ใครบอกอกหักนั้นเจ็บสุด แอบรักเขาก็ไม่ต่างกัน
"เขาไม่เคยยิ้มเลย"
นี่ไม่รู้จะเรียกว่าเพ้อเจ้อได้หรือเปล่า? และฉันไม่รู้ตัวเองเป็นบ้าอะไรถึงได้เอาแต่รอคอย "เขาคนนั้น" คนที่สามารถนับการพบเจอได้ไม่กี่ครั้ง ในรอบหนึ่งเดือน โดยการเดินสวนกันตรงบันได
ใช่..ฉันตกหลุมรักเขา
ท่าทางเคร่งขรึม สีหน้าบึ้งตึงราวกับเบื่อหน่ายโลกใบนี้เสียเต็มประดาทำให้ฉันหลงหัวปักหัวปำ
ริมฝีปากบรรจบเม้มกันเป็นเส้นตรงนั้นคือเสน่ห์ ดุจคาถามหานิยมฟ้าสั่ง!
...สั่งให้ฉันแสร้งเบือนหน้าหันไปทางอื่นทุกครั้งที่เขาเดินใกล้เข้ามา
โอ้ย!
"พระเจ้าคะ ได้โปรดดดด ให้เขาคนนี้เป็นสามีหนูเถอะ!"
เพล้ง!
เสียงหล่นแตกของกระเบื้องจากห้องข้างๆทำอินถาสะดุ้งตื่น ดีดตัวจากการนอนหงายเป็นนั่งหลังตรงทั้งที่ยังไม่ลืมตา เสียงถอนหายใจแรงถูกพ่นตอนเห็นเวลาตีสี่
“วันนี้กลับมาช้ากว่าปกตินะ..”
ก่อนจะทิ้งตัวลงหลับต่อก็หลังจากพึมพำพร้อมยิ้มกว้าง
หกโมงกว่า..
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นอีกครั้ง น่าแปลกคราวนี้คนบนเตียงกลับหงุดหงิด ขณะควานหาเสียงนั้นใต้ผ้าห่ม เมื่อคืนเธอผล็อยหลับกลางคัน ยังไม่ทันได้วางมันตรงที่ประจำ โต๊ะข้างเตียง
และเมื่อเห็นเบอร์โทรเจ้าของสายเรียกเข้า...
“ฮัลโหล~ ค่า”
(วันนี้วันเกิดหัวหน้า แผนกเราจะรวมเงินกันซื้อของขวัญ แกโอนเงินมาเลยนะ)
ฮะ?!
แค่ปลุกให้ตื่นทั้งที่กำลังหลับสบายและเป็นวันหยุดก็รู้สึกว่าเสียมารยาทจะแย่แล้ว ยังไม่พอยังจะมาพูดเรื่องเงินแต่เช้าอีก?!
อินถาแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์ ผุดลุกขึ้นนั่งขัดตะหมาด
ด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงปรกหน้า จำต้องเสยมันขึ้นไปลวกๆอัตโนมัติ บวกใจร้อนรุ่มใคร่ตะโกนด่ากราดให้สาแก่ใจ ทว่าทำได้แค่นั้นเพราะคนในสายไม่ใช่คนที่เธอจะกระทำอย่างที่คิดได้ แม้ในใจอยากจะด่าสุดๆก็ตาม
เดี๊ยะ!!!
“ได้ค่ะพี่ติ๋ว เท่าไหร่คะ”
(คนละสี่พัน)
“ฮะ?!”
ปลิดทิ้งเลยจ้ะ
ราวกับกระดกเครื่องดื่มชูกำลังจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
(ตกใจอะไรขนาดนั้นฮะ)
ปลายสายกลั้วหัวเราะ ต่างจากเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่
“ตกใจสิพี่ อะไรคือของขวัญ รถเรอะ? ทำไมมันแพงนักล่ะ”
(เอ้อ เป็นความคิดที่ดี ที่จริงน่าจะซื้อรถ)
“ประชด~ ว่าแต่แผนกเรามีตั้งสิบกว่าคนไม่ใช่รึ”
(ก็ใช่ไง นี่ยังไม่พอนะ พี่ยังต้องออกส่วนที่เหลือไปอีก ที่ยัยเมย์ไปเลือกมาคือระดับพรีเมียม)
“แล้วพี่ก็เห็นด้วย?”
(อืม..)
“โธ่พี่ติ๋ว พี่ก็รู้เมย์มันมีความเป็นอัตตาสูงขนาดไหน ให้มันเลือกก็ตายกันพอดีสิ”
อินถาโวยวาย เหลือบตามองบนสลับกับการเต้นร่าบนเตียง รู้สึกถูกรบกวนการนอนก่อนหน้าเป็นเรื่องเล็กไปโดยปริยาย นี่สิเรื่องใหญ่ยิ่งกว่า เพราะมันกำลังจะลามปามมารบกวนเงินอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ในบัญชี ซึ่งจะต้องใช้ให้พอถึงสิ้นเดือน
(ทีแรกพี่ก็ไม่เห็นด้วยหรอก แต่เมย์มันบอกว่าของที่เลือกมาจะต้องกินใจหัวหน้าแน่ๆ พี่เห็นก็ว่ามันจริง ก็เลยเอ้า..โอเค เผื่อจะมีผลต่อโบนัสปีนี้)
เหรอ....
“เข้าใจคิดนะพี่ หัวหน้ากินใจ แต่เรากินแกลบเนี่ยนะ มันคุ้มตรงไหนกัน”
(แกก็นะ..เข้าใจพูด)
ปลายสายเสียงอ่อน เริ่มคิดตามลูกน้องฝ่ายนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปตกลงปลงใจกับลูกน้องฝ่ายโน้น ส่อแววอย่างเห็นได้ชัดว่าหัวหน้าของเธอไร้ความเป็นผู้นำสุดๆ หญิงสาวส่ายหัวเอือมระอา
“พี่ บอกตามตรงนะ เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้ไม่พอใช้อ่า ขืนให้พี่ไปซื้อของขวัญให้หัวหน้า ครึ่งเดือนที่เหลือถาต้องกินกระดุมแน่ๆเลย ทิ้งถาสักคนได้ไหมพี่ หัวหน้าจะไม่ปลื้มก็ไม่เป็นไร ปกติก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าถาอยู่แล้ว”
(ไม่ได้!)
กีรติหรือติ๋วเกือบจะหลวมตัวตามลูกน้องอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดประโยคล่าสุดที่ว่าไม่เข้าหูหล่อน ให้กลายเป็นนางมารร้ายขึ้นมาทันที
(เด็กของพี่จะต้องเป็นคนที่รักหัวหน้าทุกคน!)
“เอ่อ..”
อะไรวะ..
ทั้งที่หัวหน้าไม่ต้องรักเราก็ได้นะหรือ? ยุติธรรมตรงไหนก่อน คำนี้คิดได้แค่ในใจ
อินถาเก็บความรู้สึก อึดอัดสุดตรงที่ไม่สามารถเผยธาตุแท้ได้เลย ทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ถอนออกมาให้เบาที่สุด แสร้งขำกลบเกลื่อน
“แหะๆๆ อันที่จริงไม่ต้องทำเพื่อถาขนาดนั้นก็ได้พี่ติ๋ว ถ้าเขาจะรักยืนเฉยๆเขาก็รักนะพี่”
(อย่ามาตลก พี่ไม่ใช่เพื่อนเล่น)
“เอ๋า ก็ไม่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนเล่นหรอก และที่พูดก็ไม่ได้เล่นด้วย ไอ้เรื่องของขวัญ วันกงวันเกิดที่มันนอกเหนือจากงานอะไรเนี่ย มันควรเกิดขึ้นจากความสมัครใจของลูกน้องไหมอะ เนี่ยๆ อีก 2 อาทิตย์จะต้องผ่อนรถ จ่ายค่าห้อง”
(ก็เพราะเช่าคอนโดแพงแบบนั้นไง แกเลยขาดสภาวะคล่อง ขาดอิสระทางการเงิน)
“อ่าวติ๋ว เอ๊ยพี่ติ๋ว ไหงพูดแบบนั้น ถาก็พอใจของถาแล้วปะ กับเงินเดือนที่ได้และความเป็นอยู่ มันสะดวกสบายถา ที่ไม่เกี่ยวกับใครอื่น ใครจะไปรู้ล่ะ ว่านอกจากการทำงานให้ถูกใจ จะต้องเอาใจด้วย ตลก”
(เอาเถอะๆ ขี้เกียจเถียงกับแกแล้ว ว่ามาจะเอายังไง แต่บอกไว้ก่อนเพื่อนคนอื่นสมัครใจกันทุกคน ยกเว้นแกนะตอนนี้)
อืม...
เอาเป็นว่าถ้าไม่มีเรื่องไร้สาระที่พวกแม่งนี้ทำอยู่ การใช้ชีวิตให้รอดของแต่ละเดือนก็สมบูรณ์แบบทุกประการ ไม่ต้องขวนขวายหา ไม่ต้องทะเยอทะยาน และไม่ต้องดิ้นรน ชีวิตก็จะอยู่บนเส้นกราฟที่ไม่มีการดึงขึ้นให้สูง หรือร่วงลงต่ำเลย
“อันนี้พี่ถามถาเหรอ”
(แต่ต้องไม่ใช่ที่แกขอเมื่อกี้นี้นะ ไอ้เมื่อกี้มันไม่ได้)
“อ่าว”
(มันไม่ได้ถา เข้าใจไหม? ไม่ได้จ้ะหนู)
“งั้นถายืมเงินพี่ติ๋ว”
(อ่าว..)
“อ่าวไม่ได้พี่ มันคือทางเลือกสุดท้าย ไหนๆพี่จ่ายส่วนเกินไปแล้ว งั้นรบกวนพี่ช่วยรวมของถาไปด้วยละกัน..”
(แต่ว่า..)
“รบกวนด้วยนะพี่ ขอบคุณค่ะ”
อินถามัดมือชก ตัดบทตัดสายไม่สนใจเสียงคัดค้านทันควัน พร้อมปิดเครื่องหนีทันที วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ถึงจะถูกด่าล้านพยางค์ ถ้าไม่รับสาย ก็ไม่ได้ยินหรอก
“ค่อยไปแสร้งบีบน้ำตาวันทำงานก็แล้วกัน..”
เธอพึมพำท่าทางห่อเหี่ยว ถอนใจแรงเตรียมล้มตัวนอนต่อ ทว่าบางอย่างกลับทำให้ต้องชะงักค้าง เบิกตาโพลงฟื้นคืนชีพอีกที
มันคือกลิ่นโชยมาของควันบุหรี่ข้างห้อง อิทธิพลของมันสามารถเปลี่ยนจากการถอนหายใจของเธอเป็นการสูดลมหายใจเข้าปอดแทนได้ ทั้งที่เป็นมลพิษ
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นและดีใจได้เท่ากับ..ตอนนี้ที่เวลาหกโมง
เขาคนนั้นยังอยู่ อยู่ในห้องของเขา!