บทที่ 1.2 - HI MY NAME IS IRENE (จุดเริ่มต้นของตำแหน่งดาวมหา'ลัย) (จบตอน)

1338 Words
2 ชั่วโมงต่อมา “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างคนหมดแรง วันนี้ทั้งวันฉันเหนื่อยเหลือเกิน ไหนจะต้องเรียนหนังสือ ไหนจะต้องทำกิจกรรมตามที่ตัวเองได้รับตำแหน่งมา และแถมยังต้องมาคอยยิ้มรับทักทายผู้คนภายในมออีก นี่ถ้าเกิดว่ามีรายการแข่งยิ้มที่ประเทศไทยไอรีนคนนี้จะขอสมัครเป็นคนแรกเลย “ไงจ๊ะ แม่ดาวมหา’ลัย” น้ำเสียงแสนคุ้นเคยทักทายขึ้น ฉันหันไปยิ้มให้กับบุคคลที่มาพร้อมกับขนมเค้กสีสวยน่าทาน ว้าว เค้กรสวานิลาซะด้วย รสโปรดของฉันเลยล่ะ ชอบกินที่สุดแล้ว “อย่าเรียกแบบนี้อีกนะยะ ฉันไม่เห็นจะชอบเลย ขนลุกยังไงก็ไม่รู้” ว่าพลางกับทำท่าสะดุ้งเบ้ปาก “เก๋ออก แม่ดาวมหา’ลัย” คนถูกห้ามไม่ยอมลดราวาศอก “อร่อยไหม” น้ำใส เพื่อนที่ฉันรักที่สุด (ในชีวิต) ถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าฉันตักเค้กคำแรกเข้าปากเป็นที่เรียบร้อย “อร่อยสิยะ เพื่อนรักทำให้กินทั้งที ไม่อร่อยได้ไง” ฉันตอบพลางกับยื่นหน้ายื่นตาเข้าไปใกล้น้ำใส โอเค หลังจากที่พาทุกคนไปเวิ่นเว้อกับอะไรก็ไม่รู้มาต่างๆ นานา เอาเป็นว่าฉันขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยแล้วกัน สวัสดีชาวโลก ฉันชื่อ ไอรีน สาวน้อย (มั้ง) อายุ 20 ปี ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง คณะนิเทศศาสตร์ เอกการแสดง ชั้นปีที่ 1 พอบอกชั้นปีไป หลายคนอาจจะงง ว่าทำไมฉันอายุยี่สิบแล้วถึงเพิ่งมาเป็นเฟรชชี่ มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยใช่ไหมล่ะ ถ้าฉัน… ไม่ดรอปเรียน ฉันดรอปเรียนไปเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปี ด้วยเหตุผลที่ว่า… ไม่บอกดีกว่า เรื่องราวของฉันนั้นยิ่งกว่าละคร ยิ่งกว่านิยายที่วางขายกันตามท้องตลาดด้วยซ้ำ มันเป็นอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกเกลียดและกลัวทุกครั้งที่นึกถึงมัน ผู้หญิงคนหนึ่งถ้าต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายแบบนั้น เชื่อเถอะ ไม่มีใครรับได้หรอก และฉันเอง ก็รับมันไม่ได้เช่นกัน! “เฮ้อ เหนื่อยชะมัด” ฉันยังคงบ่นไม่หยุด แม้ว่าอารมณ์ล้าจะบรรเทาลงไปบ้างแล้ว เพราะว่าได้ทานเค้กแสนอร่อยจากเพื่อนรัก แต่ยังไงซะร่างกายของฉันมันก็ยังคงประท้วงว่าเหนื่อยอยู่ดี “กินเสร็จก็นอนพักซะสิ จะได้มีแรงลุกขึ้นมาเชิดหน้าเชิดตาใหม่ แม่ดาวมหา’ลัย” น้ำใสแซวเสียงขัน “พอๆ” ฉันส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยต่อ “เมื่อไหร่แกจะเลิกแซวฉันเรื่องนี้สักทีเนี่ย บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนี้ มันขนลุก!” ฉันแสดงท่าทีขนลุกขนพองประกอบคำพูด น้ำใสหัวเราะขบขัน “ถ้าขนลุกขนาดนั้นแล้วแกจะไปประกวดทำไม” คำถามของยัยน้ำใสทำให้ฉันหยุดชะงักการทานขนมเค้กทันที “ก็ฉันไม่รู้นี่ว่ามันจะได้ รุ่นพี่เขาจับส่งไป ฉันก็ไป” ว่าแล้วก็เบ้ปากอีกครั้ง ตอนเข้ามาเป็นเฟรชชี่ใหม่ๆ ฉันยังจำได้ขึ้นใจว่าตอนรับน้องครั้งแรกได้มีรุ่นพี่สาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบกับฉัน 2 เดือนที่แล้ว ‘น้องคะๆ’ ‘คะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?’ ‘พี่ชอบบุคลิกของน้องมากเลยค่ะ น้องเป็นผู้หญิงที่สวยเลิศเลอมากรู้ไหมคะ’ ‘แหะๆ ขอบคุณค่ะพี่’ ‘ไหนๆ ก็เกิดมาสวยแล้วอ่ะ ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม?’ ‘อะไรคะ?’ ‘ช่วยลงประกวดดาวมหา’ลัยปีนี้ได้ไหมคะ น้องสวยมากจริงๆ ค่ะ’ ‘เอ่อ พี่คะ หนูคงประกวดไม่ได้หรอกค่ะ พี่หาคนอื่นดีกว่านะคะ’ ‘โอ๊ย! คนอื่นหน้าตางั้นๆ ค่ะ แต่ว่าน้องอ่ะ สวยมาก สวยจริงๆ ลงประกวดเถอะนะคะ ถือซะว่าพี่ขอร้อง เฮ้ย ไม่ใช่สิ ถือซะว่าช่วยคณะนะคะ นะคะน้อง นะคะ’ ‘แต่หนูไม่มีความมั่นใจเลยค่ะ หนูว่าหนู…’ ‘น้องไม่รักคณะเหรอคะ ? ทำเพื่อคณะแค่นี้ไม่ได้เหรอคะ?’ ‘เอ่อ…’ ‘โอเคค่ะ ถ้าน้องไม่อยากลงประกวด ไม่อยากช่วยคณะ พี่ก็จะไม่บังคับน้องค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ’ ‘พี่คะ ประกวดก็ประกวดค่ะ’ เหอะ เป็นไงล่ะ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชีวิตการเป็นเฟรชชี่ของฉันก็ไม่ราบรื่นอีกต่อไป ทุกเย็นหลังเลิกเรียนก็ต้องซ้อมการแสดงที่ใช้สำหรับการประกวด ซ้อมการเดิน การโพสท่า การตอบคำถาม และ การแนะนำตัว เรียกได้ว่าต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างราวกับเด็กแรกเกิด ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมกับแค่ประกวดดาวเดือนมหา’ลัย ทุกคนต้องจริงจังกันมากขนาดนี้ด้วย ทุกวันนี้ฉันยังจำสีหน้าท่าทางและแววตาของพวกรุ่นพี่ได้อยู่เลยว่าพวกเขานั้นทุ่มเทกับฉันมากแค่ไหน แพ้ไม่ได้! นี่คือสิ่งที่ฉันสัมผัสได้จากแววตาของรุ่นพี่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคณะไหนก็ตาม “ถ้างั้นก็คิดซะว่ามันเป็นเพราะหน้าตาสวยๆ ของแกพาซวยแล้วกันนะจ้ะ เพื่อนเลิฟ” น้ำใสจับปลายคางของฉันสะบัดไปมาอย่างหมันเขี้ยว “รู้อย่างนี้ไม่น่าเอามันออกเลยก็ดี จะได้ไม่ต้อง…” “หยุด!” น้ำใสชี้หน้าฉันจริงจังก่อนที่ฉันจะพูดจบ “หยุดความคิดเดี๋ยวนี้ยัยไอรีน หล่อนลืมไปแล้วเหรอว่าหล่อนเกลียดสิ่งๆ นั้นมากแค่ไหน การที่หล่อนตัดมันออกจากชีวิตไปได้คือสิ่งที่วิเศษมาก ลืมแล้วหรือไง” “ไม่ได้ลืม แต่แค่เซ็งๆ ก็เลยบ่นไป” ฉันตอบเสียงอ้อมแอ้ม น้ำใสอยู่กับฉันตลอดเวลาที่เกิดเรื่อง คอยเตือนสติฉันทุกเรื่อง “ดีแล้ว อย่าเซ็งให้มันบ่อยนักล่ะ เดี๋ยวหน้าตาหมองคล้ำหมดสวยกันพอดี กินเสร็จแล้วก็นอนซะ เดี๋ยวฉันจะเอาเสื้อผ้าลงไปซักให้” น้ำใสว่าพลางลุกขึ้นยืน จะว่าไปยัยน้ำใสก็ไม่ได้สวยน้อยไปกว่าฉันสักเท่าไหร่เลยนะ ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวเล็กแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเซ็กซี่ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางเฉียบรูปกระจับ ผิวกายเนียนสวยสีน้ำผึ้งบวกกับรูปร่างสูงเพียว (เผลอๆ ยัยนี่จะสูงกว่าฉันด้วยซ้ำไป) ยิ่งส่งผลให้ผู้หญิงตรงหน้าฉันนั้นสวยคมไปในทุกๆ ด้านจริงๆ สวยมาก “มองไร” น้ำใสตะโกนถามเสียงดังทำเอาฉันรีบหุบริมฝีปากที่เผลออ้าออกเองแบบไม่รู้ตัว “แกสวยนะ” ฉันพูดแล้วส่งสายตาหวานเยิ้ม และมันก็ได้ผล เมื่อคนถูกชมอมยิ้มในท่าทีเขินอาย หึๆ ถึงตาฉันแกล้งแกบ้างล่ะยัยเพื่อนรัก “สวยเหมือนดาราระดับซุปตาร์เลย ถ้าใครเห็นแกอ่ะ ต้องรักต้องหลงแกแน่นอน” “บะ บ้า! แกก็พูดไปเรื่อย” น้ำใสรีบหันหน้าหนีสายตาล้อเลียนจากฉัน “ฉันไปซักผ้าแหละ คุยกับแกแล้วยิ่งเพ้อเจ้อ” ว่าจบร่างบางก็รีบหิ้วตะกร้าผ้าออกจากห้องไปทันที “ฮ่าๆ” ฉันหัวเราะดังลั่นหลังจากที่ร่างของเพื่อนรักออกไปจากห้องแล้ว น้ำใสถือเป็นผู้หญิงที่ขี้อายมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ยัยนั่นมักจะเขินม้วนทุกครั้งที่มีคนชมรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ไม่ว่าคนชมจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม อย่าว่าแต่คนอื่นเล้ย ขนาดฉันผู้ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทชิดเชื้อกันมามากกว่าสิบปียัยนั่นยังไม่วายเขิน แต่ก็น่าแปลก สวยๆ อย่างยัยน้ำใสทำไมยังไม่มีเจ้าของหัวใจสักทีนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD