บทที่ 4 - เงาของใครคนนั้น (ทำไมต้องคิดถึง) (จบตอน)

1802 Words
“คัท!” เสียงผู้กำกับสั่งคัทราวกับเสียงทิพแห่งสวรรค์ เพราะทุกคนทำงานกันหนักมากตั้งแต่เช้ายันเย็น ยามเหนื่อยล้าเช่นนี้จึงไม่มีใครอยากยื้อเวลาแห่งการพักผ่อนของตัวเอง ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน “วันนี้น้องไอรีนทำดีมากเลยนะคะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นงานแรกของน้อง น้องแสดงได้ดียิ่งกว่าดาราดังๆ บางคนซะอีกค่ะ” พี่สไตล์ลิสของกองถ่ายเดินเข้ามาชมฉันไม่หยุด “โห ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะพี่ ที่หนูทำออกมาได้ดีก็เพราะมีพี่ๆ คอยช่วยเหลือทั้งนั้นแหละค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ” ฉันยิ้มตอบอย่างนอบน้อม “แหม คุณน้องก็ ถ่อมตัวจังเลยนะคะ งั้น เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเก็บของก่อนนะคะ คุณน้องก็รีบกลับบ้านไปพักผ่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทฯ อีกแต่เช้า” “อะไรนะคะ เข้าบริษัทฯ อีก เข้ามาทำไมคะ” ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ “ก็เข้ามาเซ็นสัญญากับทางเราไงคะน้องไอรีน” เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พี่เขาบอกว่าอะไรนะ เซ็นสัญญางั้นเหรอ “เซ็นสัญญา?” ฉันขมวดคิ้ว “ทำหน้างงแบบนี้ อย่าบอกนะคะว่าคุณ ซันนี่ ไม่ได้บอกเรื่องเซ็นสัญญา” พี่สไตล์ลิสย้อนถาม “ไม่ได้บอกค่ะ” ฉันส่ายหน้า “โอะ ตาย!” พี่สไตล์ลิตกุมขมับ “สงสัยพี่ต้องไปต่อว่าคุณซันนี่ซะหน่อยแล้วล่ะ ที่ไม่ยอมแจ้งคุณน้องไอรีนเรื่องเซ็นสัญญา” พี่สไตล์ลิสตั้งท่าจะเดินไป แต่ฉันรีบคว้าต้นแขนของเจ้าตัว “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ เดี๋ยวเรื่องนี้หนูเคลียร์กับเขาเองดีกว่าค่ะ” ฉันยิ้มตอบ “แต่ว่า…” “ถ้าให้พี่ต่อว่าเขาหนูเกรงว่ามันจะไม่เหมาะน่ะค่ะ เพราะยังไงเขาก็เป็นคนพาหนูเข้ามา” ฉันชี้แจงถึงเหตุผล พี่สไตล์ลิสถึงบางอ้อก่อนจะยอมถอยทัพ ไม่ไปเอาเรื่องกับอีตานั่น ใช่! อีตานั่น หลังจากที่เก็บสัมภาระของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็ไม่รอช้ารีบเดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของใครบางคนทันที บริษัท Hi Magazine ใหญ่โตสมคำล่ำลือจริงๆ ตึกสูงเฉียดฟ้าบวกกับจำนวนพนักงานอีกพันชีวิตที่ฝากปากท้องเอาไว้กับองค์กร ยิ่งใหญ่โตและมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าที่นี่มีรากฐานที่มั่นคงมากเท่านั้น! “ขอพบคุณซันนี่ค่ะ” ทันทีที่มาถึงฉันก็รีบแจ้งจุดประสงค์ของตัวเองต่อเลขาฯ หน้าห้อง แอบเห็นนะว่าเจ้าหล่อนเอาแต่นั่งเซลฟี่อยู่หน้าคอมฯ เหอะ นี่ยังไม่หมดเวลางานเลยแท้ๆ คนสมัยนี้ทำงานแบบเช้าชามเย็นชามจริงๆ “ไม่ได้ค่ะ เวลานี้เป็นเวลาที่คุณซันนี่ต้องเตรียมตัวกลับบ้าน ไม่ให้ใครเข้าพบ” เจ้าหล่อนตอบแบบลอยหน้าลอยตาสุดฤทธิ์ เท่านั้นยังไม่พอ สาวร่างอวบอั๋นยังแอบเบ้ปากใส่ไอรีนอีกต่างหาก “ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง” ฉันถามเสียงเอาเรื่อง ก็จะไม่ให้เอาเรื่องยังไงไหว ในเมื่อยัยเลขานี่หล่อนเบ้ปากใส่ฉัน “ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ” คนพูดไหวไหล่แบบไม่แคร์สื่อ “เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ตอนนี้คุณซันนี่ไม่ให้เข้าพบ” เลขาสาวเอ่ยปากไล่ร่างบางอีกครั้ง “เธอโทร. เข้าไปบอกเขาก่อนสิ ว่าฉันมาขอพบ” ฉันตวัดเสียงใส่ ยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังอดกลั้นที่จะไม่วีนแตกใส่ยัยเลขาปากเน่าคนนี้ “ไม่จำเป็นต้องโทร. รายงานหรอกค่ะ ในเมื่อเวลานี้มันไม่ใช่เวลารับแขกอยู่แล้ว” คนพูดจงใจใช้สายตาดูถูก เป็นเชิงสื่อให้คนตรงหน้ารู้ทางอ้อมว่าเธอนั้นหมายความว่าอย่างไร แน่นอน ว่าฉันก็รู้ความหมายของเจ้าหล่อน “ถ้าเธอไม่โทรฯ เข้าไปรายงานคุณซันนี่ ฉันจะเปิดประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” เลขาสาวทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจในคำพูดของอีกฝ่าย ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ “หึ” ฉันยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณ และพบเจอกับสิ่งๆ นี้เข้า ซ่า! “กรี๊ดดดดด!” “นี่คุณ!” หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกยืนมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยสายตาสุดช็อก “เธอทำแบบนี้ทำไม ทำไมต้องเอาน้ำมาราดใส่ตัวฉันด้วย” “คุณทำตัวเองนะ ฉันไปทำอะไรคุณกัน!” เลขาสาวรีบปัดความผิด ใช่! ฉันเห็นบนโต๊ะของยัยนี่มีเหยือกน้ำเหยือกหนึ่งวางอยู่ ก็เลยเสียสละเล่นสงกรานต์ก่อนล่วงหน้า ตอนนี้ทั้งตัวฉันเปียกปอนไปด้วยหยดน้ำตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า และแน่นอนว่ามันคือความตั้งใจของฉัน “ฉันจะบอกคุณซันนี่ว่าเธอทำตัวไร้มารยาทกับฉัน” ไม่รอช้าสองเท้าก็รีบก้าวฉับๆ ไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว มือบางกำลังจะเอื้อมแตะกลอนประตูอยู่แล้วเชียว “นี่ ไม่ได้นะ” เลขาสาวรีบเอาตัวเองมาขวางทางฉัน ให้มันรู้กันไปสิว่าฉันจะยอม ปังๆ “นี่คุณ!” “เปิดประตู” ปังๆ “บอกให้เปิดไงเล่า!” “ยัยบ้านี่ อยากลองดีนักใช่ไหม!” ฉันกำลังจะเอื้อมฝ่ามือไปทุบบานประตูอีกหน พลั่ก! ร่างทั้งร่างของฉันล้มลงกับพื้นกระเบื้องชั้นดี ฉันตวัดสายตาขึ้นมองยัยเลขาจอมแสบที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า พอกันที หมดสิ้นความอดทน ในเมื่อยัยบ้านี่มันกล้าลงมือทำร้ายร่างกายฉันก่อน ฉันก็จะไม่ขอทนอีกต่อไป “มีเรื่องอะไรกัน?” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ลุกขึ้นยืนเตรียมเปิดศึก ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกด้วยน้ำมือของใครคนหนึ่ง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้จักเขาเช่นกัน ไม่ใช่อีตาซันนี่นี่นา “อะ เอ่อ คะ คือว่า…” น้ำเสียงสุดแสนจะลนลานของแม่เลขาฯสาว หล่อนตกใจไม่น้อยที่คนที่เปิดประตูออกมาไม่ใช่ซันนี่ “ผมถามว่ามีเรื่องอะไรกัน จะอ้ำอึ้งอีกนานไหม?” ผู้ชายร่างสูงถามเสียงเข้ม “แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้” นัยน์ตาคมเลื่อนมองมาที่ฉัน (สภาพล้มไม่เป็นท่าอยู่กับพื้น) “ดะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะท่านประธาน มะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ” เลขาฯ สาวรีบแก้ตัวเสียงอ่อย ร่างอวบอั๋นสั่นระริกไม่กล้าสบสายตากับชายหนุ่มตรงหน้า เหอะ กลัวจนหัวหดเลยสินะ เดี๋ยวก่อนนะ… ท่านประธานอย่างนั้นเหรอ “หลีกไป” เสียงนิ่งเอ่ย ก่อนที่เจ้าตัวจะพาร่างอันสูงโปร่งของตนเข้ามาใกล้ฉัน ชายหนุ่มนั่งชันเข่าข้างหนึ่งเอียงคอมองฉันด้วยท่าทางสงสัยอะไรบางอย่าง แต่แปลก แล้วทำไมฉันต้องหวั่นๆ กับสายตาของเขาด้วยนะ “ชื่อไอรีนใช่ไหม” เขาเอ่ยถามสั้นๆ เขารู้จักฉันด้วยเหรอ “มาถ่ายโฆษณาเป็นวันแรกนี่ ใช่ไหม” ไม่รอให้ฉันตอบเขาก็รีบถามคำถามต่อไปทันที “แล้วทำไมเปียกไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะ” เสียงเข้มยังถามไม่หยุด และฉันเองก็เอาแต่เงียบ “ดิฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะท่านประธาน ดิฉันแค่…” เลขาฯ สาวรีบพูดแทรก “เงียบ!” ร่างสูงหันหน้าไปปรามคนของตน “ฉันถามเขา ไม่ได้ถามเธอ” ฉันแอบเหลือบสายตามองยัยเลขาฯ หน้าวอก ตลกชะมัด! หน้านี่ซีดเป็นไก่ต้มไหว้เจ้าเลย ฮ่าๆ “เห?” ฉันเผลออุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ ผู้ชายคนนี้ก็ช้อนร่างของฉันเข้าสู่อ้อมแขนของตัวเอง ทำเอาฉันต้องรีบเอื้อมมือคล้องต้นคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวหล่น ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของแม่ยัยเลขาฯ หน้าวอกนั่น เขาจัดการอุ้มร่างของฉันเข้าไปในห้องทำงานอันกว้างใหญ่ พร้อมกับปิดประตูลงกลอนเสร็จสรรพ ละ ลงกลอนเหรอ “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้น” ร่างสูงพูดยิ้มๆ ในขณะที่ค่อยๆ วางร่างบางลงกับโซฟา พอก้นสัมผัสกับเนื้อนุ่มของโซฟาปุ๊บ ฉันก็รีบเด้งตัวเขยิบหนีเร็วไว ปฏิกิริยาของฉันคงจะสร้างความหรรษาให้กับเขาไม่น้อย เพราะริมฝีปากหยักเอาแต่หัวเราะอยู่ในลำคอ “ขำอะไร” ฉันถามเสียงห้วน “ขำคุณนั่นแหละ คุณจะกลัวอะไรผมนักหนาครับ บอกแล้วไงว่าไม่ทำอะไร” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงกว่าตอนที่พูดกับแม่เลขาฯ หน้าห้องมาก เลยพลอยทำให้ฉันไม่รู้สึกกลัวเท่าตอนแรก “ตกลงคุณชื่อไอรีนใช่ไหมครับ” เขาถามซ้ำอีกครั้ง “ถ้ารู้แล้วคุณจะถามทำไม” ฉันย้อนถาม “คุณนี่ปากร้ายไม่เบาเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ “นี่คุณ!” “โอเคครับ โอเค ผมไม่ว่าคุณก็ได้” คนตรงหน้าชูมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ สายตาคมมองหญิงสาวร่างเล็กด้วยรอยยิ้มละไม “ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรกับซันนี่เหรอครับ” จริงสิ… ฉันลืมเรื่องที่จะมาคุยกับอีตาซันนี่เสียสนิทเลย “จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ก็เรื่องที่ฉันมาถ่ายโฆษณาบ้าๆ นี่ไง” “ทำไมครับ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” คนถามขมวดคิ้ว ฉันมองหน้าเขาอย่างใช้ความคิด ผู้ชายคนนี้ทำไม… “ทำไมหน้าของคุณ…” “ทำไมครับ มีอะไรติดหน้าผมเหรอ” คนถามใช้มือหนาลูบคลำไปทั่วใบหน้าหล่อเหลา แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร “ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนิครับ” “ช่างมันเถอะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก” ฉันรีบบอกปัด ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “ฝากบอกนายซันนี่ด้วยนะคะ ว่าฉันต้องการคุยกับเขาเรื่องงานถ่ายโฆษณา ให้เขาโทร. หาฉันด้วย ขอบคุณ” ฉันพูดรวดเดียวจบ ตั้งท่าจะเดินจากไป แต่มือหนากลับคว้าต้นแขนของฉันเอาไว้ “เดี๋ยวก่อนสิครับ ซันนี่กำลังจะมาที่นี่ ไม่อยู่รอพบเขาด้วยตัวเองหรือครับ” “ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต่อ ขอตัวก่อนนะคะ” “เดี๋ยวก่อนสิครับคุณ” ฉันไม่สนใจเสียงเรียกของผู้ชายคนนั้น ไม่ได้! ฉันอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้ แค่ฉันมองใบหน้าของเขามันก็ทำให้ฉันนึกถึงใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นที่ฉันคิดว่าตัวเองลืมไปแล้ว ใครคนนั้นที่ฉันคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ซีโร่… ฉันคิดถึงนาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD