ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ดวงตาทั้งสองคู่สบกันนิ่ง เธอเห็นความประหลาดใจฉายอยู่ในแววตาเขา แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนมันจะกลับมาเรียบนิ่งเย็นชาเหมือนเดิม
“เอ่อ… บังเอิญจัง พี่ควันก็พักที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?” วาโยเป็นฝ่ายทักก่อน ถ้ารอควันหลงทักก่อนคงต้องชาติหน้าแล้วมั้ง แต่แทนที่เขาจะทักทายเธอกลับ เปล่าเลย… ร่างสูงเดินผ่านหน้าห้องเธอไปราวกับเธอเป็นอากาศธาตุ
โอ้โห… สวยขนาดนี้ยังโดนเมิน?
เสียงคีย์การ์ดปลดล็อกประตูดังมาจากห้องข้าง ๆ หัวใจวาโยเต้นตึกตักจนแทบระเบิดออกมา เธอเชื่อแล้วว่าเธอมันลูกรักพระเจ้าจริง ๆ ใครจะคิดฝันกันล่ะว่าความบังเอิญนี้มันมีอยู่จริง! เธอได้ย้ายมาอยู่ข้างห้องควันหลงอย่างน่าเหลือเชื่อ!
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ร่างบางปิดประตูวิ่งเข้าห้องกระโดดกรี๊ดใส่หมอนบนโซฟาสองเท้าดีดดิ้นไปมาจนสลิปเปอร์กระเด็นไปคนละทิศละทาง สมใจเธอแล้ว! สมใจเธอสุด ๆ! ไม่ใช่แค่อยู่คอนโดเดียวกัน แต่ยังอยู่ห้องข้างกันด้วย! นี่มันยิ่งกว่าพรหมลิขิตอีกนะ!
Rrr…
เสียงเรียกเข้าดังขัดความดีใจจนขาดสติของวาโย มือบางควานหาโทรศัพท์มากดรับสาย ยังไม่ทันกรอกเสียงตอบรับ เสียงปลายสายดังสวนขึ้นมาก่อน
[แกย้ายคอนโดจริงเหรอ?!]
“อย่าตะโกนดิพิ มันแสบแก้วหูนะ” ร่างบางพลิกตัวนอนหงาย ใบหน้าเรื่อแดงจากกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่
[แกนี่มันสุดจริง ๆ นะโย เดี๋ยวนี้ถึงขั้นย้ายคอนโดตามผู้ชายแล้วเหรอ!]
“พูดจาน่าเกลียด ฉันไม่ได้ย้ายตามผู้ชายสักหน่อย แกก็รู้นี่ว่าตอนแรกฉันคิดอยากได้คอนโดใหม่อยู่แล้วป่ะ ผู้ชายก็แค่ผลพลอยได้เฉย ๆ”
[นั่นมันคำแก้ตัวอะไร! แกคิดอยากได้คอนโดใหม่ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน เอื่อยเฉื่อยมาตลอดไม่เคยคิดหาคอนโดจริงจัง แต่อยู่ ๆ ก็ตัดสินใจย้ายปุบปับภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์เนี่ยนะ?]
นี่เพื่อนหรือแม่เนี่ย บ่นเก่งเกินไปแล้ว
“เอาน่า ฉันก็ย้ายมาแล้วไหมล่ะ อีกอย่างที่นี่ก็ดีมากด้วย ไม่ได้วังเวงเหมือนที่เก่า มีแต่นิสิตมอเราทั้งนั้น เมื่อเย็นฉันยังเจอพี่ฉลามในลิฟต์ด้วยนะแก”
[แหงแหละย่ะ! ก็แกย้ายตามเพื่อนพี่ฉลามเขาไปนิ!] ค่อนขอดเก่งที่สุด! [แล้วนี่พี่คินกลับไปหรือยัง เขาไปช่วยแกย้ายของนิ]
“อือ กลับไปสักพักแล้ว งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่คินจริง ๆ ถ้าไม่ได้เขาฉันคงไม่ได้คอนโดนี้แน่”
ปลายสายเงียบสักพัก ก่อนได้ยินเสียงถอนหายใจตามมา
[แล้วพี่คินรู้เรื่องพี่ควันหรือยัง]
“หมายถึงเรื่องไหนล่ะ” เธอไม่ได้จะกวนนะ แต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าพิชาถามถึงเรื่องไหน
[ก็เรื่องที่แกชอบพี่ควันไง! บอกพี่คินไปหรือยัง?]
“อือ บอกแล้ว”
[แล้วพี่เขาว่าไงมั่ง]
“ก็ไม่ว่าไงนะ อีกอย่างสองคนนั้นก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันด้วย”
[หา!! แกว่าไงนะ?!] พิชาตะโกนลั่นจนต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเลยทีเดียว
“แกจะแหกปากทำไมเนี่ย”
[แกบอกว่าสองคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเหรอ? หมายถึงพี่คินกับพี่ควันหลงอะนะ?]
“ใช่” วาโยพลิกตัวนอนคว่ำบนโซฟา ฟุบใบหน้าสวยกับหมอนนุ่ม “พวกเขาใช้นามสกุลเดียวกันด้วย โลกกลมเนอะ”
[ให้ตายเหอะ! นี่มันไม่ใช่แค่โลกกลมธรรมดาแล้วป่ะ อะไรมันจะจุดไต้ตำตอขนาดนี้เนี่ย]
“ว่าแต่แกโทรมาไม่ได้จะคุยเรื่องพวกนี้อย่างเดียวใช่ไหม มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
[จริงสิ ฉันจะโทรมาเตือนเรื่องนัดลูกค้าพรุ่งนี้ เจอกันที่คาเฟ่หน้ามอนะ คุยงานเสร็จจะได้เข้าเรียนเลย]
“โอเค เข้าใจแล้ว”
[แล้วคืนนี้แกจะเข้าไลฟ์ไหม?]
“ไม่อ่ะ เพิ่งย้ายมายังไม่ได้จัดโซนไลฟ์เลย พักวันนึงละกัน”
อีกงานหนึ่งนอกจากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้ว วาโยยังเป็นวีเจในสังกัดแอพ Vibie ด้วย ปกติเธอจะไลฟ์อาทิตย์ละสามครั้ง เธอไม่ได้คิดจะทำงานนี้จริงจังซึ่งทางสังกัดเข้าใจข้อตกลงตรงนี้ดีและไม่ได้มีกฎเกณฑ์บังคับ เธอจึงค่อนข้างมีอิสระในการไลฟ์
[ไม่เห็นต้องจัดโซนอะไรเลย ต่อให้แกไลฟ์หน้าสดคนก็แห่ดูเป็นหมื่นอยู่ดีป่ะ แต่เอาเถอะ คืนนี้แกก็พักไปก่อนละกัน ไว้พรุ่งนี้หลังคุยงานเสร็จค่อยไลฟ์ที่คาเฟ่ก็ได้]
หลังจากวางสายวาโยนอนลืมตามองเพดานห้องนั่งเล่น ในหัวเธอขบคิดสารพัดเรื่อง อยู่ ๆ ก็รู้สึกเบื่อจึงลุกขึ้นนั่ง สายตามองไปทางผนังห้องฝั่งที่ติดกับห้องของควันหลง ริมฝีปากสีระเรื่อขบกัดเบา ๆ อย่างใช้ความคิด
สุดท้ายจึงลุกขึ้นเปิดตู้เย็นหยิบสิ่งที่ต้องการและเริ่มลงมือทำทันที
.
.
.
สิบนาทีผ่านไป
‘สลัดอกไก่’ เมนูคลีนเพื่อสุขภาพหน้าตาน่าทานถูกจัดตกแต่งอยู่ในกล่องอาหารอย่างเรียบร้อย
“เอาล่ะ! ไหน ๆ เราก็กลายเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ตามมารยาทก็ควรมีของผูกมิตรกันหน่อยสินะ ฮิ ๆ” เธอยิ้มอารมณ์ดีขณะเดินกอดกล่องสลัดอกไก่ออกมาจากห้อง บรรยากาศตรงโถงทางเดินยังคงเงียบสงัด สมแล้วที่คอนโดนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัว ทุกคนต่างอยู่กันแบบเงียบ ๆ จนแทบจะวังเวงเลยทีเดียว
ร่างบางหยุดยืนหน้าประตูห้อง 9004 เธอหยิบกระจกพับจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นขึ้นมาเช็กความสวยแล้วเก็บคืนที่เดิม สูดลมหายใจลึก ๆ ยื่นนิ้วเรียวปลายเล็บสีฟ้าครามกดออดหน้าประตู ยืนรออยู่เกือบสองนาทีกว่าเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น เธอรีบเงยหน้ายิ้มกว้าง ดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว มั่นใจมากว่ารอยยิ้มไม้ตายของเธอจะสะกดใจคนมองได้ ทว่ารอยยิ้มของเธอกลับต้องชะงักค้างเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอต้องการพบ
“อ้าว น้องมาได้ไงอ่ะ?”
พี่ฉลาม!