ห้องที่คุ้นเคย?
เจ้าของขนตาแพยาวไร้การเสริมแต่ง กวาดมองไปทั่วห้องก่อนขึงตาโต ชนิดกว้างครั้งแรกในชีวิต ก็ตอนเห็นควันโขมงพร้อมกลิ่นลอยอยู่บนอากาศ บริเวณนอกโดยมีประตูเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนกับระเบียง ด้วยกระจกที่ใสมองเห็นจากข้างในแต่ทึบข้างนอกไร้ผ้าม่านปกคลุม ทำให้เจ้าของควันถูกมองไม่ชัด เขายืนอยู่ในท่าหันหลัง ด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่
หญิงสาวก้มมองเลือดบนเตียงสลับกับเขาอยู่หลายรอบ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงก็ตอนเขามองข้ามไหล่กลับมา
“กรี๊ด!!!!”
ครืน ครืน
“เฮือก!”
เสียงโทรศัพท์ทำคนบนเตียงสะดุ้งตื่น ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งพลางกุมขมับ ไม่ใช่แค่ความตกใจจากฝันเสมือนจริงทำให้เธอปวดหัว แต่เป็นฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักหน่วงของเมื่อคืนด้วย
“บ้าจริง”
อินถาลูบหน้า กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ปล่อยให้ดังตั้งนาน
(เธอ เป็นไงบ้าง)
“นะ นักรบ”
เสียงแหบพร่าร้องเรียก ปลายสายที่มักจะโทรมาได้จังหวะ และเธอมักจะลืมดูหน้าจอก่อนกดรับทุกที
(ฟังจากเสียง น่าจะดูแย่เหมือนกันนะ ไหวไหมเนี่ย ถ้าไม่ไหวลางานก็ได้ เดี๋ยวเรื่องลูกค้าที่นัดไว้วันนี้ รบจะไปแทนเอง)
“เดี๋ยวนะ..”
หญิงสาวหันมองนาฬิกาบนหัวเตียง บอกให้รู้อีกครึ่งชั่วโมงจะสาย เธอไปไม่ทันนัดที่ว่านั้นแน่ การหลับตานิ่งมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ
(ว่าไง โอเคไหม)
“ใครมาส่ง ฉะ ฉัน แกเหรอ?”
ไม่ได้สนใจเรื่องที่ปลายสายพูด การงุนงงทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเน้นๆอีกครั้ง เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งต่อการตั้งสติ ภาพสุดท้ายของเมื่อคืนก่อนจะถูกตัดไปคือเธออยู่กับเขาจริงๆ
(รบไง)
“ฮะ!?”
(นี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ)
“ไม่อะ..”
(เฮ้อ ก็คงใช่ เมาซะขนาดนั้น บอกแล้วให้รบยืนรอหน้าห้องน้ำซะก็จบ)
ดวงตาแดงก่ำขึงขึ้นจากความตกใจเท่าทวี กวาดมองไปทั่ว เห็นรอบบริเวณเป็นห้องของเธอ ก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ แต่รู้สึกโล่งใจเปราะหนึ่งก็ตอนก้มลงสำรวจแล้วพบเสื้อผ้ายังอยู่ครบ
“ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้นเลย?”
(ฝัน? ใครฝัน? เธอไม่ได้ฝัน รบไปส่งจริงๆ ไม่เชื่อถามพี่ รปภ ดู)
“เกี่ยวอะไรกับพี่ รปภ?”
(ก็เขาหามหัว รบหามท้าย)
“ฮะ? อะไรนะ! หามหัวหามท้าย ล้อเล่นปะเนี่ย”
(ล้อเล่นกับผีอะดิ เขายังบ่นอยู่เลย เห็นตัวเล็กๆแบบนี้หนักใช่เล่นเลยนะฮะ ฮ่าๆๆ )
“พูดให้จริงนะรบ ถ้าไม่จริงฉันจะตุยท้องแก”
(เอามีดมาปาดคอเลยก็ได้)
“ชิ! ว่าแต่เขาคนนั้นล่ะ จำได้ว่าเจอเขาที่ห้องน้ำ”
ปลายสายเงียบไปสักพัก เพื่อใช้ความคิด
(คนไหน? อ่อ.. คนนั้นนะหรือ ใช่เขาแบกเธอมาส่งที่โต๊ะ เชื่อไหมพี่มลขอโทษขอพายใหญ่เลย คงรู้จักกัน )
อินถากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ ได้แต่ตำหนิตัวเองในใจที่จำอะไรไม่ได้เลย
“แบก?”
(อันที่จริงก็ไม่ใช่แบกหรอก เรียกว่าพาดบ่ามาจะดีกว่า)
ฮะ?! ทำไมมันฟังดูแย่กว่าเดิมล่ะ...
อินถาขึงโตขณะฟังปลายสายเล่า
(รบเห็นเธอหายไปนาน ก็เลยเดินกลับไปใหม่ เขากำลังอุ้มเธอมาที่โต๊ะพอดี มารู้ว่าเป็นเจ้าของผับก็ตอนพี่มลทักนั่นแหละ )
“ฮะ เจ้าของผับ?”
(อืม โอเคอิน เราขับรถอยู่อะ เอาเป็นว่าเธอพักผ่อนไปนะ ช่วงบ่ายจะไปเจอลูกค้าแทนให้ ตอนนี้ขอทำงานเราก่อน)
“อะ อืม”
เสียงแผ่วเบาตัดบทด้วยความเหม่อลอย ใจไม่ได้อยู่ในห้องนี้สักเท่าไหร่ แต่หายกลับไปยังอดีตช่วงเมื่อคืน
สรุป ฝันไปหรอกหรือเนี่ย?!
“หึ ตลกชะมัด”
กว่าจะเรียกสติกลับมาได้อย่างครบถ้วนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง ร่างบางในชุดกางเกงขาสั้นสีดำเสื้อยืดสีขาวยืนพิงโต๊ะบาร์ ในมือถือแก้วน้ำที่ดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างใจลอย ก่อนจะวางมันลงก้นกระแทกแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางกดโทรศัพท์แนบหูไปด้วย ทว่าปลายสายให้ฝากข้อความเสียงซะงั้น
++เฮ้ นักรับสุดหล่อครับ ถ้าไม่รับสายคือไม่ว่าง ได้ยินไหมไม่ว่าง บอกว่าไม่ว่าง เอ๊! ยังไม่วางอีก++
ติ๊ด!
“ไอ้บ้า”
หญิงสาวสบถด่ากลั้วหัวเราะ ส่ายศีรษะให้กับความทะเล้นของเจ้าของเสียง เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเร่งแต่งตัว อย่าให้ทันนักรบต้องทำงานแทน ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกมองไม่ดี การถูกมองแย่ในเรื่องงานสำหรับเธอนั้นเรื่องใหญ่มาก ความเมาจะต้องไม่เป็นอุปสรรคกับสิ่งนี้!
และถ้าจำเป็นจะมีอุปสรรคจริงๆ ภาวนาให้เป็นเรื่องอื่นดีกว่า เรื่องที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเธอควบคุมไม่ได้ อาทิเช่น เวลาประจวบเหมาะที่เรียกว่าบังเอิญ จังหวะเธอเปิดประตูออกมา แล้วประตูข้างห้องนั้นก็เปิดออกมาด้วย
ชิ้ง!
สายตาคนทั้งคู่บรรจบสบกัน แน่นอนหากแข่งว่าใครเป็นผู้ชนะในเรื่องจ้องตาคงหนีไม่พ้นเขา ร่างสูงไม่มีแม้แต่สะทกสะท้าน แถมเลิกคิ้วสูงอีกต่างหาก
“อะไรติดหน้าพี่งั้นหรือ?”
เหมือนโดนสะกดจิต คนตัวเล็กยืนนิ่ง ราวอัมพาตจับริมฝีปาก ถูกเม้มสนิทขยับไม่ได้ กลายเป็นจำต้องส่ายหัว ใช้สมองอย่างหนักหน่วงเพื่อเลือกระหว่างการหมุนตัวหนี กับเดินหน้าให้รู้แล้วรู้รอด และแน่นอนเธอเลือกอย่างหลัง
“เมื่อคืนเป็นคุณใช่ไหมคะ”
หัวคิ้วคนถูกถามย่นลงเล็กน้อยขณะมองหน้าหล่อน ก่อนคลายสู่สภาพเดิมตอนนึกขึ้นได้ ลากสายตายากจะคาดเดานั้นหลุบลง จดจ่ออยู่ตรงมือที่พันด้วยผ้าพันแผลแล้วยิ้มมุมปาก
“คิดว่าน่าจะใช่..”
ด้วยแววตาเฉยเมยเย็นชา คราวนี้เป็นอินถาที่ต้องขมวดคิ้วบ้างเพราะงงในท่าทางของเขา คล้ายๆกับว่าเมื่อคืนมีอะไรมากกว่าที่นักรบ เพื่อนของเธอเล่า
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเหลือฉัน..คือฉันเมาซะจนไม่ได้สติ..”
“ค่ะ พี่ทราบ”
“คะ?”
ยิ่งประโยคนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ดวงตาคู่สวยขึงขึ้น พร้อมอ้าปากเหวอ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อ
มุมปากผู้ชายตรงหน้ากระตุก ขณะล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเชื่องช้าเข้ามา
เรื่อยๆซะจนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายถอย ก่อนจะเจอทางตันด้วยแผ่นหลังแนบชิดประตู กลายเป็นหนูติดจั่นหลังวงแขนของเขายกขึ้นมาเหนือศีรษะ เท้ายันไว้กับขอบประตู ต้องการขังคนตัวเล็กไม่ให้ขยับ
“แล้ว..แผลเป็นยังไงบ้าง”
โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู
อ๊างงง!
เขาจงใจอ่อยเธอชัดๆ
อะไรกันเนี่ย?! เจตนาจริงๆต้องการจะหาคำตอบ มายืนยันให้มั่นใจว่าแท้จริงแล้วเป็นเธอที่เพ้อเจ้อ เก็บเอาเขาไปฝัน หรือเป็นเขาทำจริง แต่กลับถูกเพิ่มความทรงจำให้หวั่นไหวซะงั้น!
“เอ่อ..ดีขึ้นแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอีกครั้ง ก้มลงต่ำมากกว่าเดิม
“เหรอคะ..”
แม้จะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาสื่อ แต่เธอก็ชอบแบบนี้ หญิงสาวพยักหน้า มือข้างที่เจ็บเผลอขยุ้มเสื้อตรงตำแหน่งหัวใจ และเหมือนร่างสูงจะสังเกตเห็น เขาเหลือบตาลงมาดู จ้องเขม็งผ้าก็อตนั้นก่อนจะพามือตัวเองเลื่อนมากุมเบาๆ
“พี่ขอโทษแทนผู้หญิงของพี่ด้วยนะ”
พร้อมประโยคที่ทำให้คนได้ยินหัวใจร่วงหล่นลงตาตุ่ม
“คะ?”
“...ที่กล้าดีไปทำหนูเจ็บ”