ในยุคสมัยที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกันทั้งหญิงและชาย โลกเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นในการแสดงออก ครอบครัวของเธอทั้งสองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทอฝันมองตัวเองในกระจก หล่อนอยู่ในชุดเจ้าหญิงสีขาว กระโปรงยาวกรอมพื้น บนหัวมีมงกุฎมุ้งสีขาวฟูฟ่องอยู่บนนั้น
“เจ้าสาวเสร็จหรือยังคะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาช่างแต่งหน้าละมือลงแล้วเดินไปยืนอยู่ข้างๆ
“โอ้โหว วันนี้ลูกแม่สวยจังเลย” ผู้เป็นแม่มองลูกอย่างชื่นชม
“ยิ้มหน่อยสิลูก” เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่เอ่ยคำใด จินตนาจึงเย้าลูกหล่อนเล่นเพื่อผ่อนคลาย
“หนูยิ้มไม่ออกหรอกค่ะแม่ หนูทำหน้าไม่ถูกด้วยซ้ำเมื่อเผชิญหน้ากับเขา” ทอฝันนึกถึงใบหน้าเรียบนิ่งของคนที่หล่อนจะแต่งงานด้วยนั้น
“เอาเถอะน่าลูก อยู่ๆ กันไปเดี๋ยวก็ชินไปเอง” ผู้เป็นแม่กล่าวปลอบ
“จะให้หนูชินกับคำว่าหน้าเงินเหรอคะแม่”
“มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกลูก พี่แพรวาเขาคงไม่ปากร้ายขนาดนั้น”
“ที่ไหนล่ะคะแม่ หนูถูกตอกใส่หน้ามากี่ครั้งแล้วล่ะคะ”
“เอาเถอะๆ หนูคิดว่าทำเพื่อพ่อกับแม่แล้วกันนะ” จินตนาดึงลูกสาวตัวเองเอาไปกอด หล่อนมีลูกสาวคนเดียวที่หล่อนเลี้ยงมาดังแก้วตาดวงใจ แต่วันนี้ต้องยกให้กับเจ้าหนี้พนันของผู้เป็นสามี หล่อนคิดอย่างหนักใจ
“ได้เวลาเข้าพิธีแล้วค่ะ” เสียงเด็กสาวออกมาตาม ร่างบางปรับสีหน้าทำใจ ทอฝันหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาถือ แล้วเดินไปรอผู้เป็นแม่ที่อยู่ตรงประตูนั้น หล่อนหันไปยิ้ม เมื่อเห็นว่าพ่อหล่อนเดินมาหา
“พ่อคะ” ดวงตาหวานมองผู้ที่เป็นบิดาตาเป็นประกาย
“พ่อขอบใจมากลูก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พ่อรับปากหนูแล้วนะคะว่าจะไม่ทำอีก” เด็กสาวมองหน้าพ่ออย่างของตัวเองเพื่อรอคำตอบ
“อืม พ่อรับปากลูก ไปเถิดถึงเวลาแล้ว”
เขาตั้งแขนขึ้นเพื่อให้ลูกสาวเกาะเดินไปข้างหน้า ในใจรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ส่งบุตรสาวยอดกตัญญููนี้มาให้ ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาก็คงมอดม้วยเป็นแน่ โชคดีที่ครอบครัวหนูแพรวาใช้หนี้พนันแทนให้ แต่พ่อของหนูแพรวาซึ่งเป็นเจ้านายเก่าขอแลกกับการที่ลูกสาวต้องแต่งงานกับลูกสาวของเขา ครั้งแรกเขาก็ตกใจ ที่ผู้หญิงจะแต่งงานกันได้เช่นไร แต่เข้าใจยุคสมัยนี้ ไม่ว่าเพศไหนก็มีความเท่าเทียมกันหมด จิตใจสองดวงเท่านั้นที่จะเข้าใจกัน แต่ทว่าลูกสาวเขากับหนูแพรวาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และเพิ่งมาเจอหน้ากันเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนแต่งเท่านั้นเอง
เสียงดนตรีในโบสถ์หรูดังกระหึ่ม ทอฝันใจเต้นรัวเมื่อนึกถึงบรรยากาศตรงหน้านี้ ผู้คนมากมายมาร่วมงาน หล่อนกวาดสายตามองหาร่างของคนที่หล่อนจะต้องแต่งงานด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในสูททักซิโด้ ผมยาวของเขาผูกขึ้นสูงรับกับใบหน้าเรียวสวยนั้น แต่บนศีรษะเขาก็มีมงกุฎมุ้งสีขาวยาวสวยสง่าเหมือนกับหล่อน มันดูสวยเก๋ไปอีกแบบ
“เจ้าสาวมาแล้วค่ะ”
ทันทีที่ร่างบางก้าวลงพรมแดงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบนั้น แพรวาเหลียวหลังไปมองเล็กน้อย แต่ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้หล่อนไม่อาจที่จะกระพริบตาได้ นี่มันยายแว่นเฉิ่มเบอะจริงเหรอ ดวงตากลมกระพริบถี่เพื่อไล่สมองของหล่อน ทำไมไม่เหลือคราบยายลูกเป็ดนั้นเลยแม้แต่น้อย แพรวากลืนน้ำลายลงคอและมองตามร่างเจ้าหล่อนที่เดินเข้ามาใกล้นั้น
“ในเมื่อคู่รักมาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็ได้เวลาแลกแหวนกันแล้ว” เสียงบาทหลวงผู้ทำพิธีเอ่ยขึ้น แพรวายังคงไม่ละสายตาไปจากใบหน้าสวยหล่อนค่อยๆ บรรจงสวมแหวนใส่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าหล่อนอย่างแผ่วเบา
ทอฝันหน้าร้อนผ่าว เมื่อรู้สึกว่าเขาจ้องมองหล่อนนานพอสมควร ขนาดหล่อนสวมแหวนให้เขานานแล้วเขายังไม่วางตาจากหล่อนเลย
และเมื่อเสร็จพิธีกรรมในโบสถ์ ทั้งสองสาวก็ถูกส่งให้ไปฮันนี่มูน ซึ่งทอฝันเองไม่รู้ว่าเขาจะพาไปที่ไหน หล่อนได้แต่นั่งเงียบกริบ มือเล็กถูเข้าหากันอย่างอึดอัดใจและดวงตากลมก็เบิกกว้างเมื่อรู้ว่าเขาพาหล่อนมายังสนามบิน
“เอ่อๆ นี่พี่แพรวาจะไปไหนเหรอคะ” หล่อนหันไปมองเขาแล้วก้มมองชุดของตัวเองตอนนี้ เขาจะพาเราขึ้นเครื่องด้วยชุดนี้หรือไง
“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯนี่ หน้าร้อนฉันอยากไปทะเล”
“จะไปชุดนี้เหรอคะ” หล่อนก้มมองชุดตัวเอง
“อีกชั่วโมงเครื่องจะออก มีห้องพักผู้โดยสาร เราไปเปลี่ยนชุดกันที่นั่น” หล่อนขับรถจอดที่สนามบิน ใบหน้าหล่อนไม่ได้แสดงถึงความยินดียินร้าย ทอฝันถอนหายใจเมื่อนึกถึงโชคชะตาของตัวเอง นี่หล่อนต้องอยู่กับคนเย็นชาแบบเขาอีกนานเท่าไร เขาจำคืนนั้นไม่ได้เลยใช่ไหมทอฝันนึกน้ำตาคลอ...>>>>>>>