จุดเริ่มต้น

1639 Words
เวลา... สองสัปดาห์ต่อมา... "ลุงโชคว่ายังไงนะคะ" ฉันหันไปมองลุงโชคอีกครั้งหลังจากได้ฟังเรื่องที่ลุงโชคพูดจบไป "พวกนั้นมาอีกแล้วครับ พวกนายทุนน่ะ" "คนพวกนี้พูดไม่รู้เรื่องกันหรือยังไงนะ ก็บอกไปแล้วว่าไม่ขาย ๆ" ก่อนหน้านี้มีพวกนายทุนต่างชาติมาถามขอซื้อที่ดินของฉันอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งฉันก็ได้ปฏิเสธไป ถึงแม้ว่าสวนส้มจะยังเป็นต้นอ่อนที่เพิ่งลงหลุมไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันรอไม่ได้ถึงกับขายสวนทิ้ง เพราะฉันยังมีสวนผักอีกมากมายที่ออกผลผลิตให้ได้ส่งขายอยู่ตลอด ที่สำคัญมันคือที่ดินที่คุณทวดซื้อให้ฉันกับลูก ฉันไม่มีวันขายมันหรอก "เราจะทำยังไงดีครับคุณเวลา" ลุงโชคยังคงถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกับฉัน "คราวนี้มากันกี่คนคะลุง" "มากันสองคนครับ น่าจะเป็นคนไทยด้วยกันทั้งคู่" ลุงโชคตอบ ปกติมากันทีสี่ห้าคนแถมมีแต่ต่างชาติด้วย วันนี้มาแปลกไม่แน่อาจจะคนละเจ้าก็ได้ครับ ไม่งั้นก็คงเป็นพวกนายหน้าหาที่ดินให้ชาวต่างชาติ "เดี๋ยวลุงโชคให้ป้าช้อยมาดูนาทีให้เวลาก่อนนะคะ เดี๋ยวเวลาจะไปจัดการคนพวกนั้นเอง" ลุงโชคพยักหน้าก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อเรียกป้าช้อยเมียแกให้มาดูลูกชายของฉัน "ป้ามาแล้วค่ะ" เสียงป้าช้อยดังออกมาจากด้านใน "คุณเวลาให้คนไปเป็นเพื่อนไหมคะ เผื่อคนพวกนั้นทำอะไรคุณเวลา" ป้าช้อยถามฉันด้วยความเป็นห่วง "ไม่เป็นไรค่ะป้าเดี๋ยวเวลามานะคะ" ฉันหันไปบอกป้ากับลุงซึ่งเป็นคนงานในสวยที่สนิทด้วยที่สุดก่อนจะรีบเดินออกมา "พอดีเลย เอาไอ้ทุยกับอีด่างออกไปเดินเล่นข้างนอกด้วย" ฉันมองหาหมาแม่ลูกอ่อนที่มาคลอดลูกทิ้งไว้ในสวนก่อนจะมองหาไอ้ทุยควายจากโรงเชือดที่ฉันไถ่มา "ด่าง ๆ มานี่ ๆ" ฉันร้องเรียกอีด่าง หมาแม่ลูกอ่อนที่นอนให้นมลูกอยู่ข้างคอกไอ้ทุยให้ออกมา "เดี๋ยวพวกแกไปเดินเล่นนะ อีด่างก็ไปไล่คนแปลกหน้านะเข้าใจไหม" ฉันคุยกับสัตว์สองตัวพลางจูงเชือกไอ้ทุยออกมาจากคอกโดยมีหมาอีด่างวิ่งตามมาด้วย "มึงจะซื้อที่ดินตรงนี้จริง ๆ เหรอวะ ไหนบอกเจ้าของเขาไม่ยอมขายไง" เดินออกมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงพวกนายทุนคุยกันอยู่ไม่ไกลไม่ไกลจากจุดที่ฉันยืนอยู่นัก ลองแอบดูก็เห็นเป็นผู้ชายสองคนสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีดำ สวมแว่นดำแล้วก็ใส่หมวกด้วยกันทั้งคู่ หากมองผ่าน ๆ สองคนนั้นเหมือนกันราวกับเป็นคนเดียวกัน แต่ดูจากทรงแล้วถ้ามาซื้อเองก็น่าจะเอาที่ดินของฉันไปทำสนามกอล์ฟแน่เลย "ทุย ๆ มานี่" ฉันดึงไอ้ทุยให้เข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ แกะเชือกออกพลางแอบฟังที่สองคนนั้นคุยกันไปด้วย "เออกูก็ไม่ได้อยากเซ้าซี้เขาหรอกถ้าเขาไม่อยากขายน่ะ แต่ย่านะสิอยากได้ซะงั้นแถมยังบอกกูอีกนะว่าถ้าซื้อที่ดินแปลงนี้ไม่ได้ท่านจะไม่ให้กูกลับเมืองนอกแล้วก็จะไม่ช่วยกูเรื่องโรสอีก" เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ว่าแต่ทำไมเชือกมันแกะยากแกะเย็นแบบนี้ล่ะ ฉันพยายามดึงเชือกไอ้ทุยที่ติดกับกิ่งไม้ออกแต่ก็ไม่ออกสักที "นี่มึงไม่อยากกลับไปคบกับโรสเพราะมึงจะตามหาแม่ของลูกที่หนีไป หรือเพราะว่ามึงไม่ได้รักโรสแล้ว" เสียงผู้ชายอีกคนถามขึ้น "กู... ก็ไม่รู้ว่ะ แต่ก่อนที่กูจะข่มขืนผู้หญิงคนนั้นโรสเป็นคนบอกเลิกกูก่อน โรสนอกใจกูก่อน" "เฮ้! ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ ออกมานะ" แต่เหมือนหนึ่งในสองคนนั้นจะเห็นฉันเข้าแล้วล่ะสิ เอายังไงดี "ควายไง! เคยเห็นไหมล่ะ" ฉันตะโกนกลับพร้อมปล่อยให้ไอ้ทุยวิ่งออกไปหาสองคนนั้น "ไปเลยทุย ไปเลยลูก!" "เฮ้ยย! คะควาย!" "ด่างรีบตามไอ้ทุยไปเร็วไล่พวกนั้นออกไปจากสวนเรา" โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ฉันยืนมองผู้ชายสองคนวิ่งหนีควายตัวใหญ่ออกจากไร่ พร้อมกับมีหมาอีด่างวิ่งตามไปไล่กัด หึ สมน้ำหน้าอยากมายุ่งกับมรดกของลูกชายฉันทำไม "บอกไปแล้วว่าไม่ขาย ๆ ยังจะมาตื้ออีก น่ารำคาญ" องศา... "แฮ่ก แฮ่ก เชี้ยเอ้ย! อย่าให้รู้นะว่ายัยนั่นเป็นใคร แฮ่ก แฮ่ก" ผมสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดหลังจากวิ่งหนีควายตัวใหญ่กับหมาบ้ามาอย่างไม่คิดชีวิต "ยัยคนสวนตัวแสบอย่าให้เจออีกครั้งนะ" ผมกัดฟันกรอดหลังจากวิ่งเข้ามานั่งในรถพร้อมกับพี่ชายฝาแฝดของตัวเองแล้ว "มิน่าล่ะทุกคนที่ส่งมาถึงไม่มีใครได้เจรจาซื้อที่ดินแปลงนี้สักที กูว่าควายดุแล้วหมาตัวนั้นแม่ง...ดุยิ่งกว่าอีก" ไอ้อัคคีบ่นพลางส่ายหัวไปมาก่อนจะเอนตัวลงด้วยความเหนื่อยล้า "ยัยนั่นแม่งไม่มีเหตุผลเลย แทนที่จะคุยกันก่อน" ผมบ่นพึมพำพลางขับรถออกไป "คอยดูนะ รอบหน้าถ้าเจออีกล่ะก็..." "นี่มึงอย่าบอกนะว่าจะมาอีกน่ะ" อัคคีหันมาหาผม "ก็เออดิ นี่ยังไม่ได้คุยกับเจ้าของที่เลยโดนไล่ออกมาซะแล้ว" ถ้าผมยอมแพ้ ข้อเสนอของคุณย่าผมก็อดน่ะสิ "วันหลังมึงมาคนเดียวเลยนะ กูไม่มาเสี่ยงโดนหมากัดโดนควายขวิดกับมึงหรอก กูมีลูกมีเมียต้องดูแล" "เออ! กูมาคนเดียวก็ได้วะมึงแม่ง" อยู่ ๆ ผมก็ได้รับคำสั่งจากคุณย่าให้บินกลับไทยเพื่อมาซื้อที่ดินแถวชานเมืองในกรุงเทพให้ด้วยเหตุผลที่ว่าคนที่คุณย่าส่งมาไม่มีใครสามารถหว่านล้อมให้เจ้าของที่ดินแปลงนี้ขายที่ให้คุณย่าได้ อันที่จริงผมก็ไม่อยากอาสามาเป็นนายหน้าซื้อที่ให้คุณย่าหรอก แต่ข้อเสนอล้ำค่าที่คุณย่าเสนอมาทำให้ผมต้องน้อมรับคำบัญชาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ครั้งแรกผมก็คิดว่าแค่ที่ดินธรรมดา ๆแปลงนึงถ้าเขาไม่ขายแล้วจะเซ้าซี้ทำไม แต่พอวันนี้มาเจอกับตาผมบอกได้เลยว่าทำเลดีเหมาะกับการทำรีสอร์ท แต่พอถามว่าคุณย่าจะซื้อมาทำไมคำตอบที่ได้คือท่านจะทำสวนผลไม้ แม่เจ้า! "แล้วมึงจะเอาไงต่อ" ไอ้อัคคีถามขณะที่เรากำลังเดินเข้าบ้านด้วยกัน หลังจากเดินทางกลับแล้ว "กูขอกลับไปคิดก่อน" "ตามใจมึงก็แล้วกัน แต่ถ้าวันไหนไส้ทะลักเพราะควายขวิดอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ" มันตบไหล่ผมพลางกระตุกยิ้มก่อนจะเดินไปหาพี่สะใภ้ที่ตอนนี้กำลังให้นมหลานแฝดผมอยู่ในห้องนั่งเล่น "งั้นกูกลับเลยนะ" ผมบอกมันก่อนจะเดินตรงไปหาพี่สะใภ้พลางจิ้มแก้มนุ่มนิ่มของหลานแฝดสองคนที่เพิ่งคลอดได้เดือนกว่า ๆ จะว่าไปมองหน้าหลานที่ไรทำให้ผมคิดถึงใครบางคนขึ้นมา เธอไปอยู่ไหนนะ...เวลา "กลับแล้วนะพี่สะใภ้" "ไม่อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันเหรอ" พี่สะใภ้เงยหน้าขึ้นมาถามผมขณะที่อุ้มหลานผมไว้บนตัก "ไม่ดีกว่า อยากรีบกลับไปพักน่ะ" "นอนที่นี่ก็ได้นะ ตอนนี้สร้างห้องนอนเพิ่มแล้ว" "จะให้มันนอนนี่ทำไมล่ะน้ำแข็ง ให้มันรีบกลับล่ะดีแล้วเดี๋ยวมันมาขโมยลูกเราไป" ไอ้พี่ชายว่าพลางขมวดคิ้วไปด้วย ผมยืนส่ายหัวให้กับอดีตเสือผู้หญิงอย่างอัคคีที่ตอนนี้ทิ้งลายกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ตัวนึง ติดบ้านติดเมียติดลูก ก่อนจะตบหัวมันไปทีแล้วหันหลังเดินออกมา "กูเจ็บนะ!" มันโวยวาย อันที่จริงผมก็อยากนอนค้างที่นี่แหละเพราะขี้เกียจขับรถไกล อีกอย่างที่นี่ก็ใกล้กับสวนที่คุณย่าจะให้ผมไปถามซื้อด้วย แต่ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ มาเห็นครอบครัวของพี่ชายตัวเอง เห็นพี่ชายฝาแฝดตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เป็นพ่อของลูกที่ดี เป็นสามีที่น่ารัก ผมก็อดรู้สึกผิดกับใครบางคนขึ้นมา บางครั้งผมมาที่นี่ผมก็แอบมองดูพี่สะใภ้บ่อยครั้งแต่ไม่ใช่เพราะความพิศวาสอะไรนะครับ ผมมองพี่สะใภ้ก็เพราะว่าคนคนนั้นในเวลานี้เธอจะเลี้ยงลูกเหมือนพี่สะใภ้ไหม เธอกำลังให้นมลูกหรือเปล่า เธอกำลังทำอะไรอยู่ ยิ่งผมมองหน้าหลานแฝดทั้งสองที่อีกคนหน้าเหมือนพ่อซึ่งก็หน้าเหมือนผมด้วยเพราะเป็นแฝดกัน ผมก็รู้สึกแย่เข้าไปอีก ผม...อยากเจอลูกของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD