ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง
“เราชอบไอ้ควันใช่ไหม?”
“แค่ก ๆ”
โอ๊ย… ซูชิติดคอตายแล้ววว
“ถึงกับสำลักเลยหรือไง” ปากเขาก็บ่นแต่มือยื่นทิชชูส่งให้แถมยังช่วยลูบหลัง เมื่อดื่มน้ำล้างคอเรียบร้อยเธอจึงเงยหน้าสบตากับเขา
“พี่ถามตรงเกินไป”
“ถามอ้อม ๆ แล้วเราจะตอบพี่ไหมล่ะ” น้ำเสียงติดไม่พอใจ “ตกลงว่าไง ที่ย้ายคอนโดเนี่ย เพราะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าไอ้ควันมันอยู่ที่นี่”
“ไม่ใช่สักหน่อย นั่นมันเรื่องบังเอิญค่ะ ขนาดพี่คินยังไม่รู้เลย แล้วโยจะรู้ได้ไงละคะ”
เรื่องอะไรจะยอมรับง่าย ๆ เล่า!
“พี่รู้จักเรามากี่ปีแล้วโย คิดว่าเราโกหกแค่นี้พี่จะดูไม่ออกหรือไง พี่ว่าพี่รู้จักเราดีกว่าไอ้ยุอีกนะ”
อันนี้ไม่เถียง ยอมรับว่าพี่คินรู้จักเธอดีจริง ๆ เรียกว่ารู้ดี รู้ลึก รู้ไส้ รู้พุงเสียยิ่งกว่าพี่ชายแท้ ๆ ของเธอซะอีก
วาโยปล่อยให้บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบเกือบนาที ก่อนจะถอนหายใจก้มหน้ายอมรับออกมาตรง ๆ
“ใช่ค่ะ โยย้ายคอนโดเพราะรู้ว่าพี่ควันพักอยู่ที่นี่”
“เพราะอะไร?”
“คะ?” เธอเงยหน้าสบตาร่างสูงฝั่งตรงข้าม แววตาและสีหน้าเขาไร้แววล้อเล่น มันดูจริงจังผิดปกติ
“ทำไมต้องทำขนาดนี้? ถึงขนาดซื้อคอนโดที่เดียวกับมัน ชอบมันขนาดนั้นเลย?”
“ก็… ไม่ขนาดนั้น” เธอตอบอึกอัก ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เธอยอมรับว่าค่อนข้างสนใจพี่ควันมาก ๆ แบบที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน เขาเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง เธอรู้สึกชอบเขาถึงอยากอยู่ใกล้เขา ซึ่งปกติเธอทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่าเหตุผลอยู่แล้ว
“จะบอกว่าไม่ได้ชอบมัน?”
“ก็ไม่เชิงค่ะ” พอโดนคาดคั้นมาก ๆ ก็เริ่มรู้สึกอึดอัด น้ำเสียงจึงติดเหวี่ยงหน่อย ๆ “โยก็แค่อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง โยคิดไว้อยู่แล้วว่าจะหาคอนโดใหม่สักที่ แล้วบังเอิญถูกใจที่นี่ก็เลยอยากได้ เรื่องพี่ควันก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้น”
“เราตอบไม่ตรงคำถามนะ พี่ถามว่าเราชอบมันหรือเปล่า?”
ดวงตาหวานเหลือบมอง นิ่งคิดนิดนึงก่อนตอบ “ก็ชอบค่ะ โยถึงอยากสักกับเขาไงคะ”
วาโยสัมผัสได้ถึงอาการนิ่งค้างของอคิน เขาคล้ายจอดับไปชั่วขณะ แววตาเหม่อลอย มองเธอตาไม่กะพริบ จนเธอเขย่าแขนเรียกเขาถึงได้สติกลับมา
“พี่คินตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคะ? ปกติโยชอบใครพี่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่ หรือว่าพี่ควันมีอะไรที่โยไม่ควรชอบ?”
“ไม่… ไม่มีอะไร พี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” พูดจบเขาก็ลุกไปเลย ทิ้งเธอมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยแววตางุนงง
จู่ ๆ พี่คินเป็นอะไรไป??
.
.
.
“มึงเป็นไรวะไอ้ควัน ลืมเอาปากมาจากห้องเหรอ นั่งเงียบเป็นศพเลยนะมึง” ฉลามยกเท้าขึ้นถีบขาเพื่อนใต้โต๊ะเมื่อเห็นคนฝั่งตรงข้ามเอาแต่นั่งเงียบมาเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงนี่จะเป็นนิสัยปกติของควันหลง แต่ปกติมันก็ไม่ได้เงียบอึมครึมขนาดนี้ นี่เล่นแผ่ไอเย็นออกมาจนพวกเขาจะหนาวตายกันทั้งโต๊ะแล้ว
“พูดถึงไอ้ควัน กูนึกขึ้นมาได้ ลูกพี่ลูกน้องมันที่พวกเราเจอในลิฟต์เมื่อกี้ใช่คนคนนั้นป่ะวะ?” กันย์ขยับเข้ามากระซิบถามฉลามเสียงเบา
“คนคนนั้นคือคนไหนวะ?” ฉลามขมวดคิ้วถามกลับเสียงดัง
“มึงจะตะโกนทำห่าไรวะไอ้หลาม! กูนินทามันอยู่!” กันย์ตบหัวฉลามไปหนึ่งทีโทษฐานเรียกสายตาดำมืดจากควันหลงมาทางตน แล้วดูสายตามันดิ คมกริบยิ่งกว่าใบมีด นี่ถ้ามันปาดคอเขาได้คงทำไปแล้ว
“เอ้า ก็กูงงนี่หว่า มึงจะพูดไรก็พูดอย่ากำกวม กูรำคาญ”
“ตั้งแต่มีเมียนี่ความจำสั้นเลยนะมึง”
“มึงหมายถึงเรื่องเมื่อปีก่อนป่ะวะ?” ไปป์แทรกหน้าเข้ามาในวงอีกคน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าฉลาม กันย์ ไปป์กำลังสุมหัวชนกันนินทาเพื่อนอยู่ ขณะที่คนโดนนินทาเพียงนั่งจิบเหล้านิ่ง ๆ ไม่ได้สนใจจะมองใคร
“เรื่องปีก่อน?” ฉลามขมวดคิ้วพยายามนึก ก่อนจะร้องอ้อ “กูจำได้แล้ว! เออ ๆ คนนี้แหละมึง ๆ”
“ใช่มะ ๆ กูถึงว่าตั้งแต่ออกจากลิฟต์ไอ้เวรนั่นก็นั่งแผ่ไอเย็นออกมาตลอดเลย รังสีอาฆาตฟาดฟันฉิบหาย”
“แต่แม่งก็กล้าทักไอ้ควันนะ เป็นกู กูไม่กล้า”
“ยังไงก็ญาติอ่ะมึง นามสกุลเดียวกันอีก จะตัดไงให้ขาดวะ จริงมะ”
เสียงนินทาของผู้ชายหน้าตาดีสามคนไม่ได้เบาอย่างที่พวกเขาคิด เพราะคนที่ตกเป็นหัวข้อนินทาได้ยินมันเต็มสองหู มือหนากำแก้วแน่นจนแทบจะแตกคามือ เขาไม่ได้ถือสาที่โดนเพื่อนนินทาระยะเผาขน แค่รู้สึกหัวเสียนิดหน่อยที่วันนี้ดวงซวยเจอคนที่ไม่อยากเจอเข้า
.
.
.
สี่ทุ่มกว่าแล้ว กว่าวาโยจะไล่อคินกลับไปได้ทำเอาเหนื่อยอกเหนื่อยใจสุด ๆ เธอดูออกว่าอคินมีเรื่องอะไรในใจแน่ ๆ และเรื่องนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับพี่ควันของเธอด้วย
พูดถึงพี่ควัน… พี่ฉลามบอกว่าพี่ควันอยู่ชั้นเก้าใช่ไหมนะ
ประตูห้อง 9003 เปิดออกช้า ๆ พร้อมใบหน้าสวยยื่นออกมา บริเวณโถงทางเดินเงียบสงัด ร่างบางแทรกตัวออกมายืนนิ่งหน้าประตูห้องตัวเอง เธอมองซ้ายมองขวาไล่สายตาไปตามประตูห้องทั้งสองฝั่ง ชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมดแปดห้อง แบ่งเป็นฝั่งละสี่ห้อง ห้องเธอเป็นห้องตรงกลางพอดี
“ถ้าพี่ควันพักอยู่ชั้นนี้ งั้นก็แสดงว่าอีกเจ็ดห้องที่เหลือต้องมีห้องเขาสักห้องแน่ ๆ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะใช้ความคิดว่าทำยังไงถึงจะรู้ได้ว่าพี่ควันหลงของเธอพักอยู่ห้องไหน
หรือจะสุ่มเคาะประตูทุกห้องเลยดีไหมนะ…
“ไม่ ๆ แบบนั้นมันดูโรคจิตเกินไปนะโย…” เธอสะบัดศีรษะไล่ความคิดไม่เข้าท่าทิ้ง ตัดใจหมุนตัวกลับเข้าห้องเป็นจังหวะเดียวกับได้ยินเสียงลิฟต์ดังขึ้น วาโยหันมองตามสัญชาตญาณเพราะลิฟต์อยู่เยื้องจากหน้าประตูห้องเธอไม่ไกล ร่างสูงคุ้นตาก้าวพ้นประตูลิฟต์ออกมา เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอพอดิบพอดี
โอ้วสวรรค์… ฉันนี่มันลูกรักพระเจ้าจริง ๆ!