่ห์ร้อยมารยากันทุกคน เดินมาจนถึงหลังบ้าน...เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์อยู่ใต้ซุ้มพวงชมพู...หล่อนกระตุกยิ้มหยัน ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะทุกข์ร้อนอะไรสักเท่าไหร่นัก กับการที่บริษัทกำลังจะถูกธนาคารยึดทรัพย์จนไม่เหลืออะไร เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา...บุษบากรเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงกดปุ่มหยุดเล่นเอาไว้ก่อน...คลิปทำคุ้กกี้ธัญพืชที่กำลังอยู่ในกระแส หล่อนกำลังคิดว่าจะลองทำตามแล้วเปิดขายออนไลน์ ไม่ต้องมีหน้าร้านไม่ต้องเสียค่าเช่า จะลองอาศัยขายให้คนรู้จัก เพื่อจะได้ปากต่อปากกันไป หล่อนกำลังนั่งฝันหวานถึงรายได้ที่จะเพิ่มเข้ามา แม้ไม่มากแต่ได้เป็นค่ากับ ข้าวให้แม่บ้านก็ยังดี "ทำอะไรอยู่ ขอคุยด้วยหน่อยสิ" บุษบากรคลี่ยิ้ม ในขณะที่คคนางค์เลือกนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม "เห็นว่าไปหางานทำ แล้วสรุปได้งานหรือยัง" "ได้แล้ว สิ้นเดือนก็ไปเริ่มงาน" เหมือนเข้าหน้ากันไม่ติดเพราะความบาดหมางอยู่ลึก ๆ บรรยากาศเลยอึดอัดไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก จนคคนางค์เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมา "เอาตรง ๆ เลยนะ ไม่อ้อมค้อม" มีอะไรก็พูดมา...แววตาของบุษบากรบอกอีกฝ่ายแบบนั้น "พี่ไม่สบายใจ ที่เธอยังอยู่ที่นี่!" ".....!" "ในเมื่อได้งานแล้วก็ดี เธอควรออกไปอยู่ที่อื่น คงไม่ต้องบอกเหตุผลนะว่าเพราะอะไร แต่ไม่อยากให้เธออยู่ใกล้พี่จอม" ไม่คิดว่ามันจะออกมาจากปากของคนที่อยู่ร่วมบ้านกันมา...แต่ก็อย่างว่า สามีใคร ๆ ก็หวง หล่อนเข้าใจถึงอารมณ์นี้ดี เพราะหล่อนเองก็เคยเป็น! "บ้านของเขาก็มี ถ้ากลัวแล้วทำไมไม่พากันไปอยู่บ้านเขาล่ะ ทำไมต้องเป็นดาวที่ต้องระเห็จออกไป" บุษบากรคิดว่ามันไม่ยุติธรรม เหยียบย่ำน้ำใจกันแล้วก็ยังจะขับไล่ไสส่ง...อดคิดไม่ได้ สรุปแล้วหล่อนกับพี่สาวใช่ฝาแฝดกันจริง ๆ หรือไม่ มันเหมือนไร้ซึ่งความรักในแบบพี่น้องอย่างที่ควรจะเป็น คิดไปถึงภัคภัสสรและนันท์ภัสสร สองคนนั้นรักใคร่กลมเกลียวไร้ซึ่งความคิดริษยา อยากเป็นแบบนั้นบ้างแต่ก็คงหมดหวัง เมื่อสัมพันธ์นั้นร้าวฉานไปเสียแล้วเพียงเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว และการที่บุษบากรต่อปากต่อคำ ทำท่าอิดออดไม่ยอมอ่อนข้อ ยิ่งเข้าทางความคิดติดลบของคคนางค์ หล่อนกำลังคิดว่าอีกฝ่ายต้องการให้ท่าพี่เขยตัวเอง "จริง ๆ แล้วเธอต้องการอยู่ใกล้ ๆ พี่จอมใช่ไหม ถ้าคนจะไปจริง ๆ ก็คงไปนานแล้ว คงไม่รอให้เมียของเขาเดินเข้ามาขอร้อง หากไม่อยากเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวใคร ก็ไปซะเพียงดาว เพื่อความสบายใจของทุกคน" ถ้อยคำตอกย้ำใจเจ็บลึก มันจริง... หล่อนต้องกลายเป็นมือที่สามหากจอมทัพยังตามตอแย เขาแต่งงานกันแล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ถึงอย่างไรคคนางค์ก็เป็นฝ่ายถูกอยู่ดี "และที่พี่ยังอยู่ที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องกลัวนะเพียงดาว คุณพ่อพี่จะเป็นคนดูแลเอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน พี่จอมเขาจัดการให้หมดแล้ว เธอไม่ต้องมายุ่ง" "ถึงเขาจัดการ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนในบ้านจะงอมืองอเท้าไม่ช่วยอะไร" "เธอจะได้เลิกอ้าง ที่ยังอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องจัดการทุกอย่างภายในบ้าน" ขอบตาคนฟังร้อนผ่าวปวดหนึบ พี่สาวหล่อนช่างไม่รู้เลยว่า ที่ออกไปไม่ได้เพราะไม่มีทางไป ปัญหาใหญ่คือเรื่องเงินที่จะหมดไปกับค่าเช่าเดือนละหลายพัน ไหนจะค่ากินค่าอยู่สำหรับการดำรงชีพในเมืองใหญ่ ลำพังเงินเดือนอันน้อยนิดนั้นคงต้องชักหน้าไม่ถึงหลังอย่างแน่นอน คนที่ต้องไปคือจอมทัพกับคนตรงหน้า เขามีบ้านอยู่หลายหลัง ไม่จำเป็นต้องมาเบียดเบียนกันที่นี่ บางทีก็ไม่เข้าใจคนสองคน เหมือนรวมหัวกันรังแกคนอับจนหนทาง กระทืบซ้ำชนิดไม่ให้หล่อนได้ลุกขึ้นมา สีหน้าลำบากใจของน้องสาว ทำให้คคนางค์หรี่ตามอง หล่อนชักเริ่มไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายพูดยากพูดเย็น "งั้นถามจริง ๆ ห้ามโกหก...ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอกับเขามีอะไรกันหรือยัง!" ".....!" "ตอบมาสิเพียงดาว เธอมีอะไรกับพี่จอมหรือยัง!" ท่ามกลางลมหายใจร้อนผ่าว คคนางค์นั่งรอฟังด้วยใจลุ้นระทึก อยากรู้ว่าคำตอบจะออกมารูปแบบไหน...อยากฟังว่าไม่มีอะไร จะได้รู้สึกผิดน้อยลง หล่อนกำลังฟอกตัวเองให้ขาวสะอาด หากยังไม่มีสัมพันธ์รักลึกซึ้งมาข้องเกี่ยว หล่อนจะถือว่าไม่ผิดที่คิดแย่งมา หล่อนจะโทษว่าเป็นเพราะความผิดของบุษบากร ที่ไม่อาจรั้งหัวใจของเขาเอาไว้ได้ บุษบากรนับหนึ่งถึงร้อยในใจ สูดลมหายใจให้ลึกเพื่อตั้งสติ ก่อนจะกลั้นใจข่มเสียงไม่ให้สั่น "ยังไม่มี เป็นแค่คนรู้จักกัน เขาไม่เคยคิดเกินเลยแบบนั้น คราวนี้ก็สบายใจได้แล้วนะ" คนพูดลุกพรวดขึ้น มือคว้าโทรศัพท์แล้วปลีกตัวเดินหนี กลัวว่าหากอยู่ต่อจะปล่อยน้ำตาให้รินไหล ยอมเดินจากมาอย่างคนแพ้พ่าย ความรู้สึกยามนี้เหมือนไม่มีใคร ไร้ญาติขาดมิตรอย่างแท้จริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD