“โดนโจรทำร้ายน่ะสิ”
“งั้นเชิญคุณที่ห้องทำแผลเลยครับ”
“ค่ะ”
แพรไหมที่ยืนกุมแผลตัวเองอยู่ตอนนี้ได้เดินตามหมอหนุ่มไปที่ห้องทำแผลตามที่เขาบอกเธอรู้สึกว่าเห็นเลือดตัวเองแล้วจะเป็นลมเพราะเธอกลัวเลือดเป็นที่สุดอยากจะให้หมอทำแผลแล้วเช็ดเลือดออกเร็วๆ
“แล้วคุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เพลงพิณเมื่อเห็นหญิงสาวเข้าไปที่ห้องทำแผลแล้วจึงหันมาดูอาการแม่ของตนเองที่พึ่งจะโดนคนร้ายกระชากกระเป๋ามาว่าเป็นยังไงบ้าง
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกแม่หนูคนนั้นมาช่วยได้ทันจนตัวเองบาดเจ็บนั่นแหละ”
พิมพาเองไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะแพรไหมมาช่วยเธอได้ทันนึกสงสารหญิงสาวที่กล้าหาญจนเกินผู้หญิงจนทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ
“แล้วนี่เราออกเวรตั้งแต่เมื่อไรถึงมาที่นี่ได้มีเวรถึงจนถึงเย็นไม่ใช่หรอ”
พิมพาทักลูกสาวของตนที่เป็นหมอสูตินารีแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งว่ามาทำไมถึงมาที่นี่ได้เห็นวันนี้บอกมีเวรถึงเย็น
“ก็พี่ชายสิคะมาคุยเรื่องรับพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ใหม่ไม่ได้เพลงก็เลยต้องมาคุยแทนเลยต้องขอลามาที่นี่ก่อนน่ะค่ะ”
เพลงพิณตอบคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าบูดๆนิดหน่อยที่พี่ชายของเธออยู่ดีๆก็มาสั่งให้มาดูงานที่นี่แทนซะงั้น
“คุณพิมครับนี่เอกสารของผู้หญิงคนที่ช่วยคุณพิมไว้ครับ”
สมหมายหยิบแฟ้มมาจากในรถเห็นว่าเป็นของหญิงสาวเลยนำมาให้เจ้านายของเขาแล้วเดินกลับไปรอที่รถต่อ
“นั่นเอกสารอะไรคะคุณแม่...เพลงขอดูหน่อยค่ะ”
“หืมเราจะไปดูของเค้าได้ยังไงกัน....ไม่มีมารยาท”
“โหนิดเดียวเองค่ะคุณแม่”
“อื้ออๆ”
พิมพาเห็นว่าในแฟ้มน่าจะไม่มีอะไรเลยให้ลูกสาวของเธอดูตัดรำคาญเพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอไม่ให้ดูยัยลูกสาวตัวแสบของเธอก็จะคะยั้นคะยออยู่แบบนั้น
“นี่มันเรซูเม่สมัครงานนี่คะ...แสดงว่าผู้หญิงที่ช่วยคุณแม่ไว้ต้องหางานอยู่แน่เลย”
“คิดอะไรอยู่ยัยเพลง”
พิมพาเห็นสีหน้าของลูกสาวเธอที่ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ก็ดูออกว่าเพลงพิณต้องคิดอะไรแผลงๆอีกแน่
“เปล่าค่ะเพลงแค่คิดว่าถ้าผู้หญิงคนนี้หางานอยู่เพลงก็จะให้เธอทำงาที่นี่คุณแม่ว่าดีมั้ยคะ”
พิมพาลองคิดตามที่ลูกสาวของเธอพูดถ้าหญิงสาวที่ช่วยเธอเอาไว้กำลังหางานอยู่จริงๆจะให้เธอทำงานที่นี่ก็ดีเหมือนกันเป็นการตอบแทนที่หญิงสาวช่วยเธอไว้ด้วยแต่ยังไงก็ต้องถามความสมัครใจจากหญิงสาวก่อนอยู่ดีเพราะเธอไม่ชอบบังคับใคร
“แม่ว่าก็ดีนะคนดีๆสมัยนี้ก็หายากอยู่ด้วยแต่แม่ว่าก็ต้องถามความสมัครใจจากเธอก่อนนะลูก”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่เดี๋ยวเพลงจัดการคุยกับเธอเอง”
เพลงพิณรู้ว่าถ้าเธอพูดยังไงหญิงสาวคนนั้นก็ต้องใจอ่อนกับเธออยู่แล้วเรื่องนี้เธอขอจัดการเองเลยละกันเพราะถ้าให้เธอมามัวนั่งสัมภาษณ์พนักงานทีละคนแทนพี่ชายเธอเธอก็ขอไม่เอาด้วยปวดหัวตาย
“อ้าวพี่หมอออกมาแล้วค่ะคุณแม่”
“แล้วแม่หนูคนนั้นล่ะตาอัค”
เมื่อพิมพาเห็นอัคนีเดินออกมาแล้วก็ถามหาหญิงสาวที่เข้าไปทำแผลว่าทำไมถึงไม่ออกมาพร้อมกัน
“เอ่อเธอเห็นเลือดตัวเองแล้วเกิดเป็นลมขึ้นมาน่ะครับผมเลยให้นอนพักอยู่ด้านใน”
หมออัคนีพูดปนอมยิ้มเขารู้สึกทั้งถูกชะตาละเอ็นดูหญิงสาวตัวเล็กคนนี้เหลือเกินอุตส่าห์กล้าหาญถึงขนาดต่อสู้กับโจรแต่มาเป็นลมเพราะเห็นเลือดตัวเอง
“อย่างนั้นเองหรอ...งั้นให้เธอนอนพักก่อนก็แล้วกัน”
“งั้นเพลงว่าคงต้องเลื่อนการให้ปากคำที่โรงพักแล้วล่ะค่ะคุณแม่...งั้นเดี๋ยวเพลงจัดการให้นะคะ”
“ก็ดีเหมือนกัน”
“เพลงว่าคุณแม่กลับไปพักที่บ้านก่อนนะคะถ้าเธอฟื้นแล้วเดี๋ยวเพลงไปส่งเธอที่บ้านเองค่ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะ”
พิมพารู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวจึงกะว่านั่งรอจนกว่าหญิงสาวจะฟื้นแต่เมื่อเพลงพิณเกรงว่าคนเป็นแม่จะนั่งรอนานจึงบอกให้กลับไปก่อนเดี๋ยวเธอจะเป็นคนจัดการทางนี้เองไม่ต้องเป็นห่วง
20นาทีต่อมา
“ตื่นแล้วหรอจ้ะ”
เมื่อเพลงพิณเห็นหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัวลืมตาเธอจึงเขยิบเข้าไปทักทายใกล้ๆ
“เอ่อคุณ......”
แพรไหมลืมตาตื่นแบบสลึมสลือเธอจำได้ว่าหญิงสาวที่นั่งข้างเตียงเธอเป็นคนที่เจอเมื่อตอนที่มาถึงแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
“ฉันชื่อเพลงพิณจ้ะเป็นลูกสาวของคนที่เธอช่วยไว้น่ะ”
เมือเพลงพิณเห็นแพรไหมทำหน้างงเลยเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนว่าเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่หญิงสาวช่วยไว้
“ค่ะ...ฉันแพรไหมค่ะ”
“เรียกพี่ว่าพี่เพลงก็ได้พี่เห็นในแฟ้มเรซูเม่ของแพรแล้วแพรอายุน้อยกว่าพี่แล้วแพรกำลังหางานอยู่ใช่มั้ยจ้ะ”
เพลงพิณถือโอกาศตีสนิทกับแพรไหมทันทีเพราะเธออยากที่จะได้สาวน้อยตรงหน้านี้มาทำงานด้วยเพราะกว่าที่จะเลือกคนมาทำงานได้มันไม่ใช่ง่ายๆแล้วการหาคนที่ดีมาทำงานด้วยยิ่งยากเข้าไปใหญ่
“ใช่ค่ะแพรกำลังหางานอยู่ค่ะ”
แพรไหมมองหน้าหญิงสาวที่ถามเธอและตอบตามความจริงด้วยแววตาที่เศร้าจนอีกคนดูออก
“ถ้างั้นสนใจมาเป็นประชาสัมพันธ์ให้คลินิคที่นี่มั้ยพี่กำลังหาคนอยู่พอดีพี่ให้เงินเดือนสองหมื่นห้าไม่รวมโอทีเราโอเคมั้ย”
เมื่อรู้ว่าแพรไหมยังไม่ได้งานเพลงพิณเลยรีบพูดข้อเสนอให้เธอทำงานที่นี่ทันทีรู้ว่ายังไงหญิงสาวก็ต้องรับงานที่นี่แน่ๆเพราะท่าทางเธอก็ไม่ใช่คนที่เลือกงานสักเท่าไรพร้อมเสนอเงินให้เธอมากกว่าค่าตำแหน่งที่เธอได้รับเสียอีก
“รับแพรเข้าทำงานจริงหรอคะ....ขอบคุณมากๆเลยนะคะพี่เพลงขอบคุณจริงๆ”
เมื่อแพรไหมได้ยินว่าหญิงสาวรับเธอเข้าทางานเธอทั้งดีใจจนน้ำตาไหลไม่คิดม่ฝันว่าจู่ๆเธอจะได้งานเพราะเดินหางานแทบตายกลับไม่ได้บทจะได้ก็ได้มาง่ายๆอย่างนั้นแหละเธอรีบตอบตกลงทันทีโดยไม่มีข้อแม้
“ไม่เป็นไรจ้าพี่พร้อมสนับสนุนคนดีเสมอ...แล้วบ้านแพรอยู่ไหนล่ะเดี๋ยวพี่ไปส่งพอดีคุณแม่พี่กลับไปแล้วน่ะส่วนเรื่องให้ปากคำพี่โทรเลื่อนนัดตำรวจเค้าไปก่อนแล้วล่ะ”
“ค่ะ”
เพลงพิณขับรถมาส่งแพรไหมที่บ้านของเธอทำให้ได้รู้ว่าบ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากคลินิคมากนักขับรถ15นาทีก็ถึงเมื่อเพลงพิณเห็นบ้านของหญิงสาวก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันทีเพราะถึงจะเป็นบ้านจัดสรรค์ในหมู่บ้านหลังเล็กๆแต่ก็ตกแต่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ประดับที่ดูร่มรื่นแตกต่างจากหลังอื่นมากๆ