หลายวันต่อมา...
องศา...
เช้าวันนี้ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะต้องออกไปจัดการเรื่องที่ดินให้คุณย่า หลังจากที่นอนคิดมาหลายวันว่าจะทำยังไง ตอนนี้คนสนิทของผมได้หว่านล้อมให้เจ้าของที่ในแถบนั้นขายที่ดินให้ผมเรียบร้อยแล้ว อันที่จริงผมไม่ได้อยากได้ที่ดินพวกนั้นหรอก แต่เมื่อเจ้าของที่ดินแปลงนั้นไม่ยอมขายให้ผมดี ๆ ผมก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ
"นายแน่ใจใช่ไหมเซริค ว่าเจ้าของที่ดินแถบนั้นยอมขายที่ให้เราหมดแล้ว" ผมถามเลขาของผมเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
"แน่ใจครับบอส ตอนนี้เหลือที่ดินอีกแปลงนึงที่เราจะไปคุยกับเจ้าของเขา ที่ดินแปลงนั้นเป็นสวนลำใยพื้นที่เกือบร้อยไร่ ถ้าเราได้ที่ดินแปลงนั้นมา เราก็จะปิดทางเข้าออกของสวนส้มได้ครับ เพราะที่ดินด้านหลังสวนส้มกับที่ดินฝั่งขวาฝั่งซ้ายเราซื้อมาหมดแล้ว" เซริครายงานความคืบหน้าให้ผมทราบขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่ถนน
"ทำสวนส้มงั้นเหรอ?" ผมเองก็เพิ่งจะรู้นะ วันนั้นที่เดินเข้าไปก็เห็นมีแต่ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นต้นอะไร
"เอ่อ อีกเรื่องนึงครับบอส" คนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่เอ่ยขึ้นราวกับนึกอะไรออก
"ว่า..."
"หมาขี้เรื้อนตัวนั้นกับควายที่วิ่งไล่บอสกับคุณอัคคีเป็นของเจ้าของสวนส้มแปลงนั้นเองครับ รู้สึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงนะครับ เมื่อวานผมลองถามคนแถวนั้นดูแล้ว"
"..." ยัยตัวแสบ คราวนี้ฉันไม่ยอมแพ้เธอแน่ ๆ
เวลา...
"คุณเวลาจะทำยังไงต่อไปดีคะ ป้าว่าเรื่องนี้เราต้องแย่แน่ ๆ ค่ะ" ฉันนั่งคิดไม่ตกกับป้าช้อยที่ศาลาข้างบ้าน เมื่อวานลุงโชคมาบอกฉันว่าเจ้าของสวนแถบนี้ขายที่ให้กับนายทุนต่างประเทศไปหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าของสวนลำใยที่ยังไม่ได้ขายแต่มีข่าวว่านายทุนพวกนั้นจะมาเสนอราคาให้วันนี้
"ถ้าสวนลำใยถูกขายไป สวนเราต้องถูกปิดตายแน่เลยค่ะป้า ไม่มีทางเข้าออกแน่ ๆ เพราะตอนนี้เราอาศัยความสนิทสนมจากป้าเจ้าของสวนลำใยให้เปิดทางเข้าออกให้สวนของเรา"
"เราซื้อสวนลำใยดีไหมค่ะ คุณเวลา" ป้าช้อยเสนอ
"แต่สวนลำใยพื้นที่เกือบร้อยไร่เลยนะคะ มันราคาไม่น้อยเลยนะคะป้า"
"เราโทรหาคุณท่านดีไหมค่ะ คุณท่านต้องช่วยเราได้แน่นอนค่ะคุณเวลา" สิ่งที่ป้าช้อยเสนอมายิ่งทำให้ฉันลำบากใจไปอีก ฉันไม่อยากรบกวนคุณทวดไปมากกว่านี้ แค่คุณทวดดูแลฉันกับลูกให้มีทุกวันนี้ได้ฉันก็เกรงใจมากแล้ว
"แต่เวลาเกรงใจท่านค่ะ เราลองหาทางออกอื่นดูก่อนดีไหมคะ"
"แต่เราไม่มีเวลาแล้วนะคะ ตอนนี้นายทุนพวกนั้นกำลังเดินทางมา อีกอย่างถ้าสวนของเราถูกปิดทางเข้าออก นอกจากคุณเวลาจะลำบากแล้ว คนงานในสวนก็จะพลอยลำบากไปด้วยนะคะ งานแถวนี้ยิ่งหายากอยู่ด้วย คนสวนพวกนี้เขาอยากทำงานที่นี่เพราะได้อยู่ใกล้บ้าน ถ้าเข้าไปทำงานในเมืองก็ไม่พ้นต้องถูกกดค่าแรงเพราะแต่ละคนก็ไม่ได้เรียนจบสูงอะไร มีแต่ลุง ๆ ป้า ๆ ทั้งนั้น น่าสงสารพวกเขานะคะ ทุกคนเขาฝากปากท้องไว้กับสวนของเรานะคะ" คำพูดของป้าช้อยยิ่งทำให้ฉันเครียดเข้าไปใหญ่
คนงานในสวนของฉันทุกคนล้วนเป็นคนในพื้นที่ ที่ก่อนหน้านี้เคยไปขายแรงงานในเมืองใหญ่เพื่อแลกกับค่าแรงอันน้อยนิด กว่าจะเก็บเงินได้บางคนต้องใช้เวลาหลายเดือนเพราะค่าครองชีพในเมืองสูง บางคนที่ไปทำงานก่อสร้างก็เกิดอุบัติเหตุ ขาหัก แขนหัก พิการกลับมา แต่ฉันก็รับเขาเข้าทำงานที่นี่ เพราะในสวนฉันก็แค่รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย และเก็บผลผลิต ทุกคนที่นี่ทำงานแบบพี่น้องไม่มีใครมองว่าคนพิการจะทำงานได้น้อยกว่าหรือสบายกว่า เพราะทุกคนต่างก็เคยลำบากกันมาก่อน
"งั้นเวลาฝากนาทีก่อนนะคะป้า เวลาจะเข้าไปคุยกับป้าเจ้าของสวนลำใยให้เขายืดเวลาที่จะขายสวนออกไปก่อน เราจะได้มีเวลาบอกคุณทวดเรื่องนี้" ฉันมองลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่บนเบาะเด็กตรงหน้าก่อนจะหันไปพูดกับป้าช้อย ในเมื่อทางเลือกมันมีแค่นี้ฉันก็ต้องเลือกเท่าที่มี
"คุณเวลาให้ลุงโชคไปเป็นเพื่อนไหมคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะป้า ฝากดูนาทีด้วยนะคะ"
เวลาต่อมา...
"ป้าขอโทษด้วยนะหนูเวลา จะว่าป้าเห็นแก่เงินก็ได้ แต่ราคาที่เขาเสนอมามันก็ทำให้คนแก่อย่างป้าที่ไม่รู้จะดูแลสวนนี้ไปได้นานแค่ไหนต้องยอมขายน่ะลูก" ป้าเจ้าของสวนลำใยเอ่ยกับฉันหลังจากที่เรานั่งคุยกันได้สักพักแล้ว "คนที่เขามาซื้อที่ป้าจะเข้ามาพรุ่งนี้สาย ๆ น่ะ หนูเวลาลองไปคุยกับเขาเรื่องทางผ่านดูนะลูก เห็นว่าเขาเป็นนักธุรกิจถ้าเราขอเช่าทางผ่านป้างว่าเขาน่าจะยอม"
"...ค่ะป้า ยังไงหนูจะลองคุยกับเขาดู" ฉันส่งยิ้มบาง ๆ ให้ป้าเจ้าของสวนลำใยก่อนจะเดินออกมาด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
"ที่พวกนั้นไล่ซื้อที่ดินในแถบนี้ไปทั้งหมดมันเป็นเพราะเราไม่ยอมขายที่ให้เขาหรือเปล่านะ" ฉันพึมพำกับตัวเองขณะเดินกลับสวน แต่จะให้ขายได้ยังไงกัน ที่ดินแปลงนี้เป็นสมบัติที่คุณทวดซื้อให้ฉันกับลูกชาย มันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวของลูกชายฉันในตอนนี้และฉันก็รับปากกับคุณทวดไปแล้วว่าจะไม่ขายที่ดินแปลงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
"เฮ้อ! แล้วจะทำยังไงต่อไปนะ..." ฉันพ่นลมหายใจออกมาพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ สวนที่ตอนนี้คนงานในสวนลำใยกำลังช่วยกันเก็บเครื่องมือและอุปกรณ์การทำสวนออก
"แล้วคนงานเก่าในสวนนี้จะไปทำอะไร คุณป้ามีค่าชดเชยให้พวกเขาไหมนะ..."
"แล้วเราจะสงสารคนอื่นทำไมเนี่ย เวลานี้ต้องสงสารตัวเองก่อนสิถึงจะถูก"