วันต่อมา
“พี่ไปก่อนนะ อย่าแอบร้องไห้เพราะคิดถึงพี่ล่ะ” ฉลามบอกลาน้องสาว
วันนี้พ่อของเขาจะเป็นคนไปส่งที่หอพัก เพราะในอีกสามวันข้างหน้าก็จะเปิดภาคเรียนแล้ว พ่อแม่มีความเป็นห่วงไม่อยากให้นำรถไปใช้เพราะถึงอย่างไรก็พักอยู่หอใน กลัวออกไปเถลไถลกับกลุ่มเพื่อนแล้วจะเกิดอันตราย เลยเลือกไปส่งแล้วนำรถกลับมาบ้าน แต่ฉลามก็ยังเป็นห่วงยัยตัวแสบกลัวว่าจะเหงาขึ้นมา เพราะปกติจะอยู่ทะเลาะกันทุกวันราวกับเขาเป็นเพื่อนเล่น
“...”
ปลาดาวสวมใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีขาว ปล่อยผมยาวใส่ที่คาดผมยืนอยู่ตรงประตูพยักหน้าให้พี่ชายด้วยใบหน้าหงอย พอคิดว่าในบ้านจะขาดใครไปสักคนมันก็รู้สึกใจหายขึ้นมา
“ถ้าไม่มีใครให้ทะเลาะด้วย ก็โทรไปหาพี่ได้”
“ฉันโทรไปได้ใช่ไหม โทรได้ตลอดเวลารึเปล่า”
ได้ยินพี่ชายบอกว่าโทรหาได้ ดวงตาที่หลุบต่ำก็รีบช้อนขึ้นมองฉลามที่กำลังเปิดประตูรถ ถ้าอย่างนั้นเธอก็อาจจะได้ยินเสียงของพี่ชายคนนั้นเล็ดลอดเข้ามาในโทรศัพท์บ้าง
“เฉพาะช่วงเย็น ถ้าว่างก็จะคุยเป็นเพื่อน”
“พูดแล้วห้ามคืนคำ”
“รู้แล้วน่ายัยบ๊อง พี่ไปก่อนนะ”
ฉลามโบกมือให้น้องสาวก็เข้าไปนั่งที่ฝั่งคนขับ ขาไปเขาจะเป็นคนขับรถให้ผู้เป็นพ่อนั่งข้าง ๆ จะได้ไม่เมื่อยขา ให้พ่อขับตอนขากลับก็พอ
ฉลามเดินทางไปถึงหอพักก็สายมากแล้ว ปองภพส่งลูกชายแค่ด้านล่างตึกก็เดินทางกลับทันที เพราะต้องรีบไปช่วยภรรยาดูแลร้านอาหาร
“พ่อกลับก่อนนะ ถ้าติดขัดหรืออยากได้อะไรก็โทรมา”
“ครับพ่อ สวัสดีครับ”
ฉลามยกมือไหว้พ่อก็เดินขึ้นไปบนห้องพัก แล้วพบว่ารูมเมตได้มากันครบทุกคนแล้ว
“ตอนนี้ก็มากันครบแล้ว พวกเรามาแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่า จะได้สนิทกันมากขึ้น ฉันชื่อเจมส์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ”
เจมส์เดินไปยืนอยู่กลางห้อง อาสาเป็นตัวแทนเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมห้อง ต่อจากนี้สี่หนุ่มจะต้องนอนด้วยกันทุกคืนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ก่อนที่ปีสองอาจจะมีใครบางคนที่อยากย้ายไปอยู่หอนอกเพราะมีแฟนหรือต้องการความเป็นส่วนตัว หลังจากเอ่ยแนะนำตัวเสร็จก็หันมองไปที่เพื่อนหน้าตาหล่อและดูสุภาพที่สุดในกลุ่ม
“ฉันชื่อทะเล อยู่สาขาเดียวกับเจมส์”
“โห โคตรโชคดีเลยว่ะ ได้นอนห้องเดียวกับคนสาขาเดียวกัน ฉันชื่อนายน์ วิศวกรรมอุตสาหการ”
“กูชื่อฉลาม เรียนเหมือนไอ้นายน์”
หนุ่มห้าวสุดในกลุ่มแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย พร้อมกับยักคิ้วข้างซ้ายทักทายนายน์ที่เรียนสาขาเดียวกัน
เพื่อนผู้ชายนี่มักจะสนิทกันไว หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ รู้ว่าแต่ละคนมีเพื่อนที่เรียนร่วมสาขาก็พลันโล่งใจ อย่างน้อยก็มีคนไปเรียนพร้อมกัน ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะเจมส์กับนายน์เดินทางมาจากต่างจังหวัด
“รู้จักกันแล้วก็ไม่เกรงใจแล้วนะเว้ย เมื่อคืนนอนกับไอ้ทะเลสองคน แม่งหน้ากลัวชิบหายเลยว่ะ” เจมส์เอ่ยขึ้น
“น่ากลัวยังไงวะ” นายน์ทำหน้าอยากรู้
“ก็ตอนที่ทะเลมันปิดโคมไฟของมันใช่ไหม ตอนแรกกูก็คิดว่าเสียบหูฟังเปิดเพลงแล้วมันจะหลับ แต่มันดันไม่หลับเว้ย ทีนี้กูก็เริ่มเสียวสันหลัง เลยดึงผ้าห่มคลุมหัวจนร้อนไปหมดเลยไอ้เชี่ย”
เจมส์เริ่มเล่าถึงคืนแรกที่ได้มานอนหอพักแห่งนี้อย่างออกรส เนื่องจากเขาเป็นคนกลัวผี แล้วอีกสองเตียงที่เพื่อนยังไม่มาก็ไม่มีคนนอนยิ่งทำให้เกิดความกลัวเข้าไปใหญ่ กลัวว่าลืมตาขึ้นแล้วจะเห็นพลังงานบางอย่าง ภายในห้องยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ ทำเอาขนลุกจนแทบนอนไม่หลับ
“แล้วเจออะไรไหม” นายน์ถามต่อ
“ไม่เจอ”
“โห่ พวกกูก็ฟังกันตั้งนาน แล้วมึงจะเล่าทำห่าอะไร กูก็นึกว่ามึงเจอดีเข้าให้”
นายน์รู้สึกผิดหวังที่นั่งฟังอย่างลุ้นระทึก สรุปว่าเพื่อนแค่กลัวแล้วคิดไปเองว่าจะมีผี
“กูแค่จะบอกว่าตอนที่พวกมึงยังไม่มาแม่งห้องมันวังเวงว่ะ แต่คืนนี้อยู่กันครบแล้ว กูจะนอนหลับสนิทเหมือนไอ้ทะเลสักที ไม่รู้หลับลงได้ยังไง นอนเงียบตลอดทั้งคืนจนกูนึกว่ามันตาย”
เสียงเพื่อนคุยกันส่งเสียงหัวเราะชอบใจ คนถูกเมาท์ก็ได้แต่ยกยิ้มส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน
*****
ทางด้านปลาดาว
“พ่อคะแม่คะ หนูไปโรงเรียนก่อนนะคะ”
ปลาดาวยกมื้อไหว้พ่อกับแม่หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย
วันนี้ก็เป็นวันเดียวกันกับพี่ชายที่เปิดเรียนเป็นวันแรก เธอเดินออกจากบ้านไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร แล้วนั่งรอที่ศาลาริมทางกับเด็กนักเรียนที่อาศัยอยู่ในระแวกใกล้เคียงกัน ในเวลาประมาณเจ็ดโมงยี่สิบนาทีก็จะมีรถประจำทางรับส่งนักเรียนมารอรับ เพื่อเดินทางไปโรงเรียนมัธยมที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณสิบกิโลเมตร
พอไปถึงโรงเรียนปลาดาวก็เห็นลูกตาลเพื่อนสนิทของเธอที่มาถึงก่อน กวักมือเรียกอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ถุนอาคารเรียน
“ไม่เจอกันเกือบสองเดือน ฉันคิดถึงแกมาก”
“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน” ปลาดาวตอบกลับเพื่อน
ทั้งสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มอหนึ่ง แต่บ้านอยู่ห่างกันประมาณห้ากิโลเมตร ปิดเทอมใหญ่เลยไม่ได้เจอกัน มีเพียงการโทรคุยกันคลายเหงาก็แค่นั้น อีกอย่างลูกตาลก็ต้องกลับไปเยี่ยมตายายที่ต่างจังหวัดด้วย
“ลืมเอาสร้อยมาเหรอ ไม่เห็นใส่”
“ฉันทำหายน่ะ”
นึกแล้วก็ยังเสียดายไม่หาย หรือว่าจะทำหล่นตอนไปช่วยพี่ชายขนของเข้าหอ แต่ถ้าตกอยู่ในห้องนั้นก็ต้องโทรมาบอกแล้วสิ แต่นี่พี่ชายยังเงียบ เธอก็เลยไม่ได้ถามเพราะคิดว่าคงจะหายที่อื่น
“ไม่เป็นไรนะ ก็แค่ของนอกกาย”
กริ๊ง…!!!
คุยกันได้ไม่นานเสียงออดของโรงเรียนก็ดังขึ้น ทั้งสองคนจึงรีบไปเข้าแถวเคารพธงชาติ หลังจากทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จก็ได้เวลาเข้าเรียนจนถึงสี่โมงเย็น
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะปลาดาว”
“โอเค ฉันยังต้องไปเรียนพิเศษอยู่”
“เรียนพิเศษที่ตึกข้าง ๆ นี้ใช่ไหม”
“อื้อ อย่าบอกนะว่าแกก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วแกนึกยังไงถึงสมัครเรียนพิเศษ”
“มีใครบางคนบอกให้ฉันตั้งใจเรียน” ปลาดาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่พูดประโยคนี้
“ใครอะ อย่าบอกนะว่าปิดเทอมนี้แกแอบไปมีแฟน”
ลูกตาลเกิดความสงสัย จะว่าพ่อแม่ของเพื่อนหรือว่าพี่ชายก็ไม่น่าใช่ เพราะปลาดาวเคยมาเล่าให้ฟังว่าทางบ้านถามเรื่องเรียนเสริมช่วงหลังเลิกเรียน แต่ปลาดาวก็ปฏิเสธมาโดยตลอด เพราะแค่เรียนในห้องก็หัวหมุนจะแย่
“มีฟงมีแฟนอะไร ยังเรียนไม่จบเลย”
ปลาดาวทำหน้าเลิ่กลั่ก กลั้นยิ้มจนหน้าแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเธอถึงได้เขินกับคำถามของเพื่อนมากขนาดนี้