3

1577 Words
เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่เธอรู้สึกว่ารับประทานอาหารเช้าได้อร่อยขนาดนี้ พอเห็นเขายกสำรับกับข้าวไปเก็บเมื่ออิ่มกันเรียบร้อยแล้ว มะลิจึงรีบช่วยเขา แม้จะไม่ได้นึกรักหรือชอบเขาแต่แรกเธอก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ “มะลิช่วยล้างก็แล้วกัน ไม่ได้ตื่นมาทำอาหาร อย่างน้อยก็ได้ช่วยเก็บล้าง” เธออาสาอย่างมีน้ำใจ “ครับ” เขาตอบรับและยิ้มให้เธอ คนรีบอาสาหันไปล้างจานทันที “พี่ว่าพี่ช่วยดีกว่า” “อะ... อุ้ย!” มะลิสะดุ้งเมื่ออ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดมาทางด้านหลัง “พี่เข้มปล่อยเลยนะคะ ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง” “ไม่ได้ทำอะไร แค่จะช่วยล้างจาน” เขาสอดมือเข้าในอุ้งมือของเธอก่อนจะบีบฟองน้ำจนขึ้นฟองและเริ่มถูจาน คนที่อยู่ในอ้อมแขนตัวสั่นจะดิ้นหนีแต่เขาแรงเยอะกว่า “ถูแรงๆ หน่อยเดี๋ยวไม่สะอาดนะ” เขากระซิบที่ริมหู สัมผัสได้ว่าคนในอ้อมแขนกำลังตัวสั่นสะท้าน เข้มยิ้มในหน้าเมื่อร่างกายอบอุ่นได้แนบชิดเรือนร่างหอมกรุ่นของเด็กสาว กลิ่นกายของบุรุษที่ปะทะเข้าจมูกและความร้อนผ่าวอันแสนอบอุ่นทำเอาเธอใจเต้นไม่เป็นส่ำ เป็นอะไรนี่!!! มะลิถามตัวเองในใจ พยายามจะตั้งหน้าตั้งตาถูจานให้สะอาดไม่คิดอื่นใด “ใบนี้พี่ว่าสะอาดแล้วครับ ถูไปสองรอบแล้ว” เขากระซิบที่ริมหูอย่างเอ็นดู เธอตาโตกับประโยคนั้นของเขา รีบหยิบใบอื่นมาถู เขาก็ตามมาร่วมด้วยช่วยกันถู “พี่เข้ม” “ครับ” “ถ้าพี่จะล้าง มะลิจะไปแล้วนะ” เธอพยายามดันตัวเขาออกห่าง แต่เขากักเอาไว้ทั้งตัว “พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นสิครับ ใครบอกว่าจะช่วยล้าง” เขาก้มลงไปกระซิบที่ริมหู กลิ่นหอมอ่อนๆ จางๆ ของสาบสาวนั้นทำให้เขาต้องหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ “อุ๊ย! พี่เข้มปล่อยเลยนะคะ” มะลิดิ้นแรงขึ้นเมื่อโดนหอมแก้ม เธอปล่อยฟองน้ำก่อนจะย่อตัวลงมุดเข้าใต้รักแร้ของเขาเพื่อหนี เข้มยอมคลายอ้อมแขนปล่อยเธอไปโดยดีไม่ตามติดแล้วหันไปล้างจานต่อ มะลิวิ่งหนีออกมาหอบหายใจระรัวก่อนจะชะงักฝีเท้าเมื่อเขาไม่ตามมา เธอย่องไปหน้าประตูห้องครัวชะโงกเข้าไปดูเห็นเขากำลังล้างจานอยู่ อ้าว... ไม่ได้วิ่งตามมาหรอกหรือ คนวิ่งหนีสำเร็จหน้า เหวอ ก่อนจะเดินไปนั่งที่ระเบียง ไม่นานเขาก็เดินออกมา เธอหน้าแดงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “พี่จะไปที่นา” “ไปทำไมคะ” คนถามหูผึ่งอยากออกไปเที่ยวอยู่พอดี เธอไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนกลางวันนอกจากออกไปช่วยมารดาทำงานก็ชอบหนีเที่ยววิ่งเล่นไปทั่วเพราะไม่ชอบอยู่นิ่ง เข้มยิ้มในหน้า ถ้าชวนไปด้วยกันเมียเด็กของเขาต้องตอบว่าไม่ไปอย่างแน่นอน ก็เลยต้องปรับประโยคคำพูดสักหน่อย “ไปดูนาครับ เดี๋ยวถึงฤดูหว่านข้าว” พูดจบเขาก็เดินลงเรือนไป คนที่ไม่ถูกชวนรีบตามลงไปในทันที “ไปด้วย ไปด้วยค่ะ อุ๊ย!” มะลิชะงักเมื่อเธอวิ่งมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายเขาก็หยุดหันมาประจันหน้า ใบหน้าของเธอกับเขาห่างกันแค่คืบ ลมหายใจปะทะกันถนัดถนี่ มะลิตาโตมองสามีอย่างตกใจ ในขณะที่จ้องตากันนั้น เธอก็เซถลาไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบไม่ได้ตั้งใจ “เฮ้ย!” เด็กสาวอุทานเมื่อเธอทำให้เขาล้มไปทางด้านหลัง โดยมีร่างของเธอทาบทับไปบนร่างของเขาด้วย “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามเสียงทุ้มนุ่มหูอย่างห่วงใย “มะ... ไม่เป็นอะไรค่ะ มะลิซุ่มซ่ามเอง” เธอรีบตะกายร่างหนี ปัดเนื้อปัดตัวไปมาหน้าแดงขัดเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เธอไม่เคยให้ชายใดแตะเนื้อต้องตัวมาก่อนนั่นเอง “จะไปก็ตามมาสิ” เสียงเข้มแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนพูดขึ้น ก่อนจะเดินนำหน้าเธอไปก่อน เข้มไม่ได้มีท่าทีรุกต้อนลวนลามทำให้หวาดกลัว เธอเลยยอมเดินตามเขาไป คนที่เดินนำมาก่อนยิ้มในหน้า การต้อนเมียรักให้ทำตามที่ต้องการก็ไม่ยากเย็นอะไรนักสำหรับเขา มะลิเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสและมีความคิดเป็นของตัวเอง เขาเรียนรู้นิสัยนี้จากการรู้จักกันมาหลายปี ถ้าเขาบอกว่าอยากให้ไปทางซ้ายเธอต้องอยากไปทางขวาแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรเขาจะไม่บังคับเธอ นอกจากเรื่องแต่งงานนี่แหละที่มันต้องรีบเพราะสาวน้อยของเขาไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่แต่กลับน่ารักน่ากอด แม้เธอจะไม่สนใจชายใด แต่เขาก็ไม่ไว้ใจอยู่ดีหากไม่เอามาไว้ข้างตัว “เจ้าดำ วันนี้ไปเที่ยวนากันนะ” เข้มลูบศีรษะของเจ้าควายตัวโตที่ชื่อเจ้าดำไปมาเบาๆ มันกำลังเล็มหน้าอยู่ใกล้ๆ เขียงนา “พี่เข้มจะขี่เจ้าดำไปหรือคะ” เธอเอ่ยถามท่าทีตื่นเต้น “ครับ อยากขี่เหรอ” “ไม่เห็นอยากขี่เสียหน่อย” “งั้นก็เดินไป” “ขี่ไปก็ดีเหมือนกันนะ” นั่นปะไร คนปากกับใจไม่ตรงกัน เข้มตบก้นเจ้าดำเบาๆ ให้มันย่อตัวลงนอนก่อนจะปีนขึ้นไป คนอยากขี่ควายเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ แต่ละล้าละลังไม่รู้จะนั่งตรงไหนดี “มานั่งตรงนี้ด้านหน้าพี่ พี่จะได้จับเชือกมัน” เขาบอกเธอ “มะลินั่งด้านหลังก็ได้นะคะ” “ตามใจ” เขาตามใจเธอไม่ได้ว่าอะไร เธอก็ขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลัง ได้ยินเสียงเขาสั่งให้มันลุก ร่างเล็กเลยโงนเงน “วะ... ว้าย!” เธอรีบคว้าเอวหนาเอาไว้ กอดซบหน้าอย่างตกใจ มะลิกัดปาดตัวเองเล็กน้อยที่เผลอไปกอดเขา เข้มยิ้มกว้างแต่เด็กสาวไม่มีโอกาสได้เห็น พอเธอขยับไปด้านหลังนิดหนึ่งเจ้าดำก็เดินลงไปในเขียงนา เสียงร้องว้ายที่ดังขึ้นทำให้เธอต้องกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก มะลิเม้มปากหน้าแดงไม่รู้ตัวสักนิดว่าโดนแกล้ง เขาบังคับให้เจ้าดำเดินไปบนที่ลุ่มๆ ดอนๆ เธอจะได้กอดเขาแน่นๆ คนเจ้าเล่ห์ยิ้มในหน้า แล้วคนที่พยายามไม่ให้นมอวบๆ เบียดแผ่นหลังแกร่งก็หน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก “ขากลับมะลิจะนั่งหน้า” พอลงจากหลังควายเธอก็รีบบอกเขาในทันที เบื้องหน้าคือผืนนาผืนใหญ่ของเข้ม เขามีที่ดินมากเพราะบิดามารดานั้นขยันแต่หนุ่ม แม้จะมีที่ดินมากแต่อาชีพทำนาในประเทศไทยก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก เธอเคยคิดเล่นๆ ว่าหากไม่มีชาวนาจะเอาข้าวที่ไหนกิน พวกพ่อค้าคนกลางหรือโรงสีไม่ต้องเหนื่อยแค่ชุบมือเปิบกดราคาแล้วก็นอนตีพุงสบาย อยากให้คนพวกนี้สำนึกบ้าง “ครับ” เข้มรับคำ เขาทอดสายตามองผืนนาไกลสุดลูกหูลูกตาไปจนถึงทิวเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอันอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งน้ำให้ชาวไร่ชาวนาในหมู่บ้านนี้และหมู่บ้านใกล้เคียง ชายหนุ่มผินหน้ามามองคนเป็นภรรยา เธอกำลังมองโน่นมองนี่ชมนกชมไม้ไปเรื่อย มะลิยังเด็กนักในความรู้สึกของเขา แต่อายุแค่สิบแปดก็โตเป็นสาวสวยสะพรั่งน่าพิศมอง ผิวของเธอขาวผ่องเป็นยองใย ใบหน้ากลมหวาน ตาโต คิ้วเรียวสวย ปากนิดจมูกหน่อยทำให้เธอแลน่าเอ็นดูทุกครั้งที่ทอดสายตามอง เข้มเผลอยิ้มทุกครั้งที่ได้พิศมองใบหน้านวลใส รูปร่างของเธออรชรอ้อนแอ้นสัดส่วนยวนตา “พี่เข้มมองอะไร” “เปล่าครับ” “ก็เห็นว่ามองมะลิอยู่” “ครับ” เขารับคำเธอก็เดินตามมาดักหน้าเขา “มองทำไม” “อยากรู้จริงๆ เหรอ” เขายื่นหน้าเข้าหา เธอถอยหนีเม้มปากเล็กน้อย “ไม่อยากรู้แล้ว” เด็กสาวรีบปฏิเสธจนลิ้นพันกัน เขาทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “มองคนน่ารัก” เขาพูดลอยๆ ก่อนจะเดินไปที่เขียงนาอีกด้าน คนฟังตาโตก่อนจะหน้าแดง เธอละล้าละลังก่อนจะเดินตามเขาไป “ไม่ต้องมาปากหวาน มะลิไม่เชื่อผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น” เธออยากเอาชนะก็เลยเดินตามมาพูดใส่แผ่นหลังของเขา “จุ๊!” เขาหันมาทำปากจุ๊ๆ เธอทำหน้างงเขาก็รวบร่างอรชรไปกอดรัดเอาไว้แนบอก “พี่เข้มทำอะไร ปล่อยนะ อือ...” เธอดิ้นเมื่อเขาจับเธอกดลงไปกับกองฟาง เขารัดเธอไปกับอก ก่อนจะชะโงกหน้าขึ้นไปดู มะลิตาโตเมื่อเห็นว่าเขาแอบมองหนุ่มสาวสองคนกำลังพลอดรักกันใต้ต้นหว้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD