EP 10 : อย่าพูดคำนี้ออกมาอีก

1662 Words
“มีอะไรไอ้ตัส” (กูแค่...กูแค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนกูเมาแล้ว...) “แล้วมึงก็ตื่นมาเจอตัวเองนอนอยู่กับคุณหนู...ถูกไหม” (มึงรู้?) “อืม กูรู้” (แล้วมึงปล่อยให้เกิดขึ้นได้ยังไงไอ้คิน มึงก็รู้ว่า...แม่งเอ้ย!) “ฮึ ๆๆ ใจเย็น ๆ ก่อน มึงจะโมโหไปทำไม มึงนี่นะจะมีอะไรกับ...เมียกู?” (มึง...อ่าส์~ แล้วกูตื่นมาสภาพนั้นได้ยังไง?) “พอดีมีคนอยากเล่นเกมกับมึง กูเลยปล่อยให้มันเล่นไปเลย” ผมตอบมันด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความอารมณ์ดี ระหว่างที่ตอบก็มองมือตัวเองที่กำลังเอานิ้วโป้งกับนิ้วกลางถูกันเล่นด้วยความสบายใจ (ใคร?) “ฮึ ๆๆ” (ไอ้คิน กูถามว่าใคร) “เมียน้อยพ่อตากู” ผมตอบไอ้เซตัส พูดจบก็แค่นยิ้มอยู่คนเดียว พ่อตา ฮึ! ฮึ ๆๆ (แล้วใครวะ!) ไอ้เซตัสเริ่มขึ้นเสียงที่ผมไม่ยอมพูดออกไปตรง ๆ ทีเดียวว่าที่อยากเล่นเกมกับมันคือใคร “มึงคิดว่าใครล่ะ” (ไอ้คิน ถ้ามึงไม่ตอบสักทีกูจะไปกระทืบมึง) “ฮึ ๆๆ เมียเก่ามึงไง” (ทิสา?) “ฮึ ๆๆ ดีใจที่มึงรู้” (...มันอยู่ไหน) “เมียเก่ามึงน่ะเหรอ” ผมแกล้งยียวนมันเล่นเพราะผมรู้ดีว่าไอ้เซตัสไม่ชอบให้เรียกทิสาว่าเป็นเมียของมัน (อย่ากวนตีนไอ้คิน บอกกูมาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน) “บ้านแยมโรล” (อืม แค่นี้ล่ะ) ติ๊ด! “ไปไหนต่อครับนาย” พอไอ้เซตัสตัดสายไปไอ้เชนคนสนิทของผมที่ทำหน้าที่ขับรถให้ก็ถามออกมาทันที “...ไปคฤหาสน์ส้นตีนนั่น” -เวลาต่อมา- ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ...ไอ้หมาบ้า ติ๊ด! (อยู่ไหน) “พูดจาสุภาพกับลูกเจ้านายไม่เป็นเหรอ?” แค่รับสายก็หงุดหงิดแล้ว ไม่เข้ามาทำให้ชีวิตฉันหงุดหงิดสักวันจะตายรึไง แค่เรื่องที่เพิ่งทำมาฉันก็หงุดหงิดมากแล้วนะยังจะเสนอหน้าโทรมาทำให้หงุดหงิดเพิ่มอีก! (อยู่ที่ไหน) “...” (อยู่ ที่ ไหน) “พูดให้มันดี...” (ตอบ) “...บ้าน” ถามไม่คิด ไม่อยู่บ้านจะอยู่ที่ไหนให้อยู่ที่โรงแรมเมื่อคืนรึไง! (ออกมา) “อะไร?” (ออกมาตอนนี้) “ทำไม” (ออกมา) พูดคำอื่นไม่เป็นรึไงไอ้บ้า! “ไม่ไป มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองเป็นใคร?” (อยากให้พูดไหมล่ะว่าเป็น...อะไร จะได้พูด) “...” ฉันกำมือตัวเองแน่น แน่นจนมือสั่น (ออกมาเดี๋ยวนี้...คุณหนู) “...” ติ๊ด! “ฉันจะฆ่านาย!” ​ฉันวีนออกมาสายตาก็จ้องหน้าจอโทรศัพท์ อยากฆ่าไอ้บ้านั่นที่ทำตัวมีอำนาจแต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ฟัดฟึดเดินออกจากห้องนอน ปัง! “อารมณ์เสียอะไร” “...” สาระแน! ฉันมองหน้าไอ้คนที่นั่งอยู่ในรถ วันนี้ไม่ทำหน้าที่คนขับแต่นั่งอยู่เบาะหลังประหนึ่งประธานบริษัท ฉันไม่พูดแต่ด่าทางสายตาแทนแล้วก็หันหน้าหนีเพราะไม่อยากมองให้เสียสายตานาน “ออกรถเลย” “ครับ” เหอะ! ออกรถเลย พูดจาวางอำนาจกับคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เป็นลูกน้องเหมือนกัน ทำตัวใหญ่คับฟ้าบังคับแม้แต่กับลูกของเจ้านายที่ชุบเลี้ยงตัวเองมา อ้อ! แต่ลืมไปว่าคุณเขาใหญ่จริง ๆ เพราะขนาดเป็นลูกน้องของคุณพ่อก็ยังอุตส่าห์มีลูกน้องเป็นของตัวเอง “จะไปไหน” “เดี๋ยวก็รู้” เกลียด! ฉันเกลียดน้ำเสียงถือดีของเขาที่สุด “พี่เชน จะพาไปไหน” “...” “พี่เชน ถามทำไมไม่ตอบ” “...นายตอบคุณแยมโรลไปแล้วครับ” “...” ให้มันได้อย่างนี้ทั้งลูกน้องทั้งเจ้านายสิ! หงุดหงิด! ฉันนั่งโมโหอยากจะฟาดงวงฟาดงาทุบหัวคนแต่ก็ไม่อยากแสดงออกให้ไอ้บ้าที่นั่งข้าง ๆ สะใจที่เล่นกับอารมณ์ของฉันได้เพราะแค่บังคับให้ฉันมาตามคำสั่งได้ก็ไม่รู้ว่าในใจไอ้บ้านี่จะสะใจมากแค่ไหนเลยต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบที่สุดแต่ต้องทำบ่อยที่สุดคือการข่มอารมณ์! ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ติ๊ด! “อืม” “ไม่มีใครอยู่ อยู่แค่สองคนนั้น” “อืม มึงเข้าไปเลย” “แค่นี้แหละกูมีธุระ” ฉันนั่งเงียบตลอดทางสายตาจ้องมองถนนเพราะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหนหูก็ฟังเสียงคนถือดีอวดดีคุยโทรศัพท์ ใช้อากาศร่วมในรถก็รำคาญแย่แล้วนี่ยังต้องได้ยินเสียงอีกยิ่งรำคาญเพิ่มเป็นสิบเท่า แต่ดีนะที่คุยแป๊บเดียวไม่งั้นอกแยมโรลคงแตกตาย! พอเขาไม่คุยโทรศัพท์บรรยากาศในรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ฉันมองเส้นทางที่คุ้นตา คุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมาทุกวันแต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช่ที่ที่ฉันคิดเพราะ...ไอ้บ้าคนนี้ไม่เคยพามาโดยที่ฉันไม่ได้สั่ง ถ้าไม่นับครั้งก่อนที่พามาหลังจากมีปากเสียงกับคุณพ่อนะ “พามาทางนี้ทำไม นี่ทางไปโรงพยาบาล” สุดท้ายทนไม่ไหวเลยต้องกลั้นใจหันไปถาม “ใช่”​ ตอบให้ยาวกว่านี้ ตอบให้ดูไม่หยิ่งยโสมันจะตายรึไง แต่ฉันไม่มีเวลาหงุดหงิดเขาเพิ่มเพราะอย่างอื่นสำคัญกว่า ...ตึก ตึก ตึก แค่คำตอบสั้น ๆ ของเขาก็ทำใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะร้อยวันพันปีเขาไม่เคยบังคับให้มาโรงพยาบาลกับเขาโดยที่ไม่บอกล่วงหน้ามาก่อน แต่วันนี้เขาบังคับให้ลงมาจากห้องขึ้นรถมากับเขาโดยที่ไม่บอกจุดหมายปลายทางซึ่งมันก็คือโรงพยาบาลที่คุณแม่รักษาตัวอยู่ ทำไมล่ะ? ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? อย่าบอกนะว่า... “คุณแม่...” ฉันพูดได้แค่นี้ พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาและสั่นเครือมาก พูดแค่นี้แล้วก็ไม่อยากพูดอะไรอีกเพราะฉันกลัวคำตอบที่อาจจะออกจากปากเขามากด้วย กลัวจับหัวใจเลยล่ะค่ะ ส่วนเขาก็ไม่หันมามองหน้าฉันเอาแต่มองหน้าแท็ปเล็ตของตัวเองด้วยมาดประหนึ่งประธานบริษัท “เข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง” อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นอย่างกับรู้ว่าในใจฉันกำลังมีคำถาม “หมายความว่ายังไง” ฉันใจไม่ดี จากที่ใจเต้นรัวตอนนี้แขนขาเริ่มอ่อนแรงขึ้นมาดื้อ ๆ “...” “นี่! ฉันถามทำไมไม่ตอบ!” ฉันเสียงดังลั่นเพราะฟิวส์ขาด สาบานว่าไม่รู้ว่าฉันกำลังกลัวแค่ไหนแต่แทนที่จะตอบเขากลับเงียบแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหน้าตาเฉย “อคิน! ฉันถามนาย!” “...ใกล้ถึงแล้วครับอาหมอ” “...” ฉันกำลังจะวีนต่อแต่พอได้ยินคำพูดเขาฉันก็เงียบลงในทันที โทรหาอาหมอเหรอ? “ครับ สักครู่นะครับ” ติ๊ด! “คืออะไร? ช่วยตอบมาสักทีได้ไหม! แค่พูดให้ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนายจะตายรึไงฮะ!” ตอนแรกฉันกลัวคำตอบมากนะแต่พออะไรมันไม่ชัดเจนเลยสักอย่างฉันก็อยากได้คำตอบขึ้นมา “...รอไม่เป็นเหรอ ต้องทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตลอดรึไง” เขาหันมามองหน้าฉันแล้วถาม น้ำเสียงราบเรียบปนตำหนิทำให้ฉันโมโหมากขึ้นแต่รถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลแล้วจอดตรงหน้าทางเข้าพอดี ครืด~ “เชิญครับ” ประตูฝั่งฉันเปิดออกในระหว่างที่ฉันเอาแต่จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเขาก็เอ่ยปากบอกพร้อมกับผายมือทำให้ฉันต้องสะบัดหน้าแล้วรีบลงจากรถก่อนจะเดินกึ่งวิ่งไปที่ที่คุ้นเคยด้วยความรู้สึกหวาดกลัว กลัวจับใจเพราะตอนนี้ฉันไม่รู้อะไรเลย “สวัสดีค่ะคุณพยาบาล คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ คุณแม่ยังปลอดภัยดีใช่ไหม”​ มาถึงหน้าห้องเจอคุณพยาบาลที่คุ้นหน้ากันดีฉันก็รีบยิงคำถามด้วยความร้อนใจแถมตอนนี้น้ำตาฉันก็ไหลออกมาแล้ว “อาการคุณนรินทร์เหรอคะ ใจเย็น ๆ นะคะคงต้องรออาจารย์หมอก่อนค่ะ” “คุณแม่...คุณแม่ทรุดเหรอคะ~” เสียงฉันแผ่วเบาตอนที่ถามคำนี้ออกไป คำถามที่ไม่เคยอยากถามเลย “เอ่อ... / อ้าวหนูแยมโรล มาแล้วเหรอลูก ถ้ามาแล้วจะได้ไปกันเลย” ขวับ! “คะ? ไป...ไปไหนคะอาหมอ” ฉันที่กำลังเกาะแขนคุณพยาบาลเพื่อถามอาการของคุณแม่รีบหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคยแล้วถามออกไปด้วยความงุนงง “ก็พาคุณแม่ของหนูไปผ่าตัดไงลูก แต่ต้องย้ายโรงพยาบาลนะ ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล X ที่นั่นมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่า” “คะ?” “อ้าว นี่อคินเขายังไม่ได้บอกหนูเหรอว่าเขาสั่งให้ผ่าตัดแม่หนูวันนี้” “...คะ?” #JAMROLL END #AKIN TALK “คืออะไร? ช่วยตอบมาสักทีได้ไหม! แค่พูดให้ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนายจะตายรึไงฮะ!” “...รอไม่เป็นเหรอ ต้องทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตลอดรึไง” ผมหันไปมองหน้าแล้วถามปนตำหนิเธอ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็คือความโมโห ครืด~ “เชิญครับ” ประตูฝั่งเธอเปิดออกผมก็ผายมือด้วยท่าทางสุภาพทำให้เธอไม่พอใจมากขึ้นแล้วก็สะบัดหน้ารีบลงจากรถทันที “...” “ไม่ตามไปเหรอครับนาย” “ไม่ล่ะ ไปจัดการเรื่องคนเหี้ย ๆ ก่อน” “ผมก็นึกว่าอยากอยู่ข้าง ๆ คอยให้กำลังใจว่าที่ภรรยา~” เสียงไอ้เชนแซวขึ้นมาผมเลยจ้องมันผ่านกระจกมองหลัง “ฮึ! หุบปากเดี๋ยวนี้ไอ้เชน อย่าพูดคำนี้ออกมาอีก มึงคิดว่า...กูจะเอาลูกสาวของไอ้เหี้ยนี่มายกย่องเป็นเมียลงเหรอวะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD