“คุณครับ ผมถามคุณอยู่นะครับ”
เสียงของเขาทำลายความฟินของฉันทั้งหมด
“เรื่องของฉันเหอะ! นายนี่มันช่างยุ่งวุ่นวายจริงๆ อารมณ์เสีย” ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะทันที ไม่กงไม่กินมันแล้ว หมดอารมณ์ วันๆ เจอแต่เรื่อง
ซุบซิบ
เหอะ นี่ก็เหมือนกัน เป็นอะไรหนักหนาถึงได้ชอบจ้องชอบเมาส์ฉันกันนัก หงุดหงิดที่สุด!
“เดี๋ยวสิคุณ”
เสียงร้องเรียกตะโกนมาจากทางด้านหลัง ตายๆ เดินหนีออกมาขนาดนี้แล้วยังเดินตามฉันอีกเหรอ บ้าหรือเปล่า
“หยุดก่อนครับ หยุดก่อน” เสียงเรียกยังคงดังต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นฉันก็ไม่หยุด เรื่องอะไรจะต้องมาหยุดคุยกับนายคนนั้นอีก คนอะไร เจอกันครั้งแรกก็ทำเอาฉันฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้
“คุณครับ หยุดก่อน”
ฝันเหอะย่ะ ตะโกนเรียกให้คอแตกตายฉันก็ไม่หยุดหรอก
“จับได้แล้ว” คนพูดว่าพลางกับยิ้มตาพราว
“ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้นะ”
อยากจะบ้า นายคนนี้กล้าดียังไงถึงมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน ขนาดพวกผู้ชายที่คลั่งไคล้ฉันยังไม่เคยสัมผัสเนื้อตัวฉันแบบนี้เลย แล้วอีตานี่เป็นใคร มากไปแล้วนะ มากไปแล้ว
“ผมไม่ปล่อย ปล่อยไปคุณก็เดินหนีผมอีก ไม่ต้องได้คุยกันพอดี”
“ก็ฉันไม่อยากคุยกับนายไง ไม่เข้าใจเหรอ ปล่อย!”
ฉันพยายามบิดแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ก็นะ แรงผู้ชายยังไงซะมันก็มีพละกำลังมากกว่าแรงผู้หญิง แถมนายคนนี้ยังกำแขนฉันแน่นอีกต่างหาก
“แต่ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณจริงๆ นะครับ คือว่าผม”
“ไม่ชอบ!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคฉันก็รีบแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“อะไร ไม่ชอบอะไรของคุณ นี่ผมงงไปหมดแล้วนะ คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดว่าอะไร” เขาถามกลับอย่างไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้ท่าจะหนักเอาการแฮะ
“เหอะ ดูก็รู้ว่านายจะพูดว่าอะไร อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่”
ฉันว่าพลางเบ้ปากใส่
“อ่ะ ไหนลองบอกมาสิว่าผมจะพูดว่าอะไร”
“นายกำลังจะบอกชอบฉัน และอยากจะขอเดทด้วย ใช่ไหมล่ะ” ฉันยิ้มหยัน พวกผู้ชายที่เข้าหาฉันมันจะมีใครคิดเป็นอย่างอื่นบ้าง นอกจากเรื่องอย่างว่า
“ผิดครับ”
เขาเฉลยเสียงเข้มชัดเจน จนคนฟังถึงกับหลุดเหวอ แต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาได้เห็นสีหน้าตกใจปนไม่อยากจะเชื่อของหญิงสาว เพราะไม่นานร่างบางก็กลับมามีสีหน้าที่อวดดีเหมือนเดิม
“โกหก อย่ามาฟอร์มหน่อยเลย ฉันรู้นะว่านายชอบฉัน”
ผู้ชายบ้า กล้าโกหกเพื่อรักษาหน้าของตัวเอง โธ่ กลัวหน้าแตกล่ะสิที่ฉันจับไต๋ได้ เชอะ!
“นี่ครับ นามบัตรผม” เขาใช้มืออีกข้างหยิบเอานามบัตรสีทองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นมันส่งให้กับฉัน “ผมมาจากบริษัท Hi Magazine ครับ” คนตรงหน้ายิ้มสุภาพ
Hi Magazine คุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน
อ้อ นึกออกแล้ว บริษัทฯ ที่รวบรวมอุตสาหกรรมของวงการบันเทิงไว้ทั่วทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น ดารา นักร้อง โมเดล หรือแม้แต่พวกบรรดาเบื้องหลังล้วนแล้วก็อยู่ในบริษัทฯ แห่งนี้ทั้งสิ้น ถ้าจะให้พูดแบบเข้าใจง่ายไม่ต้องอ้อมค้อมนั่นก็คือ บริษัทฯ ที่นายคนนี้อ้างตัวนั้นเป็นบริษัทฯ ที่ปั้นดารานักร้องของบ้านเรานั่นเอง
อันดับหนึ่งของเมืองไทยเชียวล่ะ!
“แล้วไง นายให้ฉันทำไม” ฉันถามพลางหรี่ตามองเขา
เพิ่งสังเกต นายคนนี้ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาของทางมหา'ลัยเรานี่ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงยีนส์ขายาวได้รูปที่มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันเป็นแบรนด์ยี่ห้อดัง
“คุณจ้องผมแบบนี้” ชายหนุ่มก็หรี่ตามองเธอเช่นกัน
“นายไม่ได้เป็นนักศึกษาของที่นี่เหรอ” ฉันถาม ซึ่งเขาก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ “แล้วนายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ และมาตามวอแวฉันทำไม” ฉันเลยถือโอกาสถามต่อในสิ่งที่ค้างคาใจ
“ผมเป็นแมวมองครับ” ชายตรงหน้ายิ้มละมุน
แมวมอง พวกที่มีหน้าที่เฟ้นหาคนที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงน่ะเหรอ ฉันเข้าใจถูกไหม
“ผมมาที่นี่ก็เพื่อต้องการมาหาผู้หญิงที่ชื่อไอรีน”
เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าฉันจริงจัง
“คนที่เป็นดาวมหา’ลัยของที่นี่ คุณพอจะรู้จักเธอคนนั้นหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามหญิงสาว
“หะ นี่นายกำลังจะบอกฉันว่า นายมาตามหาผู้หญิงที่ชื่อไอรีนโดยไม่เคยรู้จัก หรือว่าเคยเห็นหน้าเขามาก่อนเนี่ยนะ”
ฉันถามเสียงสูงแบบไม่อยากเชื่อ อีตานี่บอกว่ามาตามหาฉันแต่กลับมาถามฉันว่าฉันเป็นใคร
ถามฉันว่ารู้จักตัวเองไหมเนี่ยนะ ตลกสิ้นดี
“ครับ ทำไมเหรอ ผมไม่รู้จักคุณไอรีนนี่มันผิดมากหรือครับ”
คนตรงหน้าถามเสียงอ่อย ไอรีนถึงกับพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่าย จากน้ำเสียงที่ได้ยินก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มนั้นคงจะไม่รู้จักเธอจริงๆ อย่างที่ว่า
“แล้วมาหาไอรีนทำไมเหรอ” ฉันเลยถือโอกาสที่เขาไม่รู้ว่าฉันเป็นใครเนียนถามเอาเสียเลย
จะว่าไปก็แอบตกใจไม่น้อยนะ ที่อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายมาตามหาและบอกว่าตัวเองเป็นแมวมองของบริษัทฯ ชื่อดัง จำพวกปลุกปั้นดาราอะไรเทือกนั่น แต่ทุกคนอย่าเข้าใจผิดและคิดว่าฉันจะดีด๊าแต่อย่างใด เพราะวงการบันเทิงสำหรับฉันไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่เคยมีภาพของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอทีวีเลยสักนิด เสี้ยวความคิดเล็กๆ ก็ไม่มี
“คือว่า มีคนๆ หนึ่งเขาอยากให้ผมมาทาบทามคุณไอรีนให้ไปถ่ายโฆษณาของทางบริษัทฯ น่ะครับ แล้วเขาก็บอกว่าเธออยู่ที่นี่เลยให้ผมมาตามหา”
“ถ่ายโฆษณา?” ฉันทำหน้าเหวอ
“ครับ”
“แล้วทำไมต้องให้ฉะ เอ่อ ไอรีนไปถ่ายโฆษณาที่บริษัทฯ ของนายด้วยล่ะ”
“เจ้านายของผมเขาชอบคุณมากครับ เลยอยากจะชักชวนคุณให้มาร่วมงานกับทางเรา”
ชอบฉัน แล้วเจ้านายของอีตานี่เขาไปเจอฉันจากช่องทางไหนกัน เรื่องอะไรเนี่ย ฉันงงเป็นไก่ตาแตกไปหมดแล้ว
“แล้วนี่ผมจะมาเล่าอะไรให้คุณฟังตั้งมากมาย ในเมื่อคุณเองก็ไม่ใช่คุณไอรีนสักหน่อย”
อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็บ่นอุบขึ้นมาเสียดื้อๆ
“เหอะ” ฉันทำเสียงขึ้นจมูกอย่างคนไม่พอใจ
พูดมาได้ว่าฉันไม่ใช่ไอรีน
“คุณรู้จักคุณไอรีนหรือเปล่าครับ บอกผมได้หรือเปล่าว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนและเป็นใคร” น้ำเสียงกระตือรือร้นถามหญิงสาว หากวันนี้เขาไม่ได้คำตอบจากผู้หญิงที่ชื่อไอรีนกลับไปให้เจ้านาย เขาต้องโดนฆ่าหมกส้วมแน่นอน
เอาแล้วไง
ฉันจะบอกเขาดีไหมนะ ถ้าบอกก็ต้องมานั่งตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี แต่ถ้าไม่บอกแล้วทำเฉยๆ ไปเลย ฉันก็ไม่ต้องมานั่งตัดสินใจ และก็ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามใครด้วย ชิวๆ งั้นเอาเป็นว่าครั้งนี้ฉันจะขอหลอกตัวเองสักครั้งแล้วกัน
ไม่บอกดีกว่า
“เอ้า ไอรีน วันนี้น้ำใสไม่มาเรียนเหรอ นานๆ ทีจะเห็นดาวมหา’ลัยเดินคนเดียวขาดเพื่อนสาวคู่ใจนะเธอ”
เสียงหนึ่งทักขึ้นก่อนที่ฉันจะทันได้ปฎิเสธอะไรออกไป พอทัก (พร้อมกับทิ้งระเบิดไว้ให้กับฉัน) เสร็จ พวกนางทั้งกลุ่มก็เดินจากไปทันที ไปแบบไม่หันกลับมามองข้างหลังอีกเลย
“อะ ไอรีน” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยอย่างตกใจ มือที่จับแขนเรียวของเธอค่อยๆ ปล่อยลงอย่างช้าๆ
“ฉันเกลียดการเป็นดาวมหา’ลัยที่สุด!”