ด้วยความปรารถนาดีและถุงยา

1638 Words
ตลอดการเดินทางระหว่างคอนโดกับสถานที่นัดลูกค้า คนหลังพวงมาลัยเอาที่เหม่อลอย เอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ การเจอกันระหว่างเขากับเธอ ที่มันไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ ทำให้สมองเธอปั่นป่วน โชคดีมากไม่เกิดอันตรายใดๆระหว่างเดินทาง แล้วถึงที่หมายอย่างปลอดภัย อินถายกมือลูบหน้า บุคลิกนี้จะมีก็แต่ยามเผลอตอนเรียกสติเท่านั้น เมื่อใดที่เห็นเมื่อนั้นจะรู้ได้ทันทีสาวเจ้ากำลังประหม่า ไร้ความเป็นตัวของตัวเอง และเครียดสะสมมา “บ้าจริง” เธอพึมพำหลังดับเครื่องยนต์ ล็อครถแล้วเดินลงไป แสงแดดจ้าช่วงกลางวันที่ไม่สามารถควบคุมได้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ปลุกให้เธอตื่น หายสับสนขึ้นมาบ้าง เตือนตัวเองให้เกียรติตัวเองอย่าได้เอาคนนอกเข้ามา แม้ไม่ถึงกับรกสมอง แต่ก็มีผลต่อการทำงาน เนื่องจากอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องเจอลูกค้าแล้ว ตุบ! เสียงโยนกระเป๋าลงเบาะมาก่อนเจ้าของจะทิ้งตัวนั่ง นักรบที่กำลังนั่งอ่านรายละเอียดงานเพื่อจะทำแทน ถึงกับสะดุ้ง หันขวับมองสีหน้าฉงน “อิน?” “กลับออฟฟิศไปเลย” “ฮะ?” “นี่ไงฉันมาแล้ว” “บอกว่าให้พักไง” ชายหนุ่มยานคาง พลางสายหน้าเอือมระอา ไม่ได้สนใจประโยคทักทาย ไม่พอยังก้มลงอ่านเอกสารต่อ “เรื่องอะไร งานของฉัน ฉันก็ควรทำเอง แถมวันนี้เป็นวันแจ้งเกิด” “ก็รู้ตัวนี่” “อะไรนะ?!” “เปล่าๆ” นักรบยิ้มแฉ่ง อินถาถอนหายใจพรืด ประหนึ่งแบกความหงุดหงิดมาเต็มบ่าแล้วปาทิ้งทั้งหมดลงตรงนี้ “หืม นี่แก.. กะจะทำให้กันหมดเลยเหรอ” “ใช่สิ” คนถูกถามพยักหน้า สายตายังคงจดจ่ออยู่บนใบงาน “ถึงบอกให้พักไง” “จะบ้าเหรอ?” “ไม่เห็นบ้าตรงไหน” “เดี๋ยวๆ เอามาเลย” ทว่าถูกเจ้าของงานแย่งชิงไป อินถาดึงแฟ้มไปทั้งหมด พร้อมทำหน้าหงุดหงิด “อย่ามาทำให้ต้องดูแย่” “ดูแย่ตรงไหน แค่อยากช่วย” นักรบเงยหน้ากลั้วขำ “ถึงฉันจะเมาไม่ได้สติ จำอะไรไม่ได้เลย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งงานปะ ฉันก็มีความรับผิดชอบเหมือนกันนะเว้ย” “ก็ไม่ได้ว่า~” คู่สนทนายานเสียง คราวนี้ขึงตาทำหน้าทะเล้น “ว่าแต่งานแกล่ะ เสร็จแล้วเหรอ มาจุ้นจ้านงานคนอื่นเขาเนี่ย” พลันหุบยิ้มทันควัน “อ้าว คนเขาช่วยหาว่าจุ้นเฉย อีกอย่างไม่ใช่คนอื่นนะ นี่ใคร? เพื่อนนะครับ” เอามือชี้ตัวเอง ทำเครื่องหมายถูกใต้คาง อินถาเห็นจึงหลุดยิ้ม ส่ายหน้าเอือมระอาคืนบ้าง “แล้วไง? ว่างแล้วสิ” “ก็..น่าจะนะ” “ฮ่าๆๆ โด่ววว อีรบ! ฟ้องพี่ติ๋วคอยดู” “เฮ้ย” แล้วทั้งคู่ก็หยอกล้อกัน จนกระทั่งลูกค้ามาถึง อินถาขอให้นักรบนั่งรอก่อน และห้ามไม่ให้เข้าไปร่วมวงคุยงานชิ้นนั้น เนื่องจากเป็นงานสำคัญของเธอ และไม่ว่าด้วยเหตุอะไรที่ให้ต้องรอ เขากลับเต็มใจทำตามที่ขอ แม้การบอกกำลังว่างจะเป็นเรื่องที่เขาโกหกก็เถอะ เพราะอันที่จริง บนโต๊ะทำงานของเขา เต็มไปด้วยเอกสารเต็มซะจนไม่มีที่จะเก็บ แถมเป็นงานที่จะต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนไตรมาสนี้ด้วยซ้ำ “แปปนึงนะ..” หญิงสาวหันกลับมาขยับปากให้เขาอ่าน หลังลุกเดินไปหาลูกค้าที่นั่งรออยู่อีกโต๊ะด้วยท่าทางน่ารักๆ ส่วนเขาจีบมือเป็นสัญญาณคำว่าตกลงพร้อมขยิบตา ท่าทางนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วิต่อหน้าของเธอ พอหันหลังให้รอยยิ้มที่ชื่นมื่นก็หายวับไปทันที ชายหนุ่มรู้สัญชาตญาณลึกๆกำลังกระซิบเตือนบางอย่าง จังหวะหัวใจของเขาพองโตและเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะ ประหนึ่งว่า หากวันนี้เขามีความสุข ในอนาคตอาจจะเจ็บปวดก็เป็นได้ ดังนั้นระหว่างทางเดินนี้ จะเลือกเก็บเกี่ยวความทรงจำไว้ หรือจะถอยหลังนี้ก็สุดแล้วแต่การตัดสินใจของเขา จะสู้ หรือจะยอม.. เนื่องจากคู่ต่อสู้กระดูกใหญ่มาก! “เรียบร้อย” สิบห้านาทีให้หลังอินถาเดินกลับมา นักรบที่กำลังเล่นเกมเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเลิกเล่นกลางคันเพื่อต้องการสนใจเธออย่างเต็มที่ “เสร็จแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง เขาสนใจไหม” “ไม่..” หญิงสาวทำหน้าเศร้า ก่อนจะยิ้มแป้นภายหลัง “ไม่เหลือ! กิ้วๆๆ” “จริงดิ” “อื้ม” “ดีใจด้วย” พาดให้นักรบหัวเราะตามด้วย เขาดีใจไปกับเธอที่สามารถทำงานสำเร็จ แผนงานยอดขายที่วางไว้ในที่ประชุมทะลุเป้า ทว่าอยู่ๆกลับต้องทำหน้างง เมื่อเธอพยักหน้าเชิญชวนขณะเก็บของใส่กระเป๋า “ไป” “ไปไหน?” “กินข้าวไง” “กินข้าว?” บรรยากาศกลับกร่อนลง หลังการงุนงงที่มีมากจนเกินไปของเขาทำอีกฝ่ายหงุดหงิด สาวเจ้าชักสีหน้าใส่ แล้วเดินเชิดหน้าไปยังทางออก “โวะ ไปจ่ายเงินไป เอารถไปคนละคันนะ ฉันจะไปรอที่รถ” ปล่อยให้เขายืนเกาหัวแกรกๆ ตามลำพัง “อะไรของนางวะ” ร้านอาหารริมน้ำขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย อินถาตัดสินใจมาเพราะเป็นตัวเลือกอยู่ในใจนานแล้ว มีเมนูอาหารหลายรายการที่สนใจอยากลอง และพาครอบครัวมากินภายหลัง ทว่าวันนี้เมื่อได้โอกาส ไม่ต้องมานั่งกินคนเดียวให้เขิน เรื่องอะไรจะปล่อยให้มันหลุดมือ “ไกลเหมือนกันนะ” นักรบบ่นอุบ หลังจอดรถแล้วลงเดินมาหา หญิงสาวยืนรออยู่มองค้อน “ย่ะ แล้วจะถอนคำพูด ตามมา” เลือกที่จะเดินนำไปไม่ตอบโต้ ทว่าลับหลังสาวเจ้าคงไม่เห็นเขานั้นแอบยิ้มอยู่ เป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้มาทานข้าวกับเธอสองต่อสอง “รับอะไรดีคะ” “เมนูตามนี้เลยค่ะ” พนักงานจดอาหารรับแผ่นกระดาษขนาด A4 ซึ่งถูกคลี่ออกจากการพับหลายทบไปถือไว้ หล่อนอ่านมันคร่าวๆก่อนจะโน้มตัวรับพร้อมรอยยิ้ม “ได้เลยค่ะ” ขณะเดียวกันคนยื่นให้ก็ยิ้มกว้างไม่ต่าง จะมาหุบยิ้มก็ตอนละสายตาจากแผ่นหลังหล่อนสบเข้ากับสายตาของนักรบ “เอิ่ม..” เธอกะพริบตาถี่ “อะไร?” “ถึงกับจดมาเลยเรอะ ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” “ใช่ไง ก็อยากกินมานานแล้วอะ แต่หาเวลามาไม่ได้สักที” “กะจะมาด้วย?!” “เออ กะจะพาแม่มาด้วยแหละ แต่รายนั้นเลื่อนวันลาพักร้อนซะแล้ว” นักรบพยักหน้าตั้งใจฟังเมื่อเรื่องที่เธอกำลังจะพูดเป็นเรื่องส่วนตัว เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้างว่าแม่ของหล่อนอยู่ต่างประเทศ ทว่าแค่ผิวเผินจากคนอื่น “อยู่คนเดียวมานานแล้วเหรอ” “ก็ตั้งแต่ท่านมีครอบครัวใหม่ ตอนนั้นฉันเรียนอยู่มัธยมปลาย” “โห นี่เธออยู่คนเดียวมานานขนาดนั้นเลย” “อื้ม ทำไมอ่า ไม่เห็นเป็นไร” “แล้วญาติคนอื่นล่ะ อยู่ที่นี่บ้างไหม” “มีแต่ฝ่ายพ่อ แม่เลิกกับพ่อนานแล้ว ไม่ค่อยสนิท” ประโยคหลังหล่อนส่ายหัว “แล้วพี่น้องล่ะ” พลางยิ้มเศร้า แน่นอนคำตอบล่าสุดของเธอกลายเป็นบทสนทนาครั้งสุดท้าย ก่อนจะพากันเงียบลงจนกระทั่งอาหารถูกยกมาเสิร์ฟ “ฉันเป็นลูกคนเดียว” อีกเหตุผลที่ทำให้บทสนทนาต้องยุติลงกลางคันก็คือเธอไม่ได้อยากรู้เรื่องของเขา มีแต่เขาที่รับบทเป็นพิธีกรอยู่ฝ่ายเดียว กว่าบทสนทนาจะมีมาใหม่อีกครั้งก็ตอนทั้งคู่พากันวิจารณ์เรื่องอาหาร โดยการรีวิวครั้งนี้ไปในทางที่ดีมากกว่าตำหนิ อินถาดูมีความสุขทุกครั้งหลังอาหารถูกตักเข้าปากไปมีรสชาติถูกอกถูกใจ ต่างจากคนตรงกันข้าม สำหรับคนลิ้นจระเข้ ไม่เคยซีเรียสอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างเขา ไม่ใช่รสชาติอาหารที่ทำให้เขานั้นยิ้มตามอย่างมีความสุข แต่รอยยิ้มนั้นมาจากรอยยิ้มของเธอ สาวเจ้าดูมีชีวิตชีวามากกว่าตอนอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆที่งาน ทั้งคู่พากันหัวเราะ สลับกับการตะเบ็งเสียงใส่ ที่ระดับของความดังอยู่ที่ความตื่นเต้นของเรื่องที่คุย จนกระทั่ง.. ถึงเวลากลับบ้าน อินถาเป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมด เธอยิ้มกว้างมาตลอดทาง ขณะเดินมาที่รถราวกับดีใจมากที่สามารถเป็นผู้ชนะหลังบังคับให้เขานั่งอยู่เฉยๆ ไม่คิดจะแย่งจ่าย และเชื่อฟังได้ “ถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ” นักรบกล่าว ก่อนจะแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเอง ท่ามกลางความเงียบภายในรถ ที่มีแค่เสียงเพลงผ่อนคลายเปิดคลอเบาๆ ทำอินถายิ้มกว้างพร้อมส่ายหน้าอีกครั้งเมื่อมองกระจกหลังไปเห็นรถอีกคัน อันที่จริงเขาสามารถขับแซงเธอไปก็ได้ แต่เลือกที่จะขับตาม เพื่อให้มั่นใจว่าเธอนั้นถึงคอนโดอย่างปลอดภัยแล้ว ถ้าต้องให้คะแนนของภารกิจทั้งหมดในวันนี้ สำหรับอินถาถือดีว่าเยี่ยมแบบห้าดาว แม้ระหว่างวันงานจะยุ่งซะจนปวดหัวไมเกรนขึ้นแต่เธอก็ไม่ติด ยังคงยิ้มร่าขณะเดินขึ้นลิฟต์ได้ แถมยังอุตส่าห์ฮัมเพลงที่ฟังมาจากในรถ จะมาหุบยิ้มพร้อมสีหน้างุนงงอีกทีก็ตอนเดินมาถึงห้องแล้วเห็นถุงปริศนาแขวนอยู่ เป็นถุงสีขาวขุ่นสร้างความงุนงงให้กันไม่น้อย หญิงสาวเลิกคิ้วสูงแทน หลังดึงออกมาดูแล้วพบว่ามันคือถุงสารพัดยาที่ได้มาจากร้านยาในห้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD