พลั่ก! ผลั่วะ!
เสียงต่อสู้ดังฝ่าความเงียบงัน ร่างบางยังคงยืนนิ่งค้างไม่ขยับเขยื้อน เธอไม่ได้กลัว แต่กำลังลังเล ก็รู้แหละว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตรายนั่น แต่จิตใจฝ่ายดีมันร่ำร้องไม่หยุดนี่น่ะสิ ต้องโทษที่เธอดันเกิดมาสวยแล้วยังจิตใจดีอีก
แอบดูสักหน่อยแล้วกัน…
ร่างเพรียวขยับเข้ามาซ่อนหลังรถคันหนึ่ง ต้นเสียงชุลมุนนั่นเป็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังสู้กัน ไม่สิ… ต้องพูดว่ากำลังรุมคนคนหนึ่งอยู่ต่างหาก
ร่างสูงของคนถูกรุมยืนหันหลังให้เธอ ความมืดทำให้มองไม่เห็นหน้าเขา แต่พอจะมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้อยู่บ้าง เขาเป็นคนร่างสูงผอมเพรียว น่าจะสูงราว ๆ ร้อยแปดสิบห้า เรือนผมสีดำสนิทยาวระต้นคอรวบมัดลวก ๆ ขณะที่เขาเคลื่อนตัวหลบการโจมตี ปอยผมของเขาสะบัดเบา ๆ ตามการเคลื่อนไหว มันดูน่ามองจนเธอเผลอเคลิ้มไปชั่ววินาที
ปั่ก!
เขาเตะคนล้มไปบนพื้นอีกแล้ว ทักษะการต่อสู้ของคนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ สามารถสู้หนึ่งต่อหกได้ด้วยท่าทางสบาย ๆ แบบนี้นับว่าน่าทึ่งมาก
นี่ขนาดยังไม่เห็นหน้าตาเลยนะ… ถ้าเห็นคงต้องหล่อน่าลากมากแน่ ๆ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน… นี่เธอคิดจะมาช่วยเขาไม่ใช่เหรอ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเขารับมือกับคนพวกนั้นได้สบาย ๆ ก็เถอะ แต่ถ้าเกิดเขาพลาดขึ้นมาคงจะมีสภาพไม่น่าดูแหง ๆ
วาโยกระแอมกระไอเคลียร์เสียงในลำคอก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วหลับตาตะโกนออกมาเสียงดัง
“พี่การ์ดขาาาาา!! ทางนั้นมีคนตีกันค้าาาาา!!” เสียงตะโกนร้อยแปดสิบเดซิเบลดังก้องไปทั่วลานจอดรถ ดังถึงขนาดนกบนต้นไม้บินหนีด้วยความตื่นตกใจ คิดดูแล้วกันว่าเสียงเธอสะเทือนฟ้าสะเทือนดินแค่ไหน
“เวรเอ๊ย! พวกมึงถอยก่อน เดี๋ยวพ่อมึงมา!” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นตะโกนสั่งก่อนจะรีบวิ่งหนีหายไปในความมืด วาโยชะโงกหน้าออกไปดู พอเห็นว่าเหลือเพียงผู้ชายผมยาวคนนั้นยืนอยู่เธอจึงเดินออกมาจากที่ซ่อนตัว
“พี่ควัน… พี่เป็นอะไรไหมคะ?”
ทว่าเท้าเล็ก ๆ เดินได้ไม่กี่ก้าวเป็นอันต้องชะงักกึกหันมองต้นเสียงหวานที่เพิ่งเดินออกมาจากอีกมุมหนึ่งเช่นกัน วาโยกะพริบตามองเธอคนนั้นตาปริบ ๆ
อะไรกัน… เมื่อครู่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ามีผู้หญิงอีกคนอยู่ตรงนี้ด้วย
ผู้หญิงคนนั้นละสายตาจากผู้ชายร่างสูงมองมาทางวาโย แววตาประหลาดใจฉายชัด สองคิ้วขมวดเล็กน้อย เช่นเดียวกับวาโยที่มองเธอด้วยสายตานิ่งอึ้ง
“เธอ…”
“ชิ” ปฏิกิริยาตอบกลับของวาโยแสดงออกชัดเจนว่าเซ็งจัด เธอกลอกตามองบน ไม่รู้ว่าโลกกลมอะไรนักหนา คนมาเที่ยวผับเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมเธอต้องมาเจอยัยนี่เวลานี้ด้วยเนี่ย
แน่นอนว่าท่าทางของวาโยตกอยู่ในสายตาของผู้ชายเพียงคนเดียวตรงนี้ ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจจะมองใครด้วยซ้ำ แต่พอได้ยินเสียงชินั่นเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีสดก็อดเหลือบมองไม่ได้
“นี่เธอ… เธอมาทำอะไรตรงนี้?”
“อะไร? นี่มันที่สาธารณะ ทำไมฉันจะมาไม่ได้?” เธอไม่ได้อยากกวนตีนหรอกนะ แต่พอเป็นยัยนี่แล้วมันอดไม่ได้จริง ๆ
ศัตรูหมายเลขหนึ่ง… เรนนี่
ยัยเรนนี่เรียนเอกเดียวกับเธอ ชอบทำตัวอยู่เหนือคนอื่น มีความมั่นหน้าล้านแปด คิดว่าตัวเองสวยมาก ตั้งแต่แข่งประกวดดาวคณะกับเธอแล้วแพ้ ยัยนี่มักจะกระแนะกระแหนเธอทุกครั้งที่เจอ พิชาเคยตั้งข้อสงสัยว่าต้นตอข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ของเธอก็น่ามาจากปากบอนสีของยัยเรนนี่นี่แหละ!
วาโยเลิกสนใจเรนนี่ เธอดึงสายตากลับมามองผู้ชายอีกคนแทน เมื่อครู่เธอมองไม่เห็นหน้าเขาก็เลยเดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อจะมองหน้าเขาให้ชัด ๆ นี่แหละ ไม่งั้นมันค้างคาใจ
ดวงตาสวยคมเฉี่ยวประสานเข้ากับดวงตาคมเข้มแสนเย็นชา นัยน์ตาสีดำสนิทของเขานิ่งลึกราวกับมหาสมุทรไร้คลื่นลม มันทั้งเย็นเยียบชวนหนาวสั่น ทั้งลึกลับน่าค้นหา เขาจ้องตาเธอกลับนิ่ง ๆ ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ขณะปล่อยให้เธอสำรวจใบหน้าเขาต่อไป
หล่อ…
ณ เวลานี้ไม่มีคำใดปรากฏในหัวสมองน้อย ๆ ของวาโยนอกจากคำนี้ เธอเลื่อนสายตามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้าคล้ายตกอยู่ในภวังค์ เธอเจอผู้ชายหล่อเหลามาไม่น้อย จะสายฝอ สายเกา สายละติน เธอพบเจอมาหมดแล้ว แต่ไม่มีใครที่ดึงดูดสายตาเธอเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว
เขาเหมือน… แวมไพร์
ใช่… ความหล่อเหลาและบรรยากาศรอบตัวของผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนพระเอกแวมไพร์ มันเยือกเย็น ลึกลับ และดูเข้าถึงยากโคตร ๆ
สายตาหวานเลื่อนมองรอยสักบนลำคอซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อออกมา ก่อนจะกวาดมองรอยสักเท่ ๆ ตรงแขนทั้งสองข้างของเขา
โอ้ว… ความดิบเถื่อนนี้กระชากใจวาโยอย่างแรง!
ฟึ่บ!
“หยุดมองพี่ควันด้วยสายตาทุเรศ ๆ นั่นสักที!”
ภาพความหล่อเหลาแสนดิบเถื่อนชวนหัวใจสั่นรัวตรงหน้าถูกทำลายลงด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวของยัยเรนนี่ เธอหลุดจากภวังค์ดึงสติตัวเองกลับมา สายตาเคลิบเคลิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งในพริบตา
อารมณ์เสียจริง ๆ เลย!