5 แผนชิงยอดขาย

1461 Words
สองนายบ่าวตามฮัวจิงอวี๋ไปจนถึงที่หมาย อาคารสองชั้นขนาดสามคูหาที่ฮัวหยางทำสัญญาเช่าเอาไว้นั้น ช่างอยู่ในทำเลที่ดีจนหลัวเผิงเผิง รู้สึกหนักใจ ‘หากว่าพวกเขาเปิดโรงหมอที่นี่สำเร็จ ผู้คนต้องหลั่งไหลเข้ามารักษากันอย่างมากแน่ๆ’ “คุณหนูขอรับ แถวนี้ยังไม่มีโรงหมอและมีคนต่างถิ่นแวะมาพักอยู่มาก เห็นทีโรงหมอสกุลฮัวต้องเป็นที่นิยมแน่อน” “นั่นสิ ข้าก็กำลังหนักใจอยู่” หลัวเผิงเผิง มองโรงเตี๊ยมหลายแห่งที่เพิ่งผุดขึ้นใหม่ นางเป็นเจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีร้านค้าและกิจการต่างๆ จึงรู้ว่าในตรอกแถวนี้มีที่พักรายคืนและบ้านเช่ามากมายที่พวกพ่อค้าและคนเดินทางจากต่างเมืองและต่างแคว้นมักจะเข้ามาพักอาศัย “หากเราคิดจะตั้งโรงหมอแข่งกับเขาในยามนี้ คงไม่ทันแน่ คงต้องอาศัยความสามารถผู้อื่นเพื่อดันตนเองเสียแล้วล่ะ” “คุณหนูหมายถึง...” “ไปติดต่อหมอที่เก่งๆ ให้มาอยู่ในสังกัดร้านหวนเจี่ยอย่างไรเล่า” ฮัวจิงอวี๋รู้สึกว่ามีคนตามสะกดรอยจึงย่องออกไปประตูหลังของโรงหมอ แล้วอ้อมไปดักรอบุรุษสองคนที่เขารู้สึกว่าลอบตามเขามาได้สักพักแล้ว แต่พอเห็นคนทั้งสองจริงๆ ชายหนุ่มกลับชะงัก คนหนึ่งก็คือสตรีที่สวมเสื้อผ้าอย่างบุรุษ นางคือคนเมื่อเช้าที่เขาเห็นอยู่ข้างกำแพงฝั่งตรงข้าม ใบหน้านั้น คุ้นเคยอย่างยิ่ง แต่อาจจะเป็นเพราะเวลาผ่านมาหลายปี เป็นช่วงที่นางเติบโตขึ้นจึงได้ดูเปลี่ยนไป ‘หรือว่านางจะเป็น.....’ ท่านหมอหนุ่มเดินออกไปขวางหน้า “คุณชายน้อย เจ้าชอบข้ามากหรือ เหตุใดจึงได้ตามข้า” หลัวเผิงเผิงชะงัก เมื่อเห็นฮัวจิงอวี๋มาหยุดยืนตรงหน้า ห่างจากนางเพียงสองก้าว ใบหน้าของเขางดงามประดุจเทพเซียนลอยลงมาจากฟากฟ้า หญิงสาวแทบจะหยุดหายใจ เมื่อสบตากับแววตาหงส์ล้ำลึกคู่นั้น ยิ่งตอนที่เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น นางถึงกับลืมตัวก้าวเท้าเข้าไปหาเขาคล้ายกับถูกรั้งเข้าไป “อะ แฮ่ม คุณชาย!” เสียงเสี่ยวไป๋ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้นางได้สติขึ้นมา หลัวเผิงเผิงกระพริบตาถี่ ยามนี้นางกำลังเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มรูปงามที่สุดเท่าที่เคยมีในเมืองหลวง แห่งนี้ “ข้า....” “ข้าชื่อฮัวจิงอวี๋ แล้วเจ้าเล่า” เขายิ้มน้อยๆ เสี่ยวไป๋เห็นท่าทางเลื่อนลอยของเจ้านายของตนแล้วก็ตะลึง เขารีบยื่นมือไปดึงแขนของหลัวเผิงเผิงให้ถอยหลัง “เอ่อ...ขออภัยท่านด้วย พวกเราต้องรีบไปแล้ว” “เดี๋ยวก่อน เจ้ายังไม่บอกชื่อข้าเลย” ฮัวจิงอวี๋ท้วง หญิงสาวกระพริบตาถี่ นางจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังแอบตามสอดส่องฮัวจิงอวี๋อยู่ แต่ยามนี้กลับทำท่าเหมือนจะผวาเข้าไปหาเขา หญิงสาวพลันนึกละอายแก่ใจ “ไปกันเถอะเสี่ยวไป๋” ใบหน้าของนางแดงก่ำแล้ววิ่งหนีนำหน้าเสี่ยวไป๋ “ช้าก่อน!” ฮัวจิงอวี๋ตะโกนไล่หลัง น่าเสียดายที่เขาตามนางไม่ทัน สองนายบ่าวหลบหายไปท่ามกลางผู้คน ปล่อยให้ท่านหมอหนุ่มถอนหายใจด้วยความเสียดาย ฮัวจิงอวี๋กลับถึงคฤหาสน์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับญาติผู้น้องและน้องสะใภ้ฟัง อู๋จือสอบถามรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่แต่งกายเป็นบุรุษผู้นั้น พอฮัวจิงอวี๋บอกเล่ารายละเอียดเสร็จ นางก็ยิ้มออกมา “น่าจะเป็นใต้เท้าหลัวเจ้าค่ะ หลัวเผิงเผิงบุตรสาวคนโตของร้านยาหวนเจี่ย” ได้ยินชื่อนั้น ฮัวจิงอวี๋ก็ตกตะลึง อู๋จือเห็นญาติผู้พี่ของสามีคล้ายจะสนใจใต้เท้าหญิงผู้นั้นจึงเล่าต่อ “นางเป็นขุนนางหญิงที่อายุน้อยและมีความสามารถมาก ฉายาของนางคือ จิ้งจอกขาว” “จิ้งจอกขาว เหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น” ฮัวจิงอวี๋ขมวดคิ้ว “นางงดงามราวกับเซียนจิ้งจอก ฉลาดและเจ้าเล่ห์ยิ่ง นางทำหน้าที่เก็บภาษีร้านค้าในเมืองหลวงเจ้าค่ะ” ฮัวจิงอวี๋หัวเราะนึกถึงท่าทางแก่นแก้วของหญิงสาวที่แต่งตัวเป็นบุรุษผู้นั้น “แสดงว่านางต้องรีดเอาภาษีทุกร้านได้หมดสินะ เถ้าแก่และคหบดีทั้งหลายจึงตั้งฉายาให้นางเช่นนั้น” อู๋จือพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ นางแม่นเรื่องกฎหมายการเก็บภาษี นางทำให้ร้านค้าต้องยอมจ่ายภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่กลับทำให้ร้านยาหวยเจี่ยของสกุลตนเองได้จ่ายภาษีน้อยลง” “หือ ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ” “เจ้าค่ะ ผู้คนถึงเรียกว่า จิ้งจอกขาว เพราะนางทำทุกอย่างให้ตนเองได้เปรียบ โดยไม่ผิดกฎหมาย พี่จิงอวี๋มาเมืองหลวงได้หลายวันแล้ว ไม่ได้ยินคดีของสามีใต้เท้าหลัวหรือเจ้าคะ” คราวนี้ฮัวจิงอวี๋รู้สึกคล้ายวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง “สามีนางหรือ...นาง...นางแต่งงานแล้ว” “ใช่เจ้าค่ะ ใต้เท้าหลัวแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านจะมาถึง สามีของนางกับชู้รักนัดพบกันแล้วเสียชีวิตทั้งคู่” “นางงดงามถึงเพียงนั้น เหตุใดสามีจึงกล้ามีชู้” “อันที่จริง นางกับสามียังไม่เคยเข้าหอกันเลยเจ้าค่ะเพราะคุณชายเตียว สามีของใต้เท้าหลัวเป็นต้วนซิ่ว เขามีคู่รักอยู่แล้ว ที่แต่งกับนางก็เพราะต้องการปลดหนี้ให้ครอบครัว” ฮัวจิงอวี๋ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “อืม ถ้าอย่างนั้น นางก็คงจะทุกข์ตรมมากเลยทีเดียว แต่งงานทั้งทีแต่กลับได้สามีเป็นต้วนซิ่ว” อู๋จือส่ายหน้า “ข้าว่าไม่นะเจ้าคะ ได้ยินว่าใต้เท้าหลัวมีอาการป่วยที่ไม่เปิดเผยเจ้าค่ะ” “ป่วยอันใด” “อดีตคนรับใช้ผู้หนึ่งบอกว่า นางแตะเนื้อต้องตัวบุรุษไม่ได้ จะรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนออกมาทันที” “แต่ที่ข้าเห็น นางมีคนรับใช้เป็นบุรุษคอยติดตามอยู่ผู้หนึ่งมิใช่หรือ” “อ้อ เสี่ยวไป๋ ได้ยินว่าเป็นบ่าวรับใช้ที่อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็แตะต้องตัวนางไม่ได้อยู่ดีเจ้าค่ะ” อู๋จือรีบยืนยัน “หน่วยของข้าเป็นคนทำคดีคุณชายเตียวและบัณฑิตซุย ดังนั้น ข้าจึงรู้เรื่องตื้นลึกหนาบางของใต้เท้าหลัวอยู่มาก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงป่วยเป็นโรคประหลาดนั้น” ฮัวจิงอวี๋นั่งนิ่ง คิดถึงวงหน้างดงามของหลัวเผิงเผิง “หัวหน้าจางเชิญตัวนางไปสอบสวนแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่มีหลักฐานว่านางเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” “ถ้าอย่างนั้น นางก็เท่ากับเป็นหม้ายแล้วน่ะสิ” “เจ้าค่ะ” “แต่หัวหน้าจางก็ยังไม่สรุปว่านางบริสุทธิ์นะเจ้าคะ ในเมื่อใต้เท้าหลัวเป็นสามีของผู้ตาย ไม่แน่ว่าคนที่ลงมือฆ่าสามีกับชู้อาจจะเป็นนาง เพียงแต่ตอนนี้ยังหาพยานหลักฐานไม่พบ” “อ้อ” ฮัวจิงอวี๋พยักหน้าเบาๆ “หากเป็นสตรีทั่วไปที่สามีตายด้วยเหตุเช่นนี้ก็น่าจะมีความเศร้าโศก แต่ใต้เท้าหลัวผู้นี้กลับดูไร้ทุกข์ไร้กังวล” “เจ้าค่ะ นี่ยิ่งเป็นเหตุให้ครอบครัวของคุณชายเตียวคิดว่าใต้เท้าหลัวเป็นคนทำ” ฮัวจิงอวี๋มีสีหน้าสลับกันคล้ายจะโกรธเคืองและดูเศร้าสร้อย อู๋จือได้แต่นึกสงสัยว่า...ญาติผู้พี่ของสามีอาจจะรู้จักกับใต้เท้าหลัวมาก่อน หลัวเผิงเผิง ติดตามดูฮัวจิงอวี๋จนมืดค่ำค่อยกลับคฤหาสน์ของตน พอลงจากรถม้านางก็จามออกมาหลายหน “ฮัดเช้ย! ผู้ใดนินทาข้าอีกแล้ว” “คุณหนูขอรับ คนนินทาท่านกันทั้งเมือง เห็นทีท่านคงไม่ทำอันใดแล้ว ต้องจามทั้งวันทั้งคืนแน่” หญิงสาวทำตาเขียวใส่บ่าวรับใช้ “เสี่ยวไป๋ คำดีๆ เจ้าไม่คิดจะเอ่ยออกมาหรือไร” เสี่ยวไป๋หัวเราะแหะๆ เขาอายุมากกว่าคุณหนูใหญ่สามปี รับใช้นางตั้งแต่เด็กจนโตจึงชินกับท่าทางและนิสัยที่ดูห้าวหาญเกินสตรีของนาง หลัวเผิงเผิงตรงเข้าไปหาบิดาเรือนสวดมนต์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ สองพ่อลูกปรึกษากันว่าสกุลหลัวคงต้องไปติดต่อกับโรงหมอสักแห่งเพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ยาสมุนไพรที่มาจากร้านหวยเจี่ยซึ่งเป็นร้านของสกุลหลัวเท่านั้น ****************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD