องศา...
"แล้วบอสจะทำยังไงกับที่ดินที่เราซื้อมาครับ" เลขาคนสนิทเอ่ยถามผมขณะที่เรากำลังมุ่งหน้าออกจากสวนลำใยหลังจากไปเจรจาเรื่องซื้อที่ดินเรียบนร้อยแล้ว
"ครั้งแรกคิดว่าจะยกให้ฟาเรนท์ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าจะทำสนามแข่งรถ ไว้ให้คนมาเช่า" ผมหันไปบอกเซริคที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่
"ทำสนามแข่งรถ?" เซริคหันมาทำหน้างงใส่ผมก่อนจะหันไปมองถนนต่อ
"ไม่ว่ายังไงฉันคิดว่ายัยเจ้าของสวนส้มคงไม่มีทางขายที่ให้เราแน่ ๆ การทำสนามแข่งรถจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด คิดดูสิมีรถวิ่งแข่งกันไปมารอบสวนตัวเองทั้งวันทั้งคืน ไหนจะทางเข้าออกก็ไม่มี ยัยนั่นได้กระอักเลือดตายแน่ ๆ ดีไม่ดีอาจจะขายให้เราในราคาถูก ๆ ก็ได้เพราะเป็นที่ดินตาบอดไปแล้ว"
เวลา...
"เป็นยังไงบ้างคะคุณเวลา" เสียงป้าช้อยเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลขณะอุ้มนาทีเดินมาหาฉัน
"เรา...ช้าเกินไปค่ะป้า" ฉันนั่งลงกับแคร่ไม้หน้าศาลาอย่างหมดแรง ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมดไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง
"งั้นก็แสดงว่าต่อไป เราก็ต้องขายที่ดินแปลงนี้ให้เขาใช่ไหมคะ" คนอายุมากกว่าถามต่อก่อนจะนั่งลงข้างฉัน
"ไม่หรอกค่ะป้า เราต้องมีทางออก เดี๋ยวพรุ่งนี้เวลาจะไปคุยกับเจ้าของที่คนใหม่ เวลาจะไปขอเช่าทางผ่านเขา" ฉันหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้ป้าช้อยเพื่อเป็นการปลอบใจก่อนจะรับนาทีมาอุ้มไว้เอง "อย่างน้อยเขาน่าจะเห็นใจเราบ้าง"
"ป้าเอาใจช่วยนะคะ" ป้าช้อยตบไหล่ฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในสวนเพื่อแจ้งข่าวให้กับคนงาน ตอนนี้แต่ละคนก็เริ่มไม่มีกำลังใจในการทำงานกันแล้วเพราะกลัวว่าสวนจะถูกปิดและต้องไปหางานใหม่
เวลาต่อมา...
"แอ้ อ้อแอ้" เสียงลูกชายตัวน้อยที่ไม่ยอมหลับสักทีร้องงอแงตั้งแต่หัววันจนตอนนี้จะสองทุ่มแล้วก็ยังไม่ยอมนอน พอให้นมก็ไม่ยอมกิน ปกตินาทีไม่เคยเป็นแบบนี้เลย จะว่าไม่สบายตัวก็ไม่ร้อน แพ้อาหารก็ไม่ใช่เพราะฉันกินอาหารตามหมอสั่งแล้วนาทีที่กินนมฉันจะป่วยได้ยังไงกัน
"นอนนะครับคนดีของแม่ ไม่งอแงนะครับลูกชาย" ฉันโยกตัวไปมาเบา ๆ เพื่อกล่อมคนตัวเล็กในอ้อมแขน
"แอ้ อ้อแอ้ แอ้"
"นอนนะครับคนดีของแม่ พรุ่งนี้แม่จะต้องไปทำธุระ เดี๋ยวทำธุรเสร็จแล้วแม่จะพาเข้าเมืองนะครับ"
องศา...
วันนี้ผมเดินทางมายังที่ดินที่ผมเพิ่งซื้อเอาไว้ ตอนนี้ที่ดินด้านหลังสวนส้มทั้งแปลงซ้ายและแปลงขวากำลังถูกปรับสภาพให้เป็นพื้นที่โล่งเตียน ด้านหน้าของผมมีรถหลายคันกำลังโค่นต้นไม้ใหญ่และปรับสภาพที่ดิน มีเพียงสวนลำใยที่ผมเพิ่งเจรจาซื้อมาได้เท่านั้นที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเพราะเจ้าของคนเก่าขอเวลาเก็บข้าวของและผลผลิตล็อตสุดท้ายออกไปก่อน
"คนงานพวกนี้ทำงานกันเร็วดีนะเซริค" ผมเดินไปตบไหล่เซริคเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองพื้นที่รอบ ๆ อย่างอารมณ์ดีเมื่อแผนที่วางไว้มันมาไกลเกินกว่าคำว่าครึ่งทางแล้ว
"ต่อไปก็เป็นคิวของสวนลำใยครับ" เซริคหันมาบอกก่อนจะพูดต่อ "ส่วนผู้รับเหมาที่เราว่าจ้างให้มาสร้างสนามแข่งรถให้เรา ก็น่าจะลงมือหลังจากที่เราปรับสภาพพื้นที่เรียบร้อยแล้วครับ อีกหน่อยคงมีวิศวะมาดูพื้นที่ก่อนสร้างสนาม"
"ดีเลย ยังไงก็ฝากจัดการด้วยนะ"
"ครับ"
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งเข้ามายังพื้นที่ที่ผมกับเซริคกำลังคุยกันอยู่ หันไปมองจึงเห็นว่าเป็นหัวหน้าคนงานที่มาคุมลูกน้องวันนี้
"คุณองศาครับ มีคนมาขอพบครับ" หัวหน้าคนงานเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเพราะวิ่งเข้ามา
"ให้เขาเข้ามาสิ" ผมตอบก่อนจะกระตุกยิ้มพอใจเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเราต้องได้เจอกัน
"งั้นผมไปดูคนงานตรงโน้นก่อนนะครับ" เซริคหันมาบอกเมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินไปยังแคร่ไม้ด้านหลัง
"อื้ม"
"คุณเป็นเจ้าของที่คนใหม่ใช่ไหม" เสียงหวานของใครสักคนเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
"ใช่ ผะ...ผมเอง" เวลา? ผมจำเธอได้...
"...คือฉันอยากจะมาขอเจรจาเรื่องเช่าทางผ่านให้...สะสวนของฉันน่ะ" คนตรงหน้าชะงักไปราวกับตกใจที่เจอผมก่อนจะพูดประโยคถัดมา อย่าบอกนะว่าที่ดินแปลงที่คุณย่าผมอยากได้นักอยากได้หนาน่ะคือสวนของเวลา...
เวลา...
ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอเขาที่นี่ มันบังเอิญมาก บังเอิญมากจริง ๆ แต่เขาคงจำฉันไม่ได้หรอก...มั้ง เพราะเขาก็ดูปกติดีไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือตกใจที่เจอฉัน อีกอย่างถ้าเขาจำฉันได้จริง ๆ ก็น่าจะทักฉันตั้งแต่แรกแล้ว ที่สำคัญเขายังไม่ถามเรื่องลูกสักคำก็แสดงว่าเขาจำฉันไม่ได้
"ปกติป้าเจ้าของสวนคนเก่าจะให้ฉันใช้ทางผ่านนี้ได้เพราะรู้จักกัน แต่เราไม่ได้รู้จักกันฉันเลยอยากให้คุณเรียกเก็บค่าเช่าได้เลย เพราะนอกจากทางนี้ฉันก็ไม่มีทางผ่านที่ไหนแล้ว" ฉันพยายามลืมเรื่องเมื่อก่อนของเราไปก่อนจะพูดถึงเรื่องที่ควรพูดตอนนี้
"จะให้ผมเรียกเก็บค่าเช่า?" คนตรงหน้าเลิกคิ้วพลางแค่นยิ้มออกมา "ค่าเช่าแค่นั้นมันไม่ได้ช่วยให้ผมมีกำไรมากขึ้นเลยนะ" คนตรงหน้าเดินเข้ามาหาฉันทิ้งระยะห่างไว้เพียงหนึ่งก้าวก่อนจะกอดอกแล้วมองหน้าฉันเงียบ ๆ
"..." เขาในวันนี้ต่างจากเขาในวันนั้นราวกับเป็นคนละคน หรือเพราะเขาในวันนี้พูดกับฉันในฐานะคนอื่นไม่ใช่ในฐานะพ่อของลูกเหมือนเมื่อก่อนเหรอ? เขาเลยเปลี่ยนไป? "มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอที่คุณคิดจะปิดทางเข้าออกทุกทาง ไม่ยอมให้ฉันผ่านแม้ว่าฉันจะขอเช่าทางจากคุณแล้ว"
"...นั่นน่ะสิ" คนตรงหน้าพึมพำราวกับคิดอะไรหากแต่ดวงตาคมกริบนั่นกลับจ้องมองมายังฉัน "งั้นผมให้คุณผ่านทางนี้ก็ได้"
"จริงเหรอ" ฉันเอ่ยถามด้วยความดีใจเพราะลืมตัว ทำเอาคนตรงหน้าชะงักไปส่วนฉันก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน
"แต่... เรื่องค่าเช่าผมขอเก็บเพิ่มก็แล้วกัน"
"คุณจะเอาเท่าไหร่ ว่ามาฉันจ่ายไหว"
"แน่ใจ?" องศากระตุกยิ้มอีกรอบราวกับมีแผนการอะไร
"...แน่ใจสิ" จะแพงแค่ไหนฉันก็จะสู้
"คุณ...กับลูก" เสียงกระซิบของคนที่โน้มลงมาทำให้ใบหูและหน้าของฉันชาวาบ อย่าบอกนะว่าเขาจำฉันได้...
"นะนาย..."
"ฉันต้อวการเธอกับลูก ถ้าเธอให้ตามที่ฉันได้เรื่องทางผ่านก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจ่ายตามที่ฉันขอไม่ได้เธอก็น้าจะรู้ดีว่าฉันจะทำอะไร" คนตรงหน้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปหาคนงานที่กำลังทำการรื้อถอนต้นไม้อยู่บริเวณใกล้ ๆ แล้วพูดขึ้น "นับตั้งแต่เย็นนี้ไปเราจะปิดทางเข้าออกของสวนและหาคนมาเฝ้าไว้ไม่ให้ใครผ่าน" เสียงทุ้มสั่งคนงานหลายสิบคนที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ
"ครับคุณองศา" เสียงคนงานหลายคนที่ได้ยินตอบรับ
"ค่าแรงก็คิดเพิ่มได้เลย ใครจะทำงานกลางวันแล้วขอเฝ้าสวนตอนกลางคืนก็เบิกเพิ่มได้ ให้เซริคจัดการให้ได้เลย" เสียงทุ้มพูดกับคนงานต่อ
"ครับคุณองศา"
"พรุ่งนี้ฉันจะแวะมาที่นี่เป็นวันสุดท้าย เธอกลับไปคิดให้ดีล่ะเวลา" คนที่หันมาสบตากับฉันพูดด้วยรอยยิ้มมีชัยก่อนจะเดินจากฉันไปทิ้งไว้แค่เพียงความโกรธเกลียดที่มันมากขึ้น
ที่เขาเป็นแบบนี้เพราะโกรธที่ฉันพาลูกหนีมาหรือเพราะว่าฉันท้องกับเขาทั้งที่ยังไม่พร้อมกันนะ...