“แกคิดดีแล้วจริง ๆ เหรอโย การสักมันเจ็บมากเลยนะ คนอย่างแกที่แค่ฉีดยายังต้องนั่งทำใจเป็นชั่วโมง ๆ เนี่ยนะคิดจะสัก?”
“ฉันตัดสินใจไปแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจด้วย”
“ฉันก็นึกว่าแกพูดเล่นเพื่อหาข้ออ้างในการเข้าหาพี่ควันซะอีก”
ความคิดของพิชาไม่ได้ผิดเลยสักนิด ตอนแรกวาโยคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่พอเธอเริ่มสนใจเรื่องรอยสักมากขึ้น เธอรู้สึกว่ามันเป็นศิลปะที่สวยงามและน่าหลงใหลมาก เป็นความเจ็บปวดที่สวยงามซึ่งจะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต
“ครั้งนี้แกดูจริงจังมากเลยนะโย” พิชาจ้องมองเพื่อนรักที่กำลังนั่งพิมพ์บางอย่างในโทรศัพท์ ปกติยัยนี่เคยสนใจแชทกับใครที่ไหน นอกจากไลฟ์กับอ่านคอมเม้นท์แฟนคลับแล้ว วาโยแทบไม่ตอบแชทใครด้วยซ้ำ “แกชอบพี่ควันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
ปลายนิ้วที่กำลังพิมพ์ข้อความชะงักนิ่ง เธออ่านแชทที่ตัวเองส่งไปอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่อีกฝ่ายทำเพียงเปิดอ่านแต่ไม่เคยตอบกลับมา แม้จะเป็นแบบนั้นก็ทำให้เธออดยิ้มอย่างอารมณ์ดีไม่ได้
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฉันไม่เคยรู้สึกชอบใครเท่านี้มาก่อน มันเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกแบบนี้”
“แม้ว่าเขาจะเย็นชาใส่แกตลอดเวลาอะนะ”
“สำหรับคนอย่างพี่ควัน แค่เขายอมคุยกับฉันนั่นก็ถือว่าพิเศษกว่าคนอื่นแล้วไหม”
“เออก็จริง”
เธอมองพิชานั่งเท้าคางพลางยิ้มซุกซน “ว่าแต่แกเถอะ พักนี้เจมันหายหัวไปไหน ไม่เห็นมันโผล่หน้ามาเลย”
“ช่วงนี้เอกมันเรียนหนักเพราะใกล้สอบแล้ว ป่านนี้คงนอนตายคากองหนังสือไปแล้วมั้ง”
“มีแฟนเป็นเด็กเรียนก็แบบนี้แหละ แกควรชินได้แล้วไหม” เธออดขำกับท่าทางแสนงอนของเพื่อนไม่ได้ “จริงสิ เย็นนี้ฉันต้องเริ่มสักกับพี่ควันแล้ว คงรับสายไม่ได้นะ ถ้ามีอะไรก็แชททิ้งไว้แล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อน นี่เริ่มสักเย็นนี้แล้วเหรอ? ทำไมเร็วจัง”
“เห็นพี่ควันบอกว่าหลังจากนี้เขาจะค่อนข้างยุ่งเพราะต้องปั้นงานชิ้นหนึ่งส่งก่อนสอบ ตอนแรกเขาจะสักให้ฉันหลังปั้นเสร็จ แต่ฉันใจร้อน ไม่อยากรอจึงขอให้เขาแบ่งเวลามาสักให้ฉันทุกวันแทน วันละครึ่งชั่วโมงก็ยังดี”
“นั่นเป็นข้ออ้างในการเจอเขาทุกวันสินะ” พิชากลอกตามองอย่างรู้ทัน
“อุ้ย แสนรู้จังเลยนะจ๊ะ” มือบางเกาคางเพื่อนรักอย่างเย้าแหย่ ทำคนถูกแหย่เบ้หน้าอย่างนึกหมั่นไส้
“ชิ งั้นแกก็ไม่ว่างทุกเย็นเลยสิ”
“อืม ก็คงงั้น แต่ไม่กี่วันหรอก เพราะน่าจะใช้เวลาสักไม่นาน”
“แล้วบอกเรื่องนี้กับพี่คินหรือยัง” พิชาหรี่ตามองเธอที่นั่งทำหน้าเจื่อน “อย่าบอกนะว่าพี่คินยังไม่รู้?”
“ฉันเคยบอกเขาไปแล้วนะว่าฉันอยากสักกับพี่ควัน เพียงแค่ยังไม่ได้บอกว่าจะเริ่มสักเมื่อไหร่”
“มันไม่เหมือนกันนะโย ตอนนั้นพี่ควันยังไม่ตอบรับนี่ แต่ตอนนี้แกกำลังจะเริ่มสักกับเขาแล้ว แกก็ควรบอกพี่คินหน่อยไหม ถ้าเขามารู้ทีหลังเดี๋ยวก็งอนอีกหรอก”
เธอนิ่งคิดตาม “ไว้ฉันค่อยบอกเขาแล้วกัน”
.
.
.
ตกเย็น
วาโยมาถึงร้านสักตรงตามเวลานัด ควันหลงรออยู่ก่อนแล้ว ดูเหมือนเขาเพิ่งสักให้ลูกค้าเสร็จไปไม่นาน เธอมองร่างสูงที่กำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ วันนี้เขาก็ยังดูดีเหลือเกิน เขาสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีดำทั้งตัวเหมือนเช่นทุกวัน ผมยาวสีดำประบ่ารวบมัดอย่างลวก ๆ เผยให้เห็นจิวต่างหูเท่ ๆ กับรอยสักสวย ๆ ซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อออกมา
หล่อจนใจเจ็บ หล่อจนตาพร่างพราวไปหมดแล้วพ่อ! ความแบดบอยและความกราวใจนี้กระแทกใจโยเหลือเกินค่ะ!
“ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อ” เสียงเย็นชาถามโดยที่ยังไม่หันมามองกันสักนิด แล้วรู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังสวมเสื้อผ้าแบบไหนอยู่น่ะ? เขามีตาทิพย์รึ??
“โยเพิ่งเลิกเรียนก็เลยไม่ได้แวะกลับห้องน่ะ” วาโยเดินเข้ามานั่งบนเตียงสัก สายตายังจ้องมองแผ่นหลังกว้างตาไม่กะพริบ พอเห็นเขาหันกลับมามองด้วยแววตาเย็นชา เธอจึงก้มหน้าเตรียมปลดเข็มกลัดกระดุมนักศึกษา
“จะทำอะไร?”
ปลายนิ้วเล็กชะงักงัน เธอเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง คิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ถอดเสื้อไงคะ” ไม่ถอดเสื้อแล้วจะสักที่หลังเธอได้ยังไงกัน
ครืด…
ผ้าม่านรอบเตียงสักถูกดึงปิดพร้อมกับเสียงเย็นชาดังมาจากหลังม่าน “ถอดแค่เสื้อฝั่งเดียวก็พอ เสร็จแล้วนอนคว่ำหน้าบนเตียงแล้วอย่าลืมใช้ผ้าบนโต๊ะคลุมหลังไว้ด้วย”
“ต้องคลุมผ้าด้วยเหรอคะ?” เธอมองไปทางผ้าคลุมไหล่ผืนใหม่เอี่ยม หยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสนใจ
นี่เขาซื้อมาให้เธอใช้โดยเฉพาะเลยเหรอเนี่ย…
พี่ควันของเธอก็มีความใส่ใจคนอื่นเป็นเหมือนกันแฮะ
“คลุมซะ อย่าถามมาก เสร็จแล้วค่อยเรียก”
ไม่รู้ทำไม ทั้งที่น้ำเสียงเขาเย็นชาปานนั้น แต่ริมฝีปากบางกลับหุบยิ้มไม่ได้เลย
หลังจากวาโยปลดเสื้อฝั่งซ้ายออก เธอนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงสักตามที่เขาบอกโดยไม่ลืมหยิบผ้าคลุมไหล่มาคลุมทั้งแผ่นหลังด้วย เพราะรู้ว่าวันนี้ต้องเริ่มสักเธอจึงสวมบราแบบไร้สายเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการสักของเขา
“เสร็จแล้วค่ะ”
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงัด มีเพียงเสียงดนตรีแว่วมาจากไกล ๆ ซึ่งน่าจะมาจากร้านอาหารสายลมของพี่คิน เธอนอนหลับตาพยายามทำจิตใจให้สงบ ปลอบใจตัวเองไม่ให้รู้สึกหวาดกลัว เสียงม่านเลื่อนเปิดพร้อมกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดผ่านเข้ามา ร่างบางเครียดเกร็งเล็กน้อย ลืมตามองเงาของร่างสูงที่ขยับเข้ามายืนข้างเตียงแล้ว
“ฉันจะดราฟลายบนผิวของเธอก่อน จากนั้นนอนรอประมาณสิบนาทีถึงจะเริ่มสักได้”
“ขะ เข้าใจแล้วค่ะ” วาโยฟุบหน้ากับแขนเพื่อข่มความตื่นเต้น แต่ใครอีกคนกลับเข้าใจว่าเธอกลัว
“ถ้ากลัวก็กลับไปซะ มันเสียเวลา”