7 ถูกตามตื้อ

1520 Words
“เสี่ยวไป๋ เจ้าไปดูสิว่า ใต้เท้ากุ่ยป่วยอันใด” หลัวเผิงเผิงสั่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เสี่ยวไป๋รู้ว่านายหญิงของตนชังน้ำหน้าใต้เท้ากุ่ยยิ่งนัก มิคาดว่ากุ่ยอี๋จือจะมาป้วนเปี้ยนที่ร้านยาของสกุลฮัวด้วย บ่าวรับใช้ผู้คล่องแคล่วเดินไปไม่นานนักก็กลับมารายงานด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ใต้เท้ากุ่ย มิได้ป่วยขอรับ แค่อยากมาดูหน้าท่านหมอฮัวใหญ่เฉยๆ” “กุ่ยอี๋จือ บัดซบจริง! เห็นคนรูปงามคงอยากจะได้ไปเก็บไว้ในเรือนหลัง เจ้าคนมักมากผู้นี้ ข้าจะทำเช่นใดกับมันดีจึงจะกำจัดไปพ้นทางได้” หลัวเผิงเผิงได้แต่หนักใจ ระหว่างนางกับกุ่ยอี๋จือสู้กันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ “ใต้เท้ากุ่ยภรรยาเพิ่งเสียชีวิตนี่ขอรับ” เสี่ยวไป๋ทำหน้าฉงน “ใช่! กุ่ยอี๋จือ แต่งงานบังหน้าแต่รับอนุเป็นบุรุษและยังมีชายบำเรออีกมาก ทำให้ฮูหยินของเขาตรอมใจจนล้มป่วย ไม่ว่าผู้ใดที่เป็นลูกหนี้ หากรูปร่างหน้าตาถูกใจ เขาก็จะบีบเอามาไว้ปรนนิบัติข้างกาย กระทั่งขุนนางน้อยในกรมคลังข้าก็ยังเป็นชายบำเรอของเขาหลายคน” เสี่ยวไป๋ยิ้มเจื่อน เขาตามคุณหนูใหญ่ไปทำงานก็จริง แต่มิได้ตามเข้าไปด้านใน ได้แต่เฝ้ารถม้าอยู่ด้านนอก เขารู้ว่าคุณหนูไม่ถูกกับใต้เท้ากุ่ย วันนี้เพิ่งจะได้รู้เรื่องส่วนตัวของกุ่ยอี๋จือ “ขุนนางผู้นี้ ช่างมากรักเสียจริงขอรับ” “ฮัวจิงอวี๋นับว่างามล้ำเสียจนจันทราต้องหลบ เห็นทีกุ่ยอี๋จือคงจะชอบมาก มาเยือนถึงร้านเฉี่ยนซือแล้วคงไม่ปล่อยหมอฮัวใหญ่ไปง่ายๆ แต่ก่อนบิดาของกุ่ยอี๋จือไม่ยอมรับเรื่องการเป็นต้วนซิ่ว พวกเขาทะเลาะกันบ่อย บัดนี้ท่านผู้อาวุโสล้มป่วยนอนติดเตียงจึงไม่อาจขัดขวางได้อีก บางทีฮัวจิงอวี๋อาจจะกลายเป็นฮูหยินใหญ่สกุลกุ่ยคนต่อไปก็ได้” เสี่ยวไป๋ฟังแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “แบบนี้ท่านหมอรูปงามก็เสร็จสิขอรับ” หลัวเผิงเผิงนึกถึงใบหน้างดงามของฮัวจิงอวี๋ก็นึกเสียดาย หากว่าเขาเกิดมีใจรักใคร่กับกุ่ยอี๋จือจริง นางก็คงรู้สึกผิดหวัง ‘บุรุษรูปงามราวเทพเซียนเช่นนี้ น่าจะเป็นคนของข้า’ พอความรู้สึกนี้ผุดขึ้นมา หลัวเผิงเผิงก็นึกตกใจ นางไม่ควรคิดครอบครองศัตรู หญิงสาวรีบสลัดความคิดนั้นออกจากสมองโดยเร็ว จะปล่อยตนเองถูกคนงามล่อลวงไม่ได้ ท่านหมอฮัวใหญ่รู้สึกปวดเมื่อยหลังและไหล่ วันนี้มีผู้ป่วยจำนวนมากเข้ามาให้เขาตรวจรักษา ตั้งแต่เช้าจรดบ่ายเขายังไม่มีเวลาพักไปรับประทานอาหารกลางวัน “คนสุดท้ายแล้วขอรับท่านหมอ เห็นว่าเป็นขุนนางจากกรมคลัง ใต้เท้ากุ่ยขอรับ” ผู้ช่วยเอ่ยขึ้น ฮัวจิงอวี๋เลิกคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเขาเข้ามาเถิด” กุ่ยอี๋จือเดินเข้าไปด้านหลังฉากใหญ่ที่บังมุมหนึ่งของร้านเฉี่ยนซือเอาไว้ “ท่านเองหรือ หมอฮัวใหญ่” พอได้เห็นใบหน้าของท่านหมอหนุ่มสกุลฮัว ขุนนางหนุ่มก็ยิ้มกริ่ม ‘ช่างงดงามกว่าคำเล่าลือนัก หากว่าข้าได้คนผู้นี้มานอนร่วมเตียงล่ะก็ คงจะสุขสุดๆ เลยทีเดียว’ กุ่ยอี๋จือยิ่งคิดก็ยิ่งครึ้มใจ มองหน้าท่านหมอรูปงามด้วยอาการเคลิบเคลิ้ม ฮัวจิงอวี๋เห็นขุนนางหนุ่มทำท่ากะหลิ้มกะเหลี่ยก็ไม่พอใจ เขาจึงข่มใจเอ่ยถาม “ท่านมีอาการไม่สบายตรงใดหรือ” ทันทีที่เสียงนั้นเปล่งออกมา กุ่ยอี๋จือก็ยิ่งทวีความชื่นชอบในตัวฮัวจิงอวี๋ ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาโดดเด่น น้ำเสียงก็ยังไพเราะยิ่ง ขุนนางหนุ่มยิ้มจนแก้มแทบปริ “ข้าสบายดี เพียงแต่คำร่ำลือเรื่องรูปโฉมของท่านโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง ข้าจึงอยากจะมาชมโฉมท่านเสียหน่อย” ฮัวจิงอวี๋หน้าเสีย รูปโฉมของเขามักจะทำให้ผู้คนเข้ามาวุ่นวายด้วยบ่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาอย่างยิ่ง ทั้งชีวิตเขาปรารถนาเพียงให้คนผู้เดียวมาชื่นชมในรูปร่างหน้าตาของเขาและคนผู้นั้นก็คือ....นาง “ใต้เท้ากุ่ย คนที่มารอข้าล้วนได้รับความทุกข์ทรมาน หากว่าท่านไม่ได้เจ็บป่วย ข้าว่าท่านก็อย่ามารบกวนการตรวจรักษาของข้าเลยขอรับ” “ท่านหมอฮัว พูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ข้าได้ยินว่าท่านจะเปิดโรงหมอ ในฐานะที่ข้าเป็นเจ้าหน้าที่เก็บภาษี มาเยี่ยมเยียนท่าน นับว่าถูกต้องแล้ว ท่านทราบหรือไม่ กิจการร้านยาสมุนไพรเฉี่ยนซือ และโรงหมอสกุลฮัว ต้องถูกเรียกเก็บภาษีบำรุงแคว้น” ฮัวจิงอวี๋ทำหน้าเหวอ เขามิได้รู้เรื่องการค้ามากถึงเพียงนั้น หากคนตรงหน้าคิดจะมาข่มขู่เขาก็มาหาผิดคนแล้ว“อืม...ข้าไม่ได้ทำบัญชีและดูแลเรื่องเงิน ท่านคงต้องไปคุยกับญาติผู้น้องของข้าที่ชื่อฮัวซุ่นซีจะเหมาะกว่านะ” “แต่ข้าว่า ข้าควรจะได้นั่งจิบน้ำชาสนทนากับท่านหมอเสียก่อน” “คงต้องขออภัย ข้ามีคนไข้ต้องตรวจอีกมาก การที่ท่านมาขวางก็นับว่าทำให้ผู้อื่นเสียเวลามากแล้ว ใต้เท้าโปรดกลับไปก่อนเถิด” พอเห็นคนงามชักสีหน้า กุ่ยอี๋จือจึงตัดสินใจไม่ดื้อด้าน ยอมถอยก่อนแล้วค่อยมารุกใหม่ วันนี้ได้เห็นหน้าก็พอใจแล้ว “ไม่เป็นไร ข้ายังต้องวนเวียนมาตรวจตราร้านเฉี่ยนซืออยู่อีกหลายครา เอาไว้ข้าจะมาชักชวนท่านหมอใหม่คราวหน้า” “เชิญใต้เท้า” ท่านหมอหนุ่มทำหน้าเหนื่อยหน่าย คนเช่นนี้เมื่อใดจะหมดไปเสียที ที่เขาเป็นหมอก็เพราะต้องการช่วยเหลือผู้คนให้หายจากความทุกข์ มิได้ต้องการดึงดูดคนให้มาสนใจเสียหน่อย ในเมืองหลวงแคว้นหมิงยามนี้ มีการแต่งงานระหว่างบุรุษหลายคู่แล้ว แต่ผู้อาวุโสในสกุลใหญ่หลายสกุลอาจจะยังรับไม่ได้ หลัวเผิงเผิงใคร่ครวญแล้วก็เห็นว่า...หากนางต้องการกำจัดฮัวจิงอวี๋ไปให้พ้นทางก็ควรเข้าข้างกุ่ยอี๋จือ “คุณหนูขอรับ แล้วแผนการที่ท่านจะใช้ขัดขวางไม่ให้ท่านหมอฮัว เปิดโรงหมอเล่าขอรับ ” “ในเมื่อมีกุ่ยอี๋จือโผล่เข้ามาพอดี ข้าก็ควรจะใช้เขาให้เกิดประโยชน์” “คุณหนูคิดจะ....” “ทำให้กุ่ยอี๋จือสมหวัง หากว่าฮัวจิงอวี๋แต่งเข้าสกุลกุ่ย กุ่ยอี๋จือไม่มีทางยอมให้เขาออกมาทำงานที่โรงหมอแน่” ด้วยฐานะหลานชายของคหบดีฮัว หากกุ่ยอี๋จือชอบพอฮัวจิงอวี๋ก็ต้องตบแต่งเป็นภรรยาเอก ยามนี้บิดาของ กุ่ยอี๋จือก็ไม่อาจจะลุกขึ้นมาบังคับบุตรชายได้อีกแล้ว กุ่ยอี๋จือเองภรรยาก็เพิ่งตาย ทุกอย่างช่างเป็นใจ “เราจะทำเช่นใดพวกเขาจึงจะเกิดชอบพอกันเล่าขอรับ ” “อีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงของสมาคมพ่อค้าเมืองหลวง สกุลฮัว ต้องพาฮัวจิงอวี๋ออกไปแนะนำตัว ในงานนั้น คนเลวอย่างกุ่ยอี๋จือต้องลงมือแน่ ข้าก็แค่เพียงช่วยเขาผลักดันให้แผนชั่วสำเร็จก็พอ” เสี่ยวไป๋มองหน้าคุณหนูของตนด้วยความชื่นชม สมแล้วที่คุณหนูของเขาได้รับการยกย่องจากคนละแวกนี้ว่าเป็น ‘จิ้งจอกขาว’ ช่างใช้แผนร้ายได้อย่างหมดจด แม้แต่เรื่องส่วนตัว ในยามที่คุณหนูถูกเอาเปรียบก็ยังเอาคืนได้อย่างสาสม เสี่ยวไป๋นึกถึงตอนที่มือปราบหนุ่มผู้หนึ่งมาส่งข่าวให้คุณชายทราบว่าสามีของนางถูกชายชู้ฆ่าตาย ใบหน้าของคุณชายยามนั้นคล้ายกำลังยิ้มละไมแม้จะเอ่ยถ้อยคำที่ดูเศร้าสร้อยออกมา “สายตาอันใดของเจ้า มองเช่นนี้เหมือนกำลังด่าข้าอยู่เลย” “มิได้ขอรับ ข้าแค่ชื่นชมที่คุณหนูเหนือกว่าคนเลวอย่างใต้เท้ากุ่ย” หลัวเผิงเผิง หัวเราะหึๆ “ในแวดวงขุนนาง หากเจ้าใสซื่อเกินไปย่อมถูกกลืนกิน หากเจ้าเลวทรามเกินไปย่อมถูกกำจัด คนอย่างข้าก็แค่รักษาประโยชน์ตนเองและผลักไสความรับผิดชอบให้ผู้อื่น” “ขอรับ คุณหนูเป็นขุนนางที่ดี” เสี่ยวไป๋แสดงสีหน้าชื่นชมเลื่อมใสนายของตนจากใจจริง “แน่นอนสิ ข้าทำทุกอย่างในกรอบที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ เพียงแต่...ข้าเป็นคนฉลาดที่ยิ่งรู้แจ้งก็ยิ่งรู้ช่องทาง” ****************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD